ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 750 หารือ(1)
ตอนที่ 750 หารือ(1)
เมื่อเห็นสีหน้าไม่อยากเชื่อของเซี่ยเจ๋อเหว่ย หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็รู้สึกเบื่อหน่ายในทันใด หล่อนหันไปหาเหยาจิ้งจือแล้วพูดว่า “แม่ เราไปกันเถอะค่ะ”
เหยาจิ้งจือมีสีหน้าลังเล เมื่อครู่หล่อนได้ยินสิ่งที่ลูกสะใภ้พูดแล้ว เป็นเพราะไม่พอใจและผิดหวังต่อบุตรชายคนโตของหล่อน ลูกสะใภ้คนนี้จึงมีความคิดจะหย่าร้างงั้นเหรอ?
นี่…
แต่ครั้งนี้ลูกชายของหล่อนเป็นฝ่ายผิด ดังนั้นไม่ว่าลูกสะใภ้จะตัดสินใจอย่างไร หล่อนก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
คิดดังนี้เหยาจิ้งจือก็โมโห หันไปหาเหยาอู่แล้วพูดอีกครั้งว่า “จัดการเซี่ยเจ๋อเหว่ยอีกครั้ง พวกเราจะกลับไปที่โรงแรมก่อน เสร็จแล้วค่อยตามไป”
สุดท้ายเธอก็หันไปหาเหยาลิ่วแล้วพูดว่า “ส่วนเธอไปส่งพวกฉันกลับที่พัก”
“ครับ”
เหยาอู่และเหยาลิ่วตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน และเหยาอู่ก็เริ่มทุบตีเซี่ยเจ๋อเหว่ยอีกครั้ง ในขณะที่เหยาลิ่วก็พาเหยาจิ้งจือและหลี่เสวี่ยเยี่ยนกลับไปที่โรงแรม
เซี่ยเจ๋อเหว่ยไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แม่ของเขาให้คนอื่นมาลงมือทุบตีเขา โดยที่ภรรยาของเขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น คำพูดของหล่อนเมื่อครู่นี้หมายความว่าอย่างไร? หล่อนไม่อยากใช้ชีวิตคู่กับเขาอีกต่อไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?
ในขณะที่เซี่ยเจ๋อเหว่ยยังคงมึนงงอยู่ เหยาอู่ก็เริ่มลงมือกับเขาอีกครั้ง
เซี่ยเจ๋อเหว่ยที่ถูกทุบตีอีกครั้งในที่สุดก็เริ่มมีการตอบโต้ เขามองไปที่เหยาอู่แล้วพูดว่า “เหยาอู่ หยุดเดี๋ยวนี้!”
เหยาอู่ขอโทษแล้วพูดว่า “ไม่ได้ครับนายน้อย คุณแม่ของคุณสั่งให้ผมลงมือ”
เขาตอบคำถามของเซี่ยเจ๋อเหว่ย แต่การกระทำของเขาก็ไม่หยุดลง ดังนั้นเซี่ยเจ๋อเหว่ยจึงถูกทุบตีจนเจ็บปวดอีกครั้ง
เมื่อเจียงเพ่ยหลิงเห็นฉากนี้ หล่อนก็ขมวดคิ้วทันที
ชายที่ทุบตีเขาน่าจะเป็นบอดี้การ์ดที่แม่ของเซี่ยเจ๋อเหว่ยพามา แต่บอดี้การ์ดคนนี้กลับไม่ฟังเซี่ยเจ๋อเหว่ยเลย และดูเหมือนจะไม่เคารพเซี่ยเจ๋อเหว่ยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ ภรรยาของเซี่ยเจ๋อเหว่ยยังสวยกว่าที่หล่อนคิดไว้มาก แม้จะไม่ใช่สาววัยรุ่น แต่รูปร่างหน้าตาของหล่อนก็ยังงดงาม และดูเหมือนผู้หญิงเก่ง มีความสามารถ หากอีกฝ่ายเป็นเพียงแม่บ้านธรรมดา หล่อนแน่ใจว่าตนสามารถควบคุมเซี่ยเจ๋อเหว่ยไว้ได้อย่างแน่นอน แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่แบบที่หล่อนคิดไว้ แสดงว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
