ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 761 เซี่ยปิงหรุ่ยหมั้น(1)
ตอนที่ 761 เซี่ยปิงหรุ่ยหมั้น(1)
หลังจากฉินมู่หลานลงจากเครื่องบิน เธอก็เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่มารับ ใบหน้าของเธอพลันเต็มไปด้วยความประหลาดใจและดีใจ “อาหลี่ คุณมาได้ยังไงคะเนี่ย?”
เซี่ยเจ๋อหลี่ยิ้มและรับของจากมือฉินมู่หลาน พร้อมกับพูดว่า “พอดีวันนี้ผมว่าง เลยมารับคุณ”
ระหว่างที่พูดเขาก็มองเยวี่ยจงจี พยักหน้าทักทายและพูดว่า “สหายเยวี่ยก็มาเมืองหลวงด้วยเหรอครับ?”
เยวี่ยจงจีก็ไม่คิดว่าจะเจอเซี่ยเจ๋อหลี่ในทันทีที่ลงจากเครื่องบิน เมื่อเห็นความสนิทสนมระหว่างเซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลาน เขาก็รู้สึกแสบตาขึ้นมา “ใช่แล้ว ผมกับฉินมู่หลานคุยเรื่องความร่วมมือกันอีกครั้ง เลยมาเมืองหลวงด้วยกันในครั้งนี้”
ระหว่างที่พูด เขายังยิ้มและเข้าไปใกล้ฉินมู่หลาน “ฉินมู่หลาน ถ้ามีธุรกิจอะไรอีก อย่าลืมชวนผมด้วยนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มและพยักหน้าพูดว่า “ได้สิ”
เซี่ยเจ๋อหลี่มองเยวี่ยจงจีอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร จูงมือฉินมู่หลานและพูดว่า “มู่หลาน พวกเรากลับบ้านกันเถอะ เด็กๆ คิดถึงคุณมาก”
“ฉันก็คิดถึงพวกเขาค่ะ”
ฉินมู่หลานเดินตามเซี่ยเจ๋อหลี่ออกไป แต่เธอก็ไม่ลืมเยวี่ยจงจี หันไปมองเขาและพูดว่า “สหายเยวี่ย พวกเราไปส่งคุณที่บ้านพักก่อนนะ”
“ไม่ต้องหรอก พวกคุณไปก่อนเถอะ ผมไปเองได้”
ตอนที่ฉินมู่หลานกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หลี่หมิงฮุยก็วิ่งเข้ามา
“ฮึบ…ทันเวลาพอดี จงจี ทางนี้ๆ”
เขาพูดพลางมองไปที่ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ “ฉินมู่หลาน สามีคุณมารับแล้ว งั้นพวกคุณไปก่อนเลย ผมจะไปกับจงจีเอง”
ฉินมู่หลานเห็นหลี่หมิงฮุยเข้ามา ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น พยักหน้าพูดว่า “ได้ งั้นฝากเยวี่ยจงจีด้วยนะ พวกเราขอตัวกลับบ้านก่อน”
มองเห็นแผ่นหลังของฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ที่กำลังจากไป เยวี่ยจงจีก็ขมวดคิ้วมองหลี่หมิงฮุยและพูดว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินนายบอกเลยว่าจะมารับฉัน”
หลี่หมิงฮุยยิ้มและโอบไหล่เยวี่ยจงจี พูดว่า “ก็ฉันอยากให้เป็นเซอร์ไพรส์ไง เป็นยังไงบ้าง รู้สึกประหลาดใจไหม?”
