ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 780 ฉินเคอวั่งกับเกาเชี่ยนเชี่ยนแต่งงาน(2)
- Home
- ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก
- ตอนที่ 780 ฉินเคอวั่งกับเกาเชี่ยนเชี่ยนแต่งงาน(2)
ตอนที่ 780 ฉินเคอวั่งกับเกาเชี่ยนเชี่ยนแต่งงาน(2)
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็พูดยิ้ม ๆ ว่า “ได้เลย พวกเรานัดเวลากันแล้วค่อยไปรวมตัวกันเถอะ”
หลังคิดว่าไม่ได้รวมตัวกันนานแล้ว ฉินมู่หลานจึงติดต่อนัดเจอคนอื่น ๆ ทั้งหมดในวันอาทิตย์ ตอนนี้เธอและเซี่ยปิงหรุ่ยค่อนข้างว่าง ส่วนคนอื่น ๆ มีเวลาว่างแค่วันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นจึงเลือกเป็นวันอาทิตย์
มองคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ฉินมู่หลานก็ยิ้มและทักทายคนอื่น ๆ แต่เมื่อเห็นเหมาชุนเถาแล้วก็อดตกใจไม่ได้ จากนั้นจึงถามว่า “ชุนเถา เธอท้องใช่ไหม”
ถึงแม้จะยังไม่ได้ตรวจชีพจร แต่ท้องของเหมาชุนเถาก็นูนออกมาเล็กน้อย ถ้าไม่ดูให้ดีก็มองไม่ออก แต่ฉินมู่หลานกลับเห็นได้ในชั่วพริบตาเดียว
เมื่อได้ยินดังนั้น คนอื่นๆ ก็มองไปที่เหมาชุนเถา
เหมาชุนเถาพูดอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า “ใช่ ฉันท้อง ผ่านไปได้สามเดือนกว่า ๆ แล้ว”
“ยินดีด้วยนะชุนเถา”
เซี่ยปิงหรุ่ย เฉินเซี่ยวอวิ๋น และเกาซุนชิว ต่างก็แสดงความยินดี ฉินมู่หลานยิ่งอดพูดไม่ได้ว่า “เธอกับผู้จัดการกู้ปากหนักกันจริง ๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินพวกเธอพูดถึงเลย”
เธอกับเซี่ยปิงหรุ่ยไปทำงานที่โรงงานยาตั้งนานแล้ว แต่กู้วั่งหลานกลับไม่พูดสักคำ
เหมาชุนเถาได้ยินดังนั้นจึงรีบอธิบายว่า “พวกเราคิดจะบอกพวกเธอหลังจากผ่านไปสามเดือน ดังนั้นเขาเลยไม่ได้พูด ถ้านับตามเวลา วันนี้ก็เพิ่งผ่านไปสามเดือนกว่า ๆ พอดี”
เห็นเหมาชุนเถาปกป้องกู้วั่งหลานเช่นนั้น ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยต่างก็หัวเราะ
“ได้ ๆๆ พวกเราไม่พูดแล้ว”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นและเกาซุนชิวต่างมองฉินมู่หลาน เซี่ยปิงหรุ่ย และเหมาชุนเถาด้วยความอิจฉาเล็กน้อย “พวกเธอแต่งงานกันหมดแล้ว มู่หลานกับชุนเถาก็มีลูกแล้ว แต่พวกฉันยังไม่มีแฟนเลย”
พอพูดถึงเรื่องนี้ เหมาชุนเถาก็อดถามไม่ได้ “พวกเธอไม่ได้มองหาคนรักเหรอ ไม่งั้นทำไมถึงหาแฟนไม่ได้ล่ะ ต้องเป็นเพราะพวกเธอมีมาตรฐานสูงแน่ๆ”
“ฉันไม่ได้มีมาตรฐานสูงเลยนะ”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นรีบพูดขึ้นมา หล่อนอยากจะจัดการเรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด
ส่วนเกาซุนชิวไม่ได้เร่งรีบอยากมีแฟนขนาดนั้น “เดี๋ยวถึงเวลาก็มาเอง เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน ฉันอยากหาคนที่ฉันชอบ ถ้าฉันไม่ชอบ ต่อให้อีกฝ่ายมีเงื่อนไขดีแค่ไหนฉันก็ไม่สนใจหรอก”
เหมาชุนเถามีความคิดที่ค่อนข้างจะเป็นอนุรักษนิยาม เมื่อได้ยินเกาซุนชิวพูดแบบนี้ จึงแนะนำเพิ่มอีกประโยค “ชิวชิว ถึงจะเป็นแบบนั้น เธอก็ต้องรีบหานะ ไม่งั้นพออายุมากขึ้น ก็จะหายากแล้ว” หลังจากจบมหาวิทยาลัย เกาซุนชิวก็อายุ 24 ตอนนี้ก็ย่างเข้า 25 แล้ว ถ้ายังไม่หาก็มีโอกาสสูงมากที่จะขึ้นคาน
เกาซุนชิวไม่ค่อยสนใจเท่ามด แต่เฉินเซี่ยวอวิ๋นคิดถึงอายุของตัวเองแล้วก็ถอนหายใจ พูดว่า “ที่บ้านฉันก็เร่งให้หาแล้ว ถ้ายังไม่หา พวกเขาก็จะหาใครสักคนมาแต่งงานกับฉันแบบคลุมถุงชน”
พูดจบก็มองไปที่ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ย “มู่หลาน ปิงหรุ่ย ในกองทัพของสามีพวกเธอน่าจะมีหนุ่มโสดเยอะใช่ไหม ครั้งหน้าแนะนำให้ฉันคนหนึ่งสิ”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแล้วก็พูดว่า “เซี่ยวอวิ๋น ถ้าเธอคิดดีแล้วจริงๆ ฉันก็จะแนะนำให้นะ”
ในกองทัพมีคนที่ยังไม่แต่งงานเยอะมาก ถ้ามีคนช่วยแนะนำ ทุกคนก็