ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 767 ฤดูกาลจบการศึกษา(1)
……….
ตอนที่ 767 ฤดูกาลจบการศึกษา(1)
หลังจากทำกิจกรรมมาทั้งวัน ฉินมู่หลานและเพื่อน ๆ ต่างรู้สึกพึงพอใจมาก
“เซี่ยวอวิ๋น เธอจัดงานได้ดีมากเลย รู้สึกว่างานรวมตัวในวันนี้มีแต่ความอิ่มเอมใจไปหมด”
“ใช่แล้ว วันนี้รู้สึกผ่อนคลายจริง ๆ” สือหยวนฝูเอ่ยขึ้น ตั้งแต่มีลูกแล้วหล่อนก็ยุ่งกับการเลี้ยงลูกไปด้วยและเรียนไปด้วย รู้สึกเหนื่อยไปหมด วันนี้จึงถือเป็นวันที่หล่อนผ่อนคลายที่สุดแล้ว ทั้งไม่ต้องเลี้ยงลูก และไม่ต้องยุ่งกับการฝึกงาน
ได้ยินแบบนี้ เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็อดพูดไม่ได้ “งั้นต่อไปพวกเรามารวมตัวกันบ่อย ๆ นะ”
คนอื่น ๆ ต่างบอกว่าไม่มีปัญหา แต่สือหยวนฝูกลับถอนหายใจ พูดว่า “ฉันว่าต่อไปคงไม่ได้มารวมตัวกับพวกเธอแล้วล่ะ ใกล้จะจบการศึกษาแล้ว ฉันต้องกลับบ้านเกิด ต่อไปก็จะไปพัฒนาตัวเองที่บ้านเกิด คงมีโอกาสมาที่เมืองหลวงน้อยมาก”
ตอนแรกทุกคนยังมีความสุขกันอยู่ แต่พอได้ยินสือหยวนฝูพูดแบบนี้ ความรู้สึกเศร้าใจที่ต้องจากลากันก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น
ฉินมู่หลานยังคงยิ้มพูดว่า “ไม่เป็นไร ถ้าเราว่างตอนไหน เราจะไปหาเธอที่บ้านเกิด แล้วเราก็จะได้มารวมตัวกันอีกครั้ง”
สือหยวนฝูได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“จริงเหรอ งั้นพวกเธอต้องรักษาคำพูดนะ พอพวกเธอไปแล้ว ฉันจะต้อนรับพวกเธอเป็นอย่างดีเลย”
คนอื่น ๆ ต่างพยักหน้ายิ้มรับ “ไม่ต้องห่วง ถ้ามีเวลาจะต้องไปแน่นอน”
ทุกคนหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“นี่ดึกแล้ว พวกเรารีบกลับกันเถอะ พอกลับไปถึงมหาวิทยาลัยแล้ว เราค่อยมารวมตัวกันใหม่”
“ได้เลย”
ทุกคนโบกมือลาแยกย้ายกันกลับไป
ฉินมู่หลานกลับถึงบ้านแล้วกลับพบว่าไม่มีใครอยู่ที่ลานหน้าบ้าน เมื่อเธอเดินไปใกล้ลานหลังบ้านก็ได้ยินเสียงคุยกันอย่างครึกครื้น และเหมือนจะได้ยินเสียงของเหยาจิ้งจือและหลี่เสวี่ยเยี่ยนด้วย
“มู่หลาน เธอกลับมาแล้ว เข้ามานั่งเร็ว”
เหยาจิ้งจือเงยหน้าขึ้นมาเห็นลูกสะใภ้แล้วก็ยิ้มและเรียกให้เธอเข้ามา
ฉินมู่หลานมองตาม และพบว่าเป็นแม่สามีกับพี่สะใภ้จริงๆ จึงรีบเดินเข้าไปพูดว่า “แม่ พี่สะใภ้ พวกคุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ”
“พวกฉันเพิ่งกลับมาไม่นาน คิดว่าคุณปู่ คุณย่า และ เสี่ยวอวี่ ต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ เลยมาที่นี่เลย”หลี่เสวี่ยเยี่ยนตอบด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็จูงมือฉินมู่หลานให้นั่งลง “ได้ยินว่าวันนี้เธอไปงานเลี้ยงรวมรุ่นกับเพื่อนๆ สนุกไหม”
