ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 759 พิจารณาอย่างถี่ถ้วน(1)
ตอนที่ 759 พิจารณาอย่างถี่ถ้วน(1)
เมื่อเห็นจงเฉียนจิ้นและเซี่ยเจ๋อเหว่ยหันหลังเดินจากไป เจียงเพ่ยหลิงก็ตื่นตระหนกสุดขีด หล่อนไม่เพียงจับเซี่ยเจ๋อเหว่ยไม่ได้ กระทั่งจงเฉียนจิ้นก็ยังรั้งเอาไว้ไม่ได้อีก เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?
“เธอสินะ เป็นเธอแน่ๆ ที่วางแผนทำร้ายฉัน”
เจียงเพ่ยหลิงจ้องมองฉินมู่หลานอย่างเดือดดาล มั่นใจว่าเธอต้องเป็นคนทำร้ายตนอย่างแน่นอน
ฉินมู่หลานกลับยิ้มเยาะมองเจียงเพ่ยหลิงแล้วกล่าวว่า “ทำชั่วได้ชั่วไง ใครใช้ให้เธอทะเยอทะยานมากขนาดนั้น เป็นชู้รักของคนอื่นไม่พอ ยังคิดจะมาจับสามีของคนอื่นอีก ช่างมักใหญ่ใฝ่สูงจริงๆ”
“เป็นเธอจริงๆ ด้วย ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ ฉันไปจับสามีเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอถึงได้ร้อนรนขนาดนี้ ขนาดภรรยาของเซี่ยเจ๋อเหว่ยยังไม่พูดอะไรเลย”
ยังไม่ทันที่ฉินมู่หลานจะพูด เหยาจิ้งจือก็เดินเข้ามาพูดเสียงเย็นชาว่า “แล้วเธอเป็นใครมาจากไหนถึงกล้ามาตะโกนใส่มู่หลาน ฉันจะบอกให้รู้ไว้นะ ต่อให้ไอ้ลูกโง่เซี่ยเจ๋อเหว่ยนั่นจะหลงเสน่ห์เธอ เธอก็จะไม่ได้อะไรเลย ฉันยอมไม่มีลูกชายคนโตคนนี้ดีกว่าจะมีสะใภ้อย่างเธอ”
พูดจบ เหยาจิ้งจือก็หันไปมองฉินมู่หลาน แล้วพูดว่า “มู่หลาน พวกเราไปกันเถอะ ไม่ต้องไปสนใจคนพวกนี้หรอก”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วตอบว่า “ได้ค่ะ”
เยวี่ยจงจีตามอยู่ข้างๆ พวกเธอมาตลอด เห็นพวกเธอจะไปแล้วจึงเดินตามออกไป แต่ไม่คิดว่าเมื่อเดินมาถึงประตูใหญ่ จงเฉียนจิ้นก็กำลังยืนรออยู่ตรงนั้นพอดี
“นายน้อยเยวี่ย”
จงเฉียนจิ้นพูดพลางมองฉินมู่หลานอีกครั้ง เหตุที่เยวี่ยจงจียอมจัดการเรื่องนี้ก็เพราะเห็นแก่หน้าฉินมู่หลาน เขาจึงอยากรู้มากว่าสาวสวยคนนี้มีฐานะอะไร
เยวี่ยจงจีเห็นสายตาของจงเฉียนจิ้น ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นายยังอยู่ที่นี่อีกเหรอ”
จงเฉียนจิ้นเห็นดังนั้น ก็รู้สึกตัวทันทีว่าเยวี่ยจงจีอารมณ์ไม่ค่อยดี จึงรีบพูดว่า “ฉันแค่อยากถามว่าฉันยังต้องทำอะไรอีกไหม”
“ไม่ต้องแล้ว คืนนี้นายทำมามากพอแล้ว”
เห็นเยวี่ยจงจีพูดเช่นนั้น จงเฉียนจิ้นก็ไม่อยู่ต่อ “นายน้อยเยวี่ย งั้นฉันไปส่งพวกเขานะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะไปส่งพวกเขาเอง”
“งั้นก็ได้ พวกคุณเดินทางกลับกันดีๆ ฉันขอกลับก่อน”
จงเฉียนจิ้นรู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี รีบจากไปทันที
ส่วนเยวี่ยจงจีหันไปมองฉินมู่หลานและเหยาจิ้งจือ พูดว่า “เพื่อนร่วมชั้นฉิน ผมไปส่งพวกคุณกลับนะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “ได้ค่ะ”
หลังจากเยวี่ยจงจีส่งฉินมู่หลานและเหยาจิ้งจือกลับที่พักแล้ว เขาจึงจากไป