ในขณะที่เจียงเพ่ยหลิงกำลังครุ่นคิด เหยาอู่ก็สั่งสอนเซี่ยเจ๋อเหว่ยเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะพูดกับเซี่ยเจ๋อเหว่ยว่า “ขอโทษครับนายน้อย”
พูดจบแล้วเขาก็จากไป
เจียงเพ่ยหลิงรอจนเหยาอู่จากไป ในที่สุดหล่อนก็ได้สติและรีบวิ่งไปหาเขาด้วยความกังวลแล้วถามว่า “เป็นอะไรไหมคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า แม่และภรรยาของคุณทำแบบนี้ได้ยังไง? ให้คนมาทุบตีคุณโดยไม่ถามอะไรสักคำ ฉันก็แค่สนิทสนมกับคุณ แต่เราก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกัน”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยเองก็รู้สึกขุ่นเคือง
ที่หลี่เสวี่ยเยี่ยนพูดมาก็ถูก เพราะเซี่ยเจ๋อเหว่ยยังไม่ได้นอนกับเจียงเพ่ยหลิง เขาจึงไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดและคิดว่าเขาและเจียงเพ่ยหลิงยังคงบริสุทธิ์ ดังนั้นการถูกทุบตีเช่นนี้จึงทำให้เขาโกรธเท่านั้น
แม้เซี่ยเจ๋อเหว่ยจะไม่ได้พูดอะไร แต่เจียงเพ่ยหลิงก็รับรู้ถึงอารมณ์ของเขาจากดวงตาของเขา หล่อนจึงอมยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดด้วยความห่วงใยอย่างเต็มที่ว่า “ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาลก่อนนะคะ”
“อืม”
อีกด้านหนึ่ง เหยาจิ้งจือและหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็นั่งเงียบ ๆ อยู่สักพักหลังกลับมาที่โรงแรม
เหยาจิ้งจือลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เสวี่ยเยี่ยน…กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”
จริง ๆ แล้ว หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ยังคิดไม่ตก เมื่อครู่หล่อนกล่าวอย่างเด็ดขาดว่าถ้าไม่ดีก็เลิก แต่ถ้าหล่อนหย่ากับเซี่ยเจ๋อเหว่ยจริง ๆ หล่อนจะยังทำงานในโรงงานเครื่องสำอางได้ไหม หล่อนจะต่อสู้เพื่อลูกชายได้ไหม หล่อนจะพาลูกชายไปใช้ชีวิตในปักกิ่งได้ไหม
เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหา หล่อนจึงรู้สึกสับสนไปหมด และในตอนนี้เองหล่อนก็นึกถึงฉินมู่หลานขึ้นมา
“แม่คะ กลับไปฉันจะลองถามมู่หลานดูค่ะ ว่าหล่อนมีหนทางแก้ไขไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยาจิ้งจือก็เข้าใจทันที จึงรีบพยักหน้าและพูดว่า “อื้ม เราไปถามมู่หลานเถอะ หล่อนต้องมีความคิดดี ๆ แน่”
ตอนนี้ทั้งสองคนอยากกลับไปปักกิ่งเพื่อถามฉินมู่หลานให้ละเอียด จึงไม่รอช้าและบอกให้เหยาลิ่วรีบไปซื้อตั๋ว
“ผู้จัดการหลิว ท่านนี้คือหลี่หมิงฮุยจากตระกูลหลี่ในฮ่องกง เขาอยากมาลงทุนในปักกิ่งค่ะ ไม่ทราบว่าจะติดปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลิวเสวียข่ายจึงรีบพูดว่า “ไม่มีปัญหา”
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ประเทศกำลังต้อนรับนักลงทุนจากฮ่องกง ดังนั้นเขาจึงยิ้มอย่างต้อนรับและหันไปหาหลี่หมิงฮุยก่อนจะถามว่า “คุณหลี่ คุณวางแผนจะลงทุนอะไรครับ?”