พูดถึงตอนท้าย สายตาของหล่อนก็มีแววอิจฉาอยู่บ้าง
อิจฉาที่มู่หลานสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีได้ อิจฉาที่มู่หลานมีเพื่อนสนิทและเพื่อนๆ มากมาย ขณะที่หล่อนไม่มีเพื่อนเลย หลังจากไปทำงานในโรงงานเครื่องสำอาง ทุกคนก็ใจดีกับเธอ แต่นั่นเป็นเพราะรู้ว่าหล่อนเป็นพี่สะใภ้ของมู่หลาน ทุกคนถึงได้ทำแบบนั้น ดังนั้นหล่อนจึงยังคงไม่มีเพื่อนสนิท
“สนุกมากเลยค่ะ แต่ก็รู้สึกใจหายอยู่บ้าง มีเพื่อนคนหนึ่งหลังจากจบการศึกษาก็จะกลับบ้านเกิด คาดว่าคงจะเจอกันยากหลังจากนี้”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนพูดต่อว่า “อย่างนั้นก็คงรู้สึกผูกพันจริงๆ แต่ตอนนี้ไปที่ไหนก็สะดวกมาก ต่อไปต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ”
ฉินมู่หลานยิ้มและพยักหน้า “ใช่แล้วค่ะ”
ตอนนี้ชิงชิงกับเฉินเฉิน รวมถึงเด็กๆ ทั้งกลุ่มต่างก็วิ่งเข้ามา
“แม่…แม่…ดูสิ”
เด็กๆ ทุกคนมีขนมอยู่ในมือ “ป้าใหญ่ให้มา”
“แล้วพวกหนูพูดขอบคุณหรือยัง”
“พูดแล้ว~~”
เด็กๆ ทุกคนพยักหน้าอย่างน่ารัก
“งั้นพวกเธอก็ไปเล่นกับพี่เสี่ยวอวี่ต่อเลยนะ”
“อืม…”
เด็กๆ พูดคุยกับฉินมู่หลานสองสามคำแล้วก็รีบวิ่งไปเล่นกับเสี่ยวอวี่ต่อ
ส่วนฉินมู่หลานมองหลี่เสวี่ยเยี่ยน แล้วถามว่า “พี่สะใภ้ ที่ตลาดวัสดุก่อสร้างโน่น เรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม”
พอพูดถึงเรื่องนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ยิ้มเต็มหน้า “เรียบร้อยหมดแล้ว แถมตอนที่ฉันอยู่ที่นั่น ฉันยังได้ร่วมสั่งของ รับของ และตรวจสอบสินค้าด้วย ฉันก็สนิทกับผู้จัดการจางแล้ว ฉันวางแผนว่าช่วงปิดเทอมจะพาเสี่ยวอวี่ไปที่นั่นด้วยกัน”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็อดพูดไม่ได้ “พี่สะใภ้เก่งจริงๆ เรียบร้อยหมดในเวลาสั้นๆ แบบนี้ พอปิดเทอมแล้วเคอวั่งก็ต้องไปที่นั่นแน่ๆ ตอนนั้นพวกพี่ก็ไปด้วยกันได้เลย”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินแล้วก็รีบพยักหน้าพูดว่า “ใช่ ฉันไปกับเคอวั่งได้ แต่มู่หลาน ช่วงปิดเทอมเธอไม่ไปเหรอ”
“ค่อยดูอีกทีตามสถานการณ์ละกันค่ะ ฉันอาจจะไปไม่ได้”
ที่โรงงานยา เธอต้องเริ่มผลักดันยาใหม่แล้ว ส่วนที่โรงพยาบาลปักกิ่งก็ไม่อยากปล่อยคน อยากให้เธอกับปิงหรุ่ย ฝึกงานต่อที่โรงพยาบาลช่วงปิดเทอม เธอเลยต้องจัดสรรเวลาให้ดี