เหยาจิ้งจือมองตามรถของเยวี่ยจงจีจนลับตาไป ดวงตาเป็นประกายวิตกกังวล ดูเหมือนว่าเยวี่ยจงจีจะมีท่าทางไม่ธรรมดาต่อมู่หลาน แต่เมื่อหันไปมองลูกสะใภ้คนเล็กที่อยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เปิดเผย หล่อนก็ละทิ้งความคิดเหล่านั้น รีบยิ้มพูดว่า “มู่หลาน พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ รีบไปบอกเสวี่ยเยี่ยนเกี่ยวกับเรื่องคืนนี้ด้วย”
“ค่ะ”
ทั้งสองไปที่ห้องของหลี่เสวี่ยเยี่ยน เหยาจิ้งจือรีบเล่าเรื่องคืนนี้ให้ฟังอีกครั้ง สุดท้ายก็พูดว่า “เสวี่ยเยี่ยน เจ๋อเหวยรู้ถึงความผิดของตัวเองแล้ว เขาจะไม่ไปมาหาสู่กับเจียงเพ่ยหลิงผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว เธอไม่ต้องกังวลแล้วนะ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ในดวงตากลับไม่ค่อยมีรอยยิ้ม
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ หล่อนก็เข้าใจหลายอย่าง บางสิ่งควรจะอยู่ในมือของตัวเองจะดีกว่า ส่วนผู้ชายก็ช่างเขาเถอะ จะมีหรือไม่มีก็เหมือนกัน
เหยาจิ้งจือพูดไปมาก แต่เห็นว่าลูกสะใภ้ทั้งสองไม่ค่อยพูดอะไร หล่อนจึงไม่พูดอีก “เสวี่ยเยี่ยน มู่หลาน พวกเธอพักผ่อนเร็วๆ นะ”
“ค่ะ”
หลังเหยาจิ้งจือกับฉินมู่หลานกลับไปที่ห้องของตัวเองแล้ว หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ยังคงอ่านเอกสารต่อ ช่วงนี้หล่อนเริ่มเข้าใจการดำเนินงานของตลาดวัสดุก่อสร้างแล้ว แต่รู้สึกว่ายังไม่เพียงพอ หล่อนยังต้องพยายามมากกว่านี้อีก
ฉินมู่หลานกลับเข้าห้องพักของเธอ ล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็เข้านอน การออกไปกระชากหน้ากากเจียงเพ่ยหลิงกลางดึกเช่นนี้กินพลังงานไปมาก เธอรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
“มู่หลาน ฉันซื้ออาหารเช้ามาแล้ว เธอรีบมากินเร็วๆ สิ”
ฉินมู่หลานเปิดประตูออกมาก็เห็นเหยาจิ้งจือถือถุงอาหารเช้ามาด้วย
“ค่ะแม่ ฉันมาแล้ว”
พอฉินมู่หลานเห็นว่ามีแค่เธอกับเหยาจิ้งจือสองคน จึงเอ่ยถามขึ้นมา “พี่สะใภ้ล่ะคะ”
“พี่สะใภ้เธอกินอาหารเช้าเสร็จก็ตรงไปที่ตลาดวัสดุก่อสร้างแล้ว”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ตกใจ “เช้าขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“ใช่แล้ว เสวี่ยเยี่ยนขยันมากๆ เลย หล่อนอยากจะคุ้นเคยกับทุกอย่างในตลาดวัสดุก่อสร้างให้เร็วที่สุดน่ะ”
เหยาจิ้งจืออดถอนหายใจไม่ได้ รู้สึกเป็นห่วงลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ ถึงตอนนี้จะทำให้ลูกชายคนโตเห็นธาตุแท้ของเจียงเพ่ยหลิงได้แล้ว แต่หล่อนก็พบว่าลูกสะใภ้ใหญ่ไม่ได้ดีใจมากนัก ความสัมพันธ์ระหว่างเสวี่ยเยี่ยนกับเจ๋อเหว่ยยังคงมีรอยร้าวอยู่
ฉินมู่หลานพยักหน้าพูดว่า “พี่สะใภ้ตั้งใจมากเลย งั้นเรากินอาหารเช้าเสร็จแล้วไปที่นั่นกันเถอะ”
“ได้จ้ะ”