ทว่าหลี่หมิงฮุยยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้แน่ชัด
การมาลงทุนที่นี่เป็นความคิดของเขาเอง ทางบ้านไม่มีใครเห็นด้วย แต่เขาก็ดื้อที่จะทำ เพื่อที่พ่อจะได้มองเขาในแง่ดีและภูมิใจในตัวเขา “ผมคงต้องคิดทบทวนอีกที”
หลิวเสวียข่ายรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่หวังว่าหลี่หมิงฮุยจะตัดสินใจเร็ว ๆ นี้
แม้ว่าเขาจะรีบร้อนแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านี้ได้ ทำเพียงยิ้มให้หลี่หมิงฮุยและพูดว่า “เข้าใจครับคุณหลี่ ผมจะรอข่าวจากคุณนะครับ”
เมื่อเห็นท่าทีของหลิวเสวียข่ายเป็นไปในทิศทางที่ดี หลี่หมิงฮุยก็สบายใจขึ้นและถามคำถามหลิวเสวียข่ายมากมาย
หลิวเสวียข่ายก็ตอบคำถามของเขาอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นทั้งสองก็คุยกันอย่างถูกคอและแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อกัน
ส่วนฉินมู่หลานก็ก้มหน้าก้มตากินอาหาร และบรรยากาศระหว่างการกินอาหารมื้อนี้ของทั้งสามคนก็เป็นไปอย่างราบรื่น
หลังจากหลิวเสวียข่ายกลับไป หลี่หมิงฮุยก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย เขาหันไปหาฉินมู่หลานและถามว่า “มู่หลาน คุณคิดว่าผมควรลงทุนอะไรดี ครั้งนี้ผมตั้งใจไว้ว่าจะต้องประสบความสำเร็จ ผมจะต้องประสบความสำเร็จให้ได้ เพื่อที่จะได้มีสิทธ์รับส่วนแบ่งทรัพย์สินของพ่อ”
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉินมู่หลานเองได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเยวี่ย รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลใหญ่อื่น ๆ ในฮ่องกง เธอจึงรู้เรื่องตระกูลหลี่อยู่บ้าง ตอนนี้เมื่อได้ยินคำถามของหลี่หมิงฮุย เธอจึงถามว่า “คุณมีงบลงทุนเท่าไหร่คะ?”
หลี่หมิงฮุยตอบอย่างไม่ได้ปิดบัง “ยี่สิบล้าน”
ฉินมู่หลานได้ยินจำนวนเงินแล้วก็ต้องตื่นตะลึงกับความร่ำรวยของตระกูลเศรษฐีฮ่องกง ทว่าหลี่หมิงฮุยก็เป็นทายาทคนหนึ่งของตระกูลหลี่ การที่เขานำเงินมาลงทุนที่แผ่นดินใหญ่ได้มากมายขนาดนั้นแสดงว่าเขาร่ำรวยจริง ๆ
“ช่วงนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าค่อนข้างขาดตลาด ลองเริ่มต้นจากด้านนี้ดูได้นะคะ”
หลี่หมิงฮุยตาเป็นประกายขึ้นเมื่อได้ยินจึงตอบว่า “เพื่อนร่วมชั้นฉินมีความคิดดีจริง ๆ ผมจะโฟกัสไปที่ด้านนี้และทำการหาข้อมูลอย่างละเอียด”
“ค่ะ คุณลองสืบค้นข้อมูลดูนะคะ”
หลังจากแนะนำเสร็จ ฉินมู่หลานก็เตรียมตัวกลับ
ทว่าหลี่หมิงฮุยคว้าแขนฉินมู่หลานไว้และถามว่า “เพื่อนร่วมชั้นฉิน ผมไม่ได้เจอเซี่ยปิงหรุ่ยมาตั้งนานแล้ว พวกเราไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะครับ”
ฉินมู่หลานมองหลี่หมิงฮุยด้วยความสงสัยและเอ่ยถามว่า “คุณจะคิดทำอะไรคะ?”
“ผมจะทำอะไรได้? ผมแค่อยากให้ทุกคนได้มาเจอกันแล้วกินข้าวด้วยกันเท่านั้นเอง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนอย่างเจ๋อเหว่ยไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ เมียฟ้องหย่าฟ้องชู้ขึ้นมาจริงๆ แล้วจะหนาว
ปิงหรุ่ยมีแฟนแล้วค่า หมิงฮุยเลิกยุ่งนะคะ
ไหหม่า(海馬)
……….