ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 779 ฉินเคอวั่งกับเกาเชี่ยนเชี่ยนแต่งงาน(1)
- Home
- ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก
- ตอนที่ 779 ฉินเคอวั่งกับเกาเชี่ยนเชี่ยนแต่งงาน(1)
ตอนที่ 779 ฉินเคอวั่งกับเกาเชี่ยนเชี่ยนแต่งงาน(1)
……….
ตอนที่ 779 ฉินเคอวั่งกับเกาเชี่ยนเชี่ยนแต่งงาน(1)
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยจบการฝึกงานแล้ว
เช่นเดียวกับฉินเคอวั่งและเกาเชี่ยนเชี่ยน ทั้งสองคนก็เสร็จสิ้นการฝึกงานที่สถาบันออกแบบแล้ว
“เคอวั่ง คุณคิดดีแล้วหรือที่จะไม่อยู่ที่สถาบันออกแบบต่อ”
ฉินเคอวั่งได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าพูดว่า “ใช่แล้วเชี่ยนเชี่ยน ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อยู่ที่สถาบันออกแบบ คุณไม่เห็นหรือว่าตอนนี้สถานการณ์ดีมาก ถ้าเราลองทำดูสักหน่อย ต้องทำอะไรได้สักอย่างแน่ๆ”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เกาเชี่ยนเชี่ยนก็ยังอยากดำเนินชีวิตแบบปลอดภัยอยู่ดี หล่อนจึงวางแผนจะอยู่ที่สถาบันออกแบบต่อ อย่างน้อยที่นี่ก็ต้องการตัวหล่อนจริงๆ “เคอวั่ง ฉัน…”
ยังไม่ทันที่เกาเชี่ยนเชี่ยนจะพูดจบ ฉินเคอวั่งก็ยิ้มพูดขึ้นมาว่า “เชี่ยนเชี่ยน คุณอยู่ต่อเถอะ หลายคนอยากเข้ามาที่สถาบันออกแบบแห่งนี้แทบแย่แต่ก็เข้ามาไม่ได้”
เกาเชี่ยนเชี่ยนเห็นฉินเคอวั่งพูดแบบนั้น อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แต่ว่า…ต่อไปพวกเราจะไม่ได้เจอกันทุกวันแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก พอเราแต่งงานกันแล้ว ต้องได้เจอกันทุกวันแน่ๆ”
“แต่ง…แต่งงาน?”
ใบหน้าของเกาเชี่ยนเชี่ยนแดงก่ำทันที หล่อนตั้งใจจะถามความคิดของฉินเคอวั่งว่าพวกเขาจะแต่งงานกันหลังจากจบการศึกษาเลยหรือไม่ แต่ยังไม่ทันที่หล่อนจะเอ่ยปาก ฉินเคอวั่งก็จับมือหล่อนไว้แล้ว พลางเล่นมายากลก่อนหยิบแหวนวงหนึ่งออกมา มองหล่อนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักแล้วถามว่า “เชี่ยนเชี่ยน คุณยินดีแต่งงานกับผมไหม”
จริงๆ แล้วฉินเคอวั่งเตรียมแหวนไว้นานแล้ว เขาแค่อยากหาโอกาสเหมาะสมขอเกาเชี่ยนเชี่ยนแต่งงาน วันนี้อาจจะยังเตรียมตัวไม่พร้อม แต่เขารู้สึกว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว
เกาเชี่ยนเชี่ยนมองแหวนตรงหน้าด้วยความดีใจ รีบยื่นมือออกไป พยักหน้ารัวๆ พูดว่า “ฉันยินดีค่ะ”
เห็นเกาเชี่ยนเชี่ยนยิ้มพยักหน้าตกลง ฉินเคอวั่งก็รีบสวมแหวนให้หล่อน สุดท้ายอดไม่ได้ที่จะโอบกอดหล่อนไว้ “เชี่ยนเชี่ยน ผมดีใจมาก”
“ฉันก็ดีใจมากเหมือนกัน”
เกาเชี่ยนเชี่ยนยิ้มและกอดตอบฉินเคอวั่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความปีติยินดี
“เชี่ยนเชี่ยน งั้นผมจะไปคุยกับพ่อแม่ แล้วอีกสองวันจะไปบ้านคุณเพื่อสู่ขอคุณอย่างเป็นทางการ”
“ได้ค่ะ”
หลังจากที่ฉินเคอวั่งกลับถึงบ้าน เขาก็เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง
ซูหว่านอี๋ได้ยินดังนั้นจึงรีบถามว่า “เชี่ยนเชี่ยนตกลงแล้วหรอ”
“ใช่ครับ ผมเลยอยากจะรีบตกลงกันให้เรียบร้อย แล้วก็แต่งงานกับเชี่ยนเชี่ยนโดยเร็ว”
“แต่งงานอะไรกัน”
ฉินมู่หลานเพิ่งจะเข้ามาในบ้านก็ได้ยินเรื่องแต่งงาน จึงรีบถามด้วยรอยยิ้ม
ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวกลับมาก็รีบจูงมือเธอแล้วพูดว่า “มู่หลาน น้องชายเพิ่งจะบอกแม่ว่าจะไปสู่ขอเชี่ยนเชี่ยนอย่างเป็นทางการ พวกเขาจะแต่งงานกันหลังจากจบการศึกษา”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “แม่คะ นี่เป็นเรื่องดีนะคะ งั้นเราก็รีบเตรียมตัวไปสู่ขอเชี่ยนเชี่ยนกันเถอะ ให้พวกเขาได้แต่งงานกันโดยเร็ว”
“แม่ก็คิดแบบนี้แหละ”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เกาเชี่ยนเชี่ยนกลับถึงบ้าน หล่อนก็เล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟัง
เกาจู่ต๋าได้ยินดังนั้นก็ถามว่า “พวกเธอฝึกงานเสร็จแล้ว ฉินเคอวั่งจะอยู่ที่สถาบันออกแบบต่อหรือเปล่า”
เกาเชี่ยนเชี่ยนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ถึงหัวหน้าจะให้เคอวั่งอยู่ต่อ แต่เคอวั่งก็ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ค่ะ เขาอยากออกไปสร้างเนื้อสร้างตัวเอง”
ได้ยินดังนั้น เกาจู่ต๋าก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่บอกว่า “อีกสองวันพ่อว่างอยู่ บอกให้พวกเขามาสู่ขอในอีกสองวันนี้แหละ”
เกาเชี่ยนเชี่ยนรีบยิ้มพร้อมพยักหน้าและพูดว่า “ได้ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับเคอวั่ง”
เมื่อเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ เกาจู่ต๋ารีบส่ายหน้าและพูดว่า “เฮ้อ… ลูกสาวโตแล้วก็ไม่อยู่บ้านแล้ว”
“พ่อคะ…”
เกาเชี่ยนเชี่ยนเรียกอย่างเขินอายเล็กน้อย จากนั้นก็พูดว่า “ฉันกับเคอวั่งคบหากันมาหลายปีแล้ว พวกเราก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะแต่งงานแล้วล่ะค่ะ” นับตั้งแต่ที่เริ่มชอบฉินเคอวั่ง หล่อนก็จินตนาการถึงการแต่งงานของพวกเขาหลายครั้งแล้ว ในที่สุดก็ถึงเวลาแต่งงานแล้ว หล่อนมีความสุขมากจริงๆ
“ได้ๆ ฉันจะไม่พูดอะไรแล้ว”
เกาจู่ต๋ารู้ความคิดของลูกสาว จึงไม่พูดอะไรอีก ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ฉินเคอวั่งเพิ่งจบการศึกษาและไม่ต้องการอยู่ในสถาบันออกแบบ แต่เขามีพี่สาวและพี่เขยที่เก่งกาจ พ่อแม่ของเขาในตอนนี้ก็ทำธุรกิจได้ราบรื่น ดังนั้นการที่ลูกสาวแต่งงานกับเขาจึงไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานต่ำกว่าฐานะ “พวกเราจะเลือกวันที่ใกล้ๆ กันนี้ เพื่อให้พวกลูกแต่งงานกันโดยเร็ว”
“พ่อคะ ถ้างั้นก็ปรึกษากันดีๆ นะคะ”
เกาเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ พร้อมพูดถึงอาเกาซู่ฟาง
“งั้นเมื่อถึงตอนนั้นฉันจะไปเชิญอาหญิงมาร่วมงานแต่งงานของฉันค่ะ”
เกาจู่ต๋ารีบพยักหน้าและพูดว่า “ต้องเชิญแน่นอน ตอนนั้นลูกกับฉินเคอวั่งก็ไปเชิญอาหญิงด้วยแล้วกัน”
“ค่ะ”
เมื่อถึงวันที่สองครอบครัวนัดหมาย ซูหว่านอี๋ก็พาฉินมู่หลานและฉินเคอวั่งไปบ้านตระกูลเกา
ฝั่งบ้านตระกูลเกามีเกาจู่ต๋า เกาเชี่ยนเชี่ยน เกาอวิ๋นเซียว และยังมีเกาซุนชิวกับพ่อของหล่อนด้วย
“ญาติทางบ้านเจ้าสาว พวกคุณมาแล้ว เชิญนั่งเลยครับ”
เกาจู่ต๋าเห็นซูหว่านอี๋และคนอื่นๆ แล้ว จึงเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
เกาเชี่ยนเชี่ยนที่อยู่ข้างๆ แอบมองไปที่ฉินเคอวั่ง แล้วยิ้มให้เขาอย่างสดใส
ฉินเคอวั่งเห็นดังนั้นก็ยิ้มตอบให้หล่อน เป็นภาพคู่รักหนุ่มสาวที่ดูหวานชื่นยิ่งนัก
