ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 773 ให้ของขวัญตอบแทน(1)
ตอนที่ 773 ให้ของขวัญตอบแทน(1)
เมื่อผู้อำนวยการกวนเห็นฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ย เขาก็ก็ยิ้มแย้มทักทาย “พวกเธอมาฝึกงานที่โรงพยาบาลของพวกเราได้สักที”
เห็นผู้อำนวยการกวนดูตื่นเต้นขนาดนั้น ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะไม่ได้ “ผู้อำนวยการ คุณรอคอยพวกเรามาตลอดเลยหรือคะ”
“แน่นอน ฉันรอแต่ให้พวกเธอมาที่นี่คอยอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ”
ช่วงนี้ชื่อเสียงของฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยได้แพร่สะพัดออกไปแล้ว ทำให้ผู้อำนวยการกวนได้ยินแล้วอิจฉาเป็นอย่างมาก โชคดีที่โรงพยาบาลของพวกเขาก็ได้ต้อนรับทั้งสองคนมาแล้ว “วันนี้ฉันจะให้คนพาพวกเธอเดินชมรอบๆ ก่อน พรุ่งนี้พวกเธอก็เริ่มตรวจรักษาคนไข้ได้เลย”
จริงๆ แล้วฉินมู่หลานคุ้นเคยกับโรงพยาบาลของพวกเขาเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องพาเดินเลย แต่เซี่ยปิงหรุ่ยมาที่นี่เป็นครั้งแรก แน่นอนว่าต้องแนะนำให้ดีสักหน่อย
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยไม่มีความเห็นอะไร ปล่อยให้คนพาเดินชมรอบๆ ไป
พอถึงวันที่สอง ทั้งสองคนก็เริ่มตรวจรักษาคนไข้แล้ว
เนื่องจากรู้มาก่อนแล้วว่าฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยจะมาที่โรงพยาบาลทหาร ดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมากมาหาพวกเธอเพื่อรักษา โดยรวมถึงคนที่ฉินมู่หลานรู้จักอย่างเป่ยไห่หงและคนอื่นๆ ด้วย
“มู่หลาน พอรู้ว่าเธอมาที่โรงพยาบาลทหาร พวกเราก็คิดว่าต้องมาหาเธอรักษาให้ได้”
ได้ยินแบบนั้น ฉินมู่หลานหัวเราะพลางพูดว่า “พี่สะใภ้ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมาโรงพยาบาลหรอกค่ะ”
“พวกเรารู้อยู่แล้ว แต่มาหาเธอก็ต้องมีอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ให้เธอตรวจอยู่บ้างแหละ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น จึงให้เป่ยไห่หงยื่นมือออกมาทันที หลังจากจับชีพจรเสร็จ เธอก็พอจะรู้ปัญหาของเป่ยไห่หงแล้ว “ช่วงนี้เข้าห้องน้ำบ่อยใช่ไหม แล้วก็ปวดหลังปวดเอวตลอด ท้องน้อยก็รู้สึกหนักๆ ไม่สบายด้วย”
เป่ยไห่หงได้ฟังก็รีบพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ๆ เป็นแบบนั้นเลยล่ะ”
“เมื่อไม่นานมานี้พี่ยกของหนักหรือพักผ่อนไม่เพียงพอใช่ไหม”
ได้ยินแบบนั้น เป่ยไห่หงก็รู้สึกว่าฉินมู่หลานเดาเหตุการณ์ได้อย่างแม่นยำ “มู่หลาน เธอเก่งจริงๆ เลย เมื่อวานซืนตอนที่ฉันกำลังทำความสะอาดบ้าน ฉันได้ขยับเฟอร์นิเจอร์พวกนั้น พอตอนกลางคืนตอนที่จะนอน ฉันก็รู้สึกว่าปวดท้องน้อย ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อวานก็ยังไม่สบายอยู่ พอรู้ว่าวันนี้เธอตรวจรักษาคนไข้ ฉันเลยรีบมาหาเธอ”
“นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหรอกค่ะ คุณเป็นโรคอุ้งเชิงกรานกำเริบ ฉันจะจ่ายยาให้คุณ คุณกลับไปกินยาตามเวลาก็พอ แต่ช่วงนี้คุณต้องระวังตัวมากขึ้นหน่อย ห้ามยกของหนัก ห้ามเหนื่อยมากเกินไป และกินอาหารเบาๆ หน่อย”
เป่ยไห่หงได้ยินดังนั้น รีบพยักหน้าบอกว่า “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
หลังจากนั้น ฉินมู่หลานก็ช่วยตรวจรักษาให้พี่สะใภ้คนอื่นๆ อีกสองสามคน ทำให้ตัวเธอเองกับเซี่ยปิงหรุ่ย ค่อยๆ ยืนหยัดมั่นคงในโรงพยาบาลทหารได้แล้ว
แต่ผู้คนทางฝั่งโรงยาบาลปักกิ่งกลับไม่ค่อยสบายใจนัก ผู้ป่วยจำนวนมากยังอยากให้ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยตรวจรักษา แต่สุดท้ายก็รู้ว่าทั้งสองไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลปักกิ่งแต่ไปอยู่ที่โรงพยาบาลทหารเสียแล้ว บางคนถึงกับไปโวยวายกับผู้อำนวยการเถา อยากให้ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยกลับมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลต่อ
ผู้อำนวยการเถาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ผมก็ไม่มีทางเลือก คุณหมอฉินและคุณหมอเซี่ยไปอยู่ที่โรงพยาบาลทหารแล้ว ถึงพวกเราอยากให้พวหล่อนกลับมา ก็ไม่มีทางหรอก”
“ผู้อำนวยการ ถึงคุณหมอฉินและคุณหมอเซี่ยจะไปอยู่ที่โรงพยาบาลทหาร แต่ปกติพวกหล่อนก็ต้องมีวันหยุดบ้าง ให้พวกหล่อนมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลปักกิ่ในวันหยุดสิครับ”
ได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างตกใจ จากนั้นก็มองคนที่พูดเมื่อครู่อย่างไม่เข้าใจ แบบนี้แล้วฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยจะไม่มีวันได้หยุดพักเลยน่ะสิ พวกหล่อนจะยอมได้อย่างไร
ผู้อำนวยการเถาปฏิเสธไปโดยไม่ต้องคิด
“คุณหมอฉินและคุณหมอเซี่ยตอนนี้เป็นหมอของโรงพยาบาลทหารแล้ว ผมไม่มีสิทธิ์ไปสั่งพวกหล่อน แต่ถึงที่นี่จะไม่มีพวกเธอ โรงพยาบาลเราก็มีหมอคนอื่นๆ พวกคุณไปหาหมอคนอื่นตรวจรักษาได้” พูดจบก็ให้คนพาพวกที่มาก่อกวนออกไป
ฉินมู่หลานไม่รู้เรื่องนี้เลย ตอนนี้เธอเพิ่งกลับถึงบ้าน ก็เห็นฉินเคอวั่งนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น
“เป็นอะไรไปเคอวั่ง นั่งอยู่ตรงนี้ทำอะไรเหรอ”
ฉินเคอวั่งได้ยินดังนั้น ถึงได้รู้ว่าพี่สาวกลับมาแล้ว “พี่ เลิกงานแล้วเหรอ ผมไม่มีอะไร แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เลยนั่งพักตรงนี้”
ฉินมู่หลานไม่เชื่อสักคำ
“ถ้านายไม่มีอะไรแล้วจะมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไม มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ หรือว่าจะไม่บอกพี่”
เห็นพี่สาวถามอีกรอบ ฉินเคอวั่งถึงได้บอกว่า “มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่สถาบันออกแบบ ทำให้ผมรู้สึกยอมรับได้ยากน่ะ”