เยวี่ยจงจีทนไม่ไหว ชักสีหน้าใส่หลี่หมิงฮุย พูดว่า “ไม่”
พูดจบก็เดินตรงออกไป
“เดี๋ยว…รอฉันด้วย”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่กลับถึงบ้าน ซูหว่านอี๋ก็รีบเชิญชวนพวกเขารับประทานอาหาร “มู่หลาน อาหลี่ อาหารพร้อมแล้ว พวกเธอรีบมากินเร็วๆ สิ”
“ได้ค่ะ พวกเราจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
หลังจากที่ฉินมู่หลานเปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลองแล้ว เธอก็ไปเล่นกับเด็กๆ สักพัก จากนั้นก็ไปรับประทานอาหารด้วยกัน
หลังจากทุกคนนั่งประจำที่แล้ว ซูหว่านอี๋ก็มองดูฉินมู่หลาน แล้วพูดว่า “มู่หลาน ลูกดูผอมลงนะ”
นายท่านเหยาและคุณนายเหยาพูดตามว่า “ใช่แล้ว ผอมลงจริงๆ”
แต่พวกท่านสนใจเรื่องของเซี่ยเจ๋อเหว่ยและหลี่เสวี่ยเยี่ยนมากกว่า จึงรีบถามว่า “เจ๋อเหว่ยกับเสวี่ยเยี่ยนคืนดีกันแล้วหรือยัง”
“น่าจะคืนดีกันแล้วล่ะมั้งคะ”
ฉินมู่หลานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่เซินเจิ้นให้ฟัง สุดท้ายก็พูดว่า “แม่อยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้ใหญ่ที่เซินเจิ้น รอจนกว่าจะจัดการเรื่องตลาดวัสดุก่อสร้างเสร็จแล้วก็จะกลับมาค่ะ”
ฉินเคอวั่งได้ยินดังนั้นก็อยากจะถามเรื่องตลาดวัสดุก่อสร้าง เพราะเขาเองก็ลงทุนไปไม่น้อย กลัวว่าธุรกิจจะขาดทุน แต่ทุกคนกำลังสนใจเรื่องของคู่สามีภรรยาเจ๋อเหว่ย ถ้าเขาถามเรื่องธุรกิจก็ดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามอะไรมาก ตั้งใจว่าจะหาโอกาสถามพี่สาวเป็นการส่วนตัว
ส่วนคุณนายเหยาได้ยินเรื่องของเจียงเพ่ยหลิงแล้ว นางก็ทำหน้ารังเกียจ
“เจ๋อเหว่ยนี่แย่จริงๆ ถึงถูกผู้หญิงแบบนั้นหลอกเอาได้ แต่เสวี่ยเยี่ยนนี่สิทำไมถึงได้ทุ่มเทให้กับงานขนาดนั้น คืนนั้นถึงไม่ไปด้วย”
ฉินมู่หลานนึกถึงท่าทีของพี่สะใภ้ใหญ่ก็รู้ว่าหล่อนปลงตกแล้ว อาจจะไม่ได้ใส่ใจพี่ใหญ่มากเท่าแต่ก่อน แต่เธอก็ไม่อาจพูดออกมาได้ “คุณปู่ คุณย่า พวกเรารีบกินข้าวกันเถอะค่ะ ฉันหิวแล้ว”
“ได้ๆๆ รีบกินข้าวเร็ว”
คุณนายเหยาเห็นว่าถวนถวนกับหยวนหยวนก็หิวแล้ว จึงรีบหยิบตะเกียบคีบอาหารให้เด็กๆ
หลังจากกินอาหารเสร็จ ซูหว่านอี๋ก็รีบให้ลูกสาวกลับไปนอน “คืนนี้ชิงชิงกับเฉินเฉินนอนกับแม่ ส่วนถวนถวนกับหยวนหยวนไปนอนกับคุณปู่คุณย่า ดังนั้นลูกกับอาหลี่รีบไปพักผ่อนเถอะ”
“แม่ ยังไงพวกเราก็ต้องเลี้ยงลูกนะคะ ในเมื่อฉันกลับมาแล้ว จะให้พวกแม่เลี้ยงไปเรื่อยๆ ได้ยังไง”
ซูหว่านอี๋ผลักลูกสาวออกพลางว่า “ไม่เป็นไร ลูกไปพักผ่อนเถอะ แค่คืนเดียวเอง”
คุณนายเหยาเองก็ยังอยากเลี้ยงถวนถวนกับหยวนหยวน ก็เลยพยักหน้าตาม “ใช่ เธอและอาหลี่รีบไปพักผ่อนเถอะ พวกเราดูแลเด็กเอง”
พูดจบก็พาถวนถวนกับหยวนหยวนไปยังที่ของพวกเขา
ซูหว่านอี๋ก็พาชิงชิงกับเฉินเฉินกลับห้องของหล่อนเช่นกัน