แม่สามีกับลูกสะใภ้เริ่มกินอาหารเช้า พอกินเสร็จก็ไปตลาดวัสดุก่อสร้างด้วยกัน ไม่คิดว่าตอนที่พวกเธอมาถึงกลับไม่เห็นหลี่เสวี่ยเยี่ยน แม้แต่เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ไม่เห็นเงา
ฉินมู่หลานรีบหันไปถามเฉินอวิ๋น “พี่ชายกับพี่สะใภ้ของฉันล่ะคะ”
“เถ้าแก่เซี่ยไม่ได้มาตอนเช้า ส่วนเถ้าแก่หลี่กำลังคุยกับเจียงเพ่ยหลิงอยู่ในสำนักงานค่ะ” เฉินอวิ๋นรีบรายงานสถานการณ์ให้ฟังทันที สุดท้ายก็กระซิบเบาๆ ว่า “เมื่อกี้ฉันเข้าไปเสิร์ฟน้ำชา ได้ยินเขาคุยกันนิดหน่อย เหมือนเถ้าแก่หลี่จะไล่เจียงเพ่ยหลิงออกน่ะค่ะ”
ได้ยินแบบนั้น เหยาจิ้งจือก็พยักหน้าเห็นด้วยเต็มที่ “ผู้หญิงอย่างเจียงเพ่ยหลิงสมควรโดนไล่ออก เสวี่ยเยี่ยนทำถูกต้องแล้ว”
ฉินมู่หลานก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องเก็บเจียงเพ่ยหลิงไว้อีกต่อไป
“ไล่ออกก็ดีแล้ว ตลาดค้าวัสดุก่อสร้างแห่งนี้จะได้ไม่มีมลพิษ”
ได้ยินฉินมู่หลานพูดแบบนี้ เฉินอวิ๋นก็ยิ้มด้วยความดีใจเต็มหน้า “ใช่ๆ ยัยเจียงเพ่ยหลิงนั่นน่ารำคาญมากจริงๆ ทุกวันก็เอาแต่หว่านเสน่ห์ไปทั่ว หล่อน…” แต่เดิมเฉินอวิ๋นยังอยากพูดต่อ แต่เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่สนใจ จึงรีบปิดปาก “เถ้าแก่ฉิน ฉันจะไปรินชาให้พวกคุณนะคะ”
ส่วนเหยาจิ้งจือรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่หลี่เสวี่ยเยี่ยนต้องเผชิญหน้ากับเจียงเพ่ยหลิงคนเดียว อดไม่ได้ที่จะมองฉินมู่หลานแล้วถามว่า “มู่หลาน พวกเราควรจะไปดูที่สำนักงานไหม”
“แม่คะ พวกเราปล่อยให้พี่สะใภ้จัดการเรื่องพวกนี้เองเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นต่อให้หล่อนจะเป็นที่ยอมรับของตลาดวัสดุก่อสร้าง คนอื่นๆ ก็อาจจะไม่ยอมรับหล่อน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ในห้องทำงาน หลี่เสวี่ยเยี่ยนกำลังมองเจียงเพ่ยหลิงด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดว่า “คุณถูกไล่ออกแล้ว คุณไปได้แล้วค่ะ”
เมื่อเห็นหลี่เสวี่ยเยี่ยนทำท่าเหมือนอยู่เหนือกว่า ใบหน้าของเจียงเพ่ยหลิงก็บิดเบี้ยวน่าเกลียด “คุณแค่พูดว่าไล่ออกก็ไล่ออกได้เลยเหรอ คิดว่าคุณเป็นใครกัน ฉันไม่ไปหรอก ฉันทำงานที่นี่ได้ดีแล้วทำไมฉันต้องไป”
“เพราะฉันเป็นเจ้าของที่นี่น่ะสิ”
“เฮอะ…เซี่ยเจ๋อเหว่ยต่างหากที่เป็นเจ้าของใหญ่ ถ้าเขาไม่เป็นคนพูดเองฉันก็ไม่นับ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” เจียงเพ่ยหลิงตั้งใจจะพยายามอีกสักครั้ง แม้ว่าเมื่อคืนเซี่ยเจ๋อเหว่ยจะโมโหจนเดินออกไป แต่หล่อนก็อยากจะลองง้อเขาสักหน่อย เผื่อว่าจะง้อเขาสำเร็จ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความเชื่อใจมันสร้างนานแต่ทำลายได้ในชั่วพริบตาอะนะ ต้องให้เวลาและพฤติกรรมของพี่ใหญ่เป็นตัวพิสูจน์แล้วล่ะ
โอ้โห ขนาดนี้แล้วยังจะหน้าด้านอยู่ต่ออีกนะยัยเจียง เอาค้อนปอนด์มาฟาดให้กระเด็นออกไปดีไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)