เกาอวิ๋นเซียวเห็นน้องสาวเป็นแบบนี้ก็รีบดึงตัวหล่อนให้นั่งลง เกาเชี่ยนเชี่ยนพลันจ้องพี่ชายด้วยสายตาดุๆ แล้วนั่งลงตามแรงดึง
ส่วนซูหว่านอี๋ยิ้มและทักทายเกาจู่ต๋าและเกาจู่เฉียนสองพี่น้อง จากนั้นก็มองไปที่เกาจู่ต๋าแล้วพูดว่า “ญาติลูกเขย ฉินเคอวั่งและเชี่ยนเชี่ยนอายุก็ไม่น้อยแล้ว ทั้งคู่ถึงวัยแต่งงานแล้ว ดังนั้นพวกเราควรเลือกฤกษ์ยามมงคลเพื่อจัดงานแต่งงานให้พวกเขาทั้งสองคนนะคะ”
“ดีเลย บ้านเราก็คิดแบบนี้เหมือนกัน คนหนุ่มสาวทั้งสองคบหากันมาหลายปีแล้ว ถึงเวลาแต่งงานแล้ว ผมเลือกฤกษ์ยามมงคลมาแล้วสองสามวัน คุณลองดูว่าจะเลือกวันไหนดี”
เกาจู่ต๋าพูดพลางหยิบกระดาษสีแดงแผ่นหนึ่งออกมา บนนั้นมีฤกษ์ยามมงคลอยู่หลายวัน
ซูหว่านอี๋ไม่ได้เลือกเอง แต่มองไปที่ฉินเคอวั่งแล้วถามว่า “ฉินเคอวั่ง ลูกกับเชี่ยนเชี่ยนเลือกเองเถอะ มันเป็นวันแต่งงานของพวกเธอ ให้พวกเธอเลือกเองจะดีกว่า”
ฉินเคอวั่งไม่ปฏิเสธ จับมือเกาเชี่ยนเชี่ยนเลือกด้วยกัน สุดท้ายทั้งคู่เลือกวันก่อนปีใหม่ คือวันที่ 22 เดือน 12
ซูหว่านอี๋ไม่มีความเห็นอะไร ส่วนเกาจู่ต๋ามองลูกสาวอีกครั้ง วันที่พวกเขาเลือกดูกระชั้นชิดเกินไป จะต้องเตรียมการอย่างรีบร้อนแน่ อย่างที่บอกกันว่าลูกสาวแต่งงานเหมือนน้ำที่สาดออกจากบ้าน นี่หล่อนคงจะรีบแต่งงานออกไปสินะ
“ก็ดี งั้นก็วันที่ 22 เดือน 12 นี้แหละ แต่ว่า… หลังจากคู่บ่าวสาวแต่งงานแล้วจะอยู่กับพวกคุณหรือเปล่า?”
เกาจู่ต๋าได้ยินเรื่องความขัดแย้งระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้มามาก เขาจึงหวังว่าลูกสาวและฉินเคอวั่งจะอยู่ด้วยกันตามลำพัง เรื่องบ้านไม่น่าจะเป็นปัญหา แม้ว่าฝั่งตระกูลฉินจะไม่เตรียมไว้ เขาก็จะเตรียมให้
สำหรับคำถามนี้ ซูหว่านอี๋ก็คิดไว้ก่อนแล้ว
“จะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่เชี่ยนเชี่ยน ถ้าหล่อนอยากอยู่กับพวกเราก็อยู่ด้วยกัน ถ้าหล่อนอยากอยู่กับเคอวั่งสองคน ก็ให้คู่บ่าวสาวอยู่ด้วยกันเอง เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาค่ะ”
ได้ยินแบบนี้ เกาจู่ต๋าก็วางใจ
ส่วนเกาเชี่ยนเชี่ยนรีบพูดขึ้นมาข้างๆ ว่า “คุณน้า ฉันยินดีอยู่กับพวกคุณ คนเยอะสนุกดี ทุกคนอยู่ด้วยกันครึกครื้นดีออกค่ะ”
เกาจู่ต๋าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าไม่อยากมอง ลูกสาวคนนี้เหมือนน้ำที่สาดทิ้งไปแล้ว เขาไม่อยากจัดการแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองแล้วกัน” เขาไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว
หลังจากที่ได้ปรึกษาหารือเรื่องวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เรื่องของฉินเคอวั่งและเกาเชี่ยนเชี่ยนก็ถือว่าลงตัว ซูหว่านอี๋รู้สึกดีใจมาก สุดท้ายก็ยิ้มแย้มกล่าวลากับครอบครัวของเกาเชี่ยนเชี่ยน
ฉินมู่หลานเดินตามหลังเกาซุนชิว ในที่สุดก็มีโอกาสพูดกับหล่อนสองประโยค
“มู่หลาน พวกเราว่างก็นัดเจอกันบ้างนะ ฉันไม่ได้เจอพวกเธอนานมากแล้ว”
นับตั้งแต่สือหยวนฝูกลับบ้านเกิด คนอื่น ๆ ก็อยู่ที่เมืองหลวง แต่พวกเธอไม่ได้เจอกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นเวลานานแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หมดธุระไปอีกหนึ่ง เป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีนะเคอวั่ง
ไหหม่า(海馬)