เห็นฉินมู่หลานพูดแบบนั้น หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ด้วยรู้ว่ามู่หลานยุ่งตลอด
ส่วนอีกฝั่ง คุณนายเหยากับคุณย่าฉินก็คุยกันอยู่
เหยาจิ้งจือกำลังคุยกับนายท่านเหยาเรื่องที่เซินเจิ้น พร้อมทั้งชมเชยหลี่เสวี่ยเยี่ยน เป็นการใหญ่ “ผ่านเรื่องนี้มาฉันถึงได้รู้ว่าเสวี่ยเยี่ยนมีความสามารถแบบนี้ด้วย ฉันว่าหล่อนทำงานคนเดียวได้เลยนะคะ”
นายท่านเหยาได้ยินก็หัวเราะแล้วพูดว่า “พวกคุณแม่สะใภ้ลูกสะใภ้ทั้งสามคนเก่งมากๆ”
เหยาจิ้งจือหัวเราะตามแล้วพูด “ใช่แล้ว ฉันก็ว่าพวกเราเก่งมาก แต่ที่เก่งที่สุดก็ยังเป็นมู่หลานอยู่ดี”
นายท่านเหยาก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้อยู่แล้ว หลานสะใภ้ตัวน้อยเก่งกว่าผู้ชายหลายคนที่เขาเคยเจอมาเลย จิ้งจือมีลูกสะใภ้แบบนี้ถือว่าเป็นโชคดีของหล่อนเลย
เมื่อคุณปู่ฉิน ซูหว่านอี๋ และฉินเคอวั่งกลับมาแล้ว พวกเขาก็พบว่าเหยาจิ้งจือและ หลี่เสวี่ยเยี่ยนกลับมาแล้วเช่นกัน ซูหว่านอี๋จึงรีบไปที่ครัว ตั้งใจจะทำอาหารจานเด็ดสองสามอย่าง
“หว่านอี๋ ไม่ต้องยุ่งแล้ว ที่ครัวเขาทำอาหารเสร็จแล้ว ฉันเพิ่งไปดูมา อุดมสมบูรณ์มากเลย”
เมื่อซูหว่านอี๋ได้ยินดังนั้น ก็ไม่ยืนกรานที่จะทำอาหารอีกต่อไป แต่ยังคงไปดูที่ครัวอีกครั้ง ช่วยจัดวางชามและตะเกียบ
ส่วนหลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นฉินเคอวั่งกลับมา ก็รีบยิ้มและบอกเขาเรื่องไปพักร้อนที่เซินเจิ้น
ฉินเคอวั่งยิ้มและพูดว่า “ได้เลยพี่สะใภ้ ตอนนั้นผมจะไปกับพวกคุณ”
ก่อนที่จะฝึกงาน เขาตั้งใจจะไปดูตลาดวัสดุก่อสร้างให้ดี ๆ
ระหว่างที่ทุกคนคุยกัน ต่างก็เดินไปที่ห้องอาหาร สุดท้ายก็กินมื้อเย็นด้วยกันอย่างอบอุ่นครึกครื้น
ท้องฟ้ามืดแล้ว เหยาจิ้งจือกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนจึงพักค้างคืนหนึ่งคืน แต่พอถึงวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็พานายท่านเหยา คุณนายเหยา และเสี่ยวอวี่กลับไปที่คฤหาสน์เก่าของ ตระกูลเหยา
บ้านก็เงียบเหงาลงทันที ซูหว่านอี๋ยังไม่ค่อยชินเลย
“จริง ๆ แล้วให้พวกพ่ออยู่ที่บ้านได้เลยนะ แบบนี้จะได้คึกคักกว่านี้”
“งั้นคราวหน้าเราค่อยเชิญพ่อมาพักที่นี่”
ซูหว่านอี๋พยักหน้าตามและพูดว่า “ได้” แต่คนที่หล่อนอยากพบมากที่สุดคือฉินเจี้ยนเซ่อ “ไม่รู้ว่าพ่อจะกลับมาได้เมื่อไหร่ ก่อนปีใหม่ต้องกลับมาได้แน่ ๆ ”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ใจหายเหมือนกันนะ เรียนจบก็ไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ไหหม่า(海馬)
……….