ที่แท้แล้ว หลังจากที่ฉินเคอวั่งไปที่สถาบันออกแบบ เขาได้เข้าร่วมในโปรเจกต์หนึ่ง ในฐานะนักศึกษาฝึกงาน เขาจึงได้แค่ช่วยงานเท่านั้น แต่เมื่อเขาเห็นข้อกำหนดการออกแบบ ในหัวของเขาก็ผุดไอเดียมากมาย เขาจึงรีบวาดมันออกมา แต่ไม่ได้ให้คนอื่นในกลุ่มดู เพราะกลัวคนอื่นจะคิดว่านักศึกษาฝึกงานคนหนึ่งอย่างเขาทำงานข้ามหน้าข้ามตา
อย่างไรก็ตาม แบบร่างการออกแบบของเขาถูกเพื่อนร่วมงานอีกคนเห็น คนคนนั้นนำการออกแบบนี้ไปใช้ และได้รับคำชมจากผู้นำ ในที่สุดก็นำไปใช้บางส่วนในการออกแบบโดยรวม
“ตอนนั้นผมถามเพื่อนร่วมงานคนนั้น แต่เขาไม่ยอมรับเลย ตอนที่ผมไปหาต้นฉบับของผม กลับหาไม่เจอเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็ถอนหายใจ แล้วพูดว่า “แน่นอนสิว่าคนอื่นจะต้องไม่ยอมรับ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนขโมยผลงาน นายใจร้อนเกินไป ตอนนั้นไม่ควรทำแบบนั้น ถึงจะอยากกล่าวหาว่าคนนั้นขโมยการออกแบบของนาย นายก็ควรรอจนกว่าจะหาหลักฐานได้ แล้วค่อยโจมตีเขาให้อยู่หมัด ไม่ใช่ตีงูให้หลังหัก”
“ใช่แล้ว ผมมารู้ตัวทีหลังว่าผมใจร้อนเกินไป”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเคอวั่งเจอเรื่องแบบนี้ เขาจึงไม่มีประสบการณ์ เลยใจร้อนขึ้นมาทันที
ฉินมู่หลานมองน้องชายตัวเองแวบหนึ่ง แล้วถามว่า “แล้วตอนนี้นายคิดหาทางแก้ไขได้หรือยัง”
ฉินเคอวั่งพยักหน้าทันที แล้วพูดว่า “มีอยู่หรอก แต่ถ้าผมทำจริงๆ ผมว่าผมคงจะผูกอาฆาตกับคนคนนั้นแล้วล่ะ”
“งั้นนายตัดสินใจได้หรือยังว่าจะปกป้องการออกแบบของตัวเองอย่างหัวเด็ดตีนขาด หรือจะยอมแพ้เฉยๆ”
ความมุ่งมั่นวาบขึ้นในดวงตาของฉินเคอวั่ง “แน่นอนว่าผมไม่ยอมแพ้หรอก”
“ในเมื่อนายตัดสินใจแล้ว ก็ไปทำเลย”
ได้ยินแบบนั้น ฉินเคอวั่งก็อดยิ้มไม่ได้ แล้วพูดว่า “ใช่ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
ระหว่างที่พี่น้องคุยกัน ซูหว่านอี๋ก็เดินเข้ามา “สองพี่น้องคุยอะไรกันอยู่เหรอ ทำไมกลับมาแล้วไม่เข้าไปข้างใน มานั่งคุยกันที่ลานหน้าบ้านทำไมกัน”
“ไม่ได้ทำอะไรหรอก ผมแค่คุยกับพี่สาวนิดหน่อย”
ซูหว่านอี๋ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นไปคุยข้างหลังก็ได้นี่ อาหารเย็นเตรียมเสร็จแล้ว รีบมากินข้าวกันเถอะ”
“ครับ”
ฉินมู่หลานและฉินเคอวั่งเดินไปด้วยกันด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้จะเชื่อใจฉินเคอวั่ง แต่ฉินมู่หลานก็ยังคงกังวลว่าเขาจะถูกรังแกที่สถาบันออกแบบ เธอจึงคิดจะให้คนไปช่วยสืบข่าวให้หน่อย แต่ก่อนที่จะได้ลงมือทำอะไร เกาเชี่ยนเชี่ยนก็สืบข่าวอยู่แล้ว
“เชี่ยนเชี่ยน เธอรู้เรื่องที่แบบของเคอวั่งถูกขโมยไปงั้นเหรอ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนพูดนี่ไม่คิดจะให้มู่หลานกับปิงหรุ่ยได้พักบ้างเหรอ คนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ จะต้องมาตรวจให้ตามที่ตัวเองหวังตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
เคอวั่งจะพ้นวิกฤตนี้ไปได้ยังไงบ้างนะ
ไหหม่า(海馬)