ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 769 การสืบสวนคดียาปลอม(1)
ตอนที่ 769 การสืบสวนคดียาปลอม(1)
“มู่หลาน เธออ่านหนังสือหรือยัง”
เซี่ยปิงหรุ่ยถามทันทีที่เห็นฉินมู่หลาน หล่อนก็ไปฝึกงานก่อนเวลาในเทอมนี้เช่นกัน ไม่รู้ว่าจะผ่านการสอบปลายภาคหรือไม่ จู่ๆ ก็รู้สึกกังวลขึ้นมาหน่อย
ฉินมู่หลานพยักหน้าตอบว่า “อ่านแล้ว”
“อ้าว… เธออ่านตอนไหน เธอแอบอ่านหนังสือลับหลังฉันเหรอ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็หัวเราะและมองเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยหางตา พูดว่า “แอบอ่านหนังสืออะไรกัน ฉันอ่านอย่างเปิดเผยชัดเจนต่างหาก”
พูดจบเธอก็ถามเซี่ยปิงหรุ่ยเรื่องงานหมั้นในอีกสองวันข้างหน้า
“ในอีกสองวันพวกเธอต้องมากันให้หมดนะ พ่อแม่ฉันกับคุณปู่ฟู่เลือกวันแต่งงานได้กระชั้นเกินไป พวกเราสองคนเลยจะจัดงานแบบง่ายๆ อย่างแค่กินข้าวด้วยกันมื้อเดียว” เซี่ยปิงหรุ่ยเคยถามแม่ด้วยความสงสัยว่าก่อนหน้านี้ท่านไม่พอใจฟู่โฮ่วหลิ่นมาตลอด ทำไมครั้งนี้ถึงเลือกวันแต่งงานที่เร่งรีบแบบนี้
เชิ่งลี่มองหล่อนด้วยสายตาเย็นชา
‘ในเมื่อลูกตัดสินใจเลือกฟู่โฮ่วหลิ่นแล้ว ไม่ว่าจะแต่งเร็วหรือช้าก็ต้องแต่ง งั้นแต่งเร็วๆ ไปเลย แล้วก็มีลูกเร็วๆ สิ’
“แม่ฉันเลือกวันที่สิบเอ็ดเดือนหนึ่งด้วยเหตุผลนี้แหละ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดีเลย”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็หัวเราะพูดว่า “คุณน้าพูดมาก็มีเหตุผลนะ ในเมื่อเธอตัดสินใจเลือกฟู่โฮ่วหลิ่นแล้ว แต่งเร็วหรือช้าก็เหมือนกัน ดังนั้นอย่าคิดมากเลย”
“อืมๆ”
ทั้งสองคนคุยกันไปเรื่อยๆ ระหว่างเดินไปห้องเรียน พอพวกเธอไปถึง การสอบก็ใกล้จะเริ่มแล้ว
หลังจากการสอบทั้งหมดจบลง ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็เตรียมกลับหอพัก
“มู่หลาน ปิงหรุ่ย พวกเธอมาแล้วสินะ”
เมื่อเหมาชุนเถาเห็นทั้งสองคนเดินมา หล่อนก็รีบโบกมือเรียก “พวกเราเพิ่งคุยกันเมื่อสักครู่ว่าพอพวกเธอมาแล้ว พวกเราจะไปกินข้าวที่ร้านอาหารหน้าประตูมหาวิทยาลัยกัน”
“ดีเลย”
ขณะทุกคนในหอพักไปกินอาหารด้วยกัน เซี่ยปิงหรุ่ยก็ถามพวกหล่อนว่ามะรืนนี้ว่างหรือไม่
“ฉันจะแต่งงานหลังปีใหม่ ดังนั้นฉันจะจัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงานเล็กๆ ก่อนปีใหม่ ถ้าพวกเธอว่าง ก็มากินข้าวด้วยกันนะ”
สือหยวนฝูพูดอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า “ฉันต้องออกเดินทางกลับบ้านเกิดตอนกลางคืน ฉันคงไปไม่ได้ แต่ฉันจะไปร่วมงานแต่งของเธอหลังปีใหม่นี้แน่นอน”
“ได้เลยหยวนฝู งั้นหลังปีใหม่เธอต้องมานะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยยิ้มและพูดกับสือหยวนฝูประโยคหนึ่ง จากนั้นทุกคนก็กินข้าวต่อ
หลังจากกินข้าวเสร็จ ในที่สุดทุกคนก็รู้สึกเศร้าเสียใจที่ต้องจากลา
เหมาชุนเถา เกาซุนชิว เฉินเซี่ยวอวิ๋น และสือหยวนฝูต่างก็จบการศึกษาแล้ว สือหยวนฝูกลับบ้านเกิด ส่วนอีกสามคนไปทำงานคนละที่ ส่วนฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยยิ่งยุ่งมากขึ้นกับการฝึกงานที่โรงพยาบาล แทบจะไม่ได้เจอกันเลย ถ้าทุกคนอยากจะรวมตัวกัน ต้องนัดเวลากันล่วงหน้า ไม่เหมือนตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยจริงๆ
“ขอให้พวกเรามีชีวิตราบรื่นในอนาคตนะ”
ฉินมู่หลานยิ้มและยื่นมือออกไปเพื่อแตะมือกับคนอื่นๆ
เซี่ยปิงหรุ่ยและเหมาชุนเถา รวมถึงคนอื่นๆ ต่างหัวเราะและพูดตอบกลับว่า “ขอให้ทุกอย่างราบรื่น และดีขึ้นเรื่อยๆ”
ไม่มีงานเลี้ยงใดที่จะไม่เลิกรา หลังจากที่ฉินมู่หลานลาจากทุกคน เธอก็กลับบ้าน
เมื่อซูหว่านอี๋เห็นฉินมู่หลานกลับมา หล่อนก็พูดขึ้นว่า “มู่หลาน พวกลูกปิดเทอมแล้วใช่ไหม ยังต้องไปที่โรงพยาบาลต่อหรือเปล่า”