เซี่ยเจ๋อหลี่จับมือฉินมู่หลานเดินไปที่บ้านของพวกเขา พลางยิ้ม “เอาเถอะ พ่อกับแม่และแม่สามีเข้าใจพวกเราขนาดนี้ คืนนี้เราพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ ช่วงนี้คุณเดินทางไปกลับที่เซินเจิ้นบ่อยๆ คงเหนื่อยน่าดู”
แต่หลังจากที่ทั้งคู่เข้านอน ฉินมู่หลานกลับจ้องหน้าผู้ชายตรงหน้าพลางว่า “เมื่อกี้ใครบอกว่าจะให้ฉันพักผ่อนคะ”
“เหอะ…”
เสียงหัวเราะต่ำแหบพร่าของเซี่ยเจ๋อหลี่ดังขึ้น เขาโน้มใบหน้าเข้าหาหูฉินมู่หลานเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไร คุณนอนพักให้สบายเถอะ ผมจะจัดการเอง”
ฉินมู่หลาน “…”
สุดท้ายฉินมู่หลานก็ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเช้าของวันถัดมาแล้ว
“มู่หลาน ตื่นแล้วเหรอ”
พอเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ที่มีท่าทางสดชื่นแจ่มใส ฉินมู่หลานก็อดเหลือบมองเขาไม่ได้ “ทำไมยังอยู่ที่บ้านล่ะคะ วันนี้ไม่ต้องไปทำงานเหรอ”
“ไปสิ เดี๋ยวออกไปพร้อมคุณก็ได้”
ฉินมู่หลานมองเวลา ปรากฏว่ายังไม่สายมากนัก พอเธอตื่นแล้ว ทั้งคู่ก็ลงไปกินอาหารเช้าที่ห้องอาหารด้วยกัน ทักทายเด็กๆ เสร็จแล้วก็ออกไปทำงาน
“มู่หลาน ระวังด้วยนะ”
คู่สามีภรรยาแยกจากกันที่ทางแยก คนหนึ่งไปโรงพยาบาลปักกิ่ง อีกคนกลับไปที่กองทัพ
หลังจากที่ฉินมู่หลานมาถึงโรงพยาบาล หลี่ปิ่งฉวนก็รีบมาหาเธอ “คุณหมอฉิน คุณกลับมาทำงานแล้วสินะ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหมอหลี่”
ฉินมู่หลานยิ้มทักทายหลี่ปิ่งฉวน
แต่หลี่ปิ่งฉวนกลับมีสีหน้ากระวนกระวาย “คุณหมอฉิน รีบไปที่แผนกผู้ป่วยในกับผมเร็วเข้า”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของฉินมู่หลานก็ดูจริงจังขึ้นมาทันที เธอรีบเดินตามหลี่ปิ่งฉวนไปที่แผนกผู้ป่วยใน ระหว่างทางหลี่ปิ่งฉวนก็เล่าอาการของคนไข้ให้ฟัง “คนไข้คนนี้คือคนที่พวกเราไปผ่าตัดที่เซียวเฉิงเมื่อครั้งก่อน เขารู้ว่าพวกเราเป็นหมอจากโรงพยาบาลปักกิ่ง เลยมาหาพวกเรา ปัญหาคือหลังเอ็กซเรย์ปอดของเขาแล้วก็ไม่พบอะไรผิดปกติ แต่เขากลับรู้สึกไม่สบายและหายใจไม่สะดวก”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วทันที การผ่าตัดครั้งก่อนประสบความสำเร็จมาก ตามหลักแล้วไม่ควรจะเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น ดูท่าจะต้องรอดูอาการก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ทั้งสองมาถึงห้องพักผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ฉินมู่หลานเข้าไป เหยียนอีผิงและเหวยซิ่วลี่ก็มองมาที่เธอ
“คุณหมอฉิน ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”
ฉินมู่หลานเห็นทั้งสองคนดูตื่นเต้น จึงยิ้มและพูดว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” ระหว่างที่พูด เธอก็เดินไปที่ข้างเตียงและจับชีพจรให้เหยียนอีผิงทันที
เหยียนอีผิงเห็นดังนั้นก็รีบนอนนิ่งๆ ให้ฉินมู่หลานตรวจชีพจรเขา
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ผ่าตัดไปแล้วแต่อาการทรุด เอกซเรย์ก็ไม่เจอรอยโรค เกิดโรคอะไรขึ้นกันแน่นะ
ไหหม่า(海馬)