พูดถึงเรื่องนี้ ฉินมู่หลานก็ถอนหายใจและพูดว่า “ยังต้องไปต่อค่ะ ทางโรงพยาบาลไม่ยอมปล่อยคนและให้พวกเราทำงานต่อ รอจนกว่าจะเริ่มเทอมหน้า แล้วค่อยย้ายไปที่โรงพยาบาลทหาร”
ซูหว่านอี๋ได้ยินดังนั้นก็พูดพร้อมกับหัวเราะว่า “นั่นแสดงว่าลูกกับปิงหรุ่ยมีฝีมือทางการแพทย์ดีน่ะสิ โรงพยาบาลถึงไม่อยากปล่อยตัว”
“ใช่แล้ว”
ฉินมู่หลานตอบประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นก็เอ่ยถึงเรื่องการงานแต่งงานและงานหมั้นของเซี่ยปิงหรุ่ย “งานแต่งงานของปิงหรุ่ยถูกกำหนดไว้หลังปีใหม่ ส่วนงานหมั้นก็จะจัดเลี้ยงอาหารเล็กๆ น้อยๆ ก่อนปีใหม่ พอถึงเวลานั้นพวกเราไปด้วยกันเถอะค่ะ ทุกคนจะได้ครึกครื้นไปด้วยกัน”
ซูหว่านอี๋ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด
“ได้สิ แน่นอนว่าต้องไป”
ระหว่างที่แม่ลูกคุยกัน ฉินเคอวั่งก็กลับมาแล้ว วันนี้เขาไม่ได้กลับมากินข้าว หลังจากสอบเสร็จ เขาก็ไปกินข้าวกับเกาเชี่ยนเชี่ยนที่ร้านอาหารข้างนอก
เมื่อซูหว่านอี๋เห็นลูกชาย หล่อนก็ทักทายเสียงหนึ่ง
หลังจากที่ฉินเคอวั่งพูดกับแม่ไม่กี่ประโยค เขาก็หันไปมองฉินมู่หลาน แล้วพูดว่า “พี่สาว ผมก็จะไปฝึกงานหลังปีใหม่แล้ว สถานที่ฝึกงานคือสถาบันออกแบบที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าพอไปแล้ว จะปรับตัวได้หรือเปล่า”
สถานที่ฝึกงานแห่งนั้นมีเกาจู่ต๋าพ่อของเกาเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนหาให้ ด้วยหวังว่าเขาและ เกาเชี่ยนเชี่ยนจะฝึกงานได้ดี และสามารถทำงานที่สถาบันออกแบบต่อไปได้ แต่ฉินเคอวั่งกลับคิดว่าหลังจากจบการศึกษาแล้วจะไปเซินเจิ้น ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยกระตือรือร้นกับการฝึกงานครั้งต่อไปนัก
ฉินมู่หลานรู้ความคิดของน้องชายแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เคอวั่ง ก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วไง ไปสถาบันออกแบบจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย ดังนั้นตอนนี้นายก็ตั้งใจไปฝึกงานให้ดีก่อน ส่วนหลังจากนั้นจะเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกทีตอนที่นายฝึกงานเสร็จแล้วได้ใบปริญญาแล้วดีไหม”
เมื่อได้ยินพี่สาวพูดแบบนี้ ฉินเคอวั่งก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “พี่ ผมเข้าใจแล้ว ผมแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้นายแค่สับสนเฉยๆ เดี๋ยวนายก็จะรู้ว่าโอกาสในการฝึกงานแบบนี้หาได้ยากมาก”
ฉินเคอวั่งเคารพพี่สาวอย่างฉินมู่หลานเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่คิดมากอีกต่อไป พยักหน้าพูดว่า “ใช่แล้ว เป้าหมายของผมคือตั้งใจเรียนให้ดี ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น”
ซูหว่านอี๋ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อครู่หล่อนกำลังจะพูดกับลูกชายอยู่พอดี ดีที่ลูกสาวมีวิธีพูดจนทำให้เขาเข้าใจได้ทันที ดังนั้นหล่อนจึงไม่ต้องเสียน้ำลายอะไรมากมาย
เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าฉินเคอวั่งเข้าใจแล้ว เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เปลี่ยนมาพูดถึงเรื่องที่จะไปเซินเจิ้นแทน
“ครั้งนี้แม่ก็จะไปด้วย ดังนั้นระหว่างทางนายต้องดูแลแม่ให้ดี รวมถึงดูแล พี่สะใภ้ใหญ่และเสี่ยวอวี่ด้วย”
ได้ยินดังนั้น ฉินเคอวั่งก็รับปากเต็มที่ว่า “สบายใจได้เลยพี่ ผมจะดูแลพวกเขาอย่างดีแน่นอน”
ซูหว่านอี๋ได้ยินลูกชายพูดแบบนี้ หล่อนก็ยิ้มและตบไหล่เขาพร้อมกล่าวว่า “งั้นครั้งนี้พวกเราก็จะตามไปแล้วนะ”
เวลาที่จะไปเซินเจิ้นถูกกำหนดไว้ในอีกสามวันต่อมา หลังจากเข้าร่วมงานหมั้นของ เซี่ยปิงหรุ่ยแล้วก็จะออกเดินทาง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ภารกิจหลังเรียนจบเยอะเหมือนกันนะมู่หลาน
ไหหม่า(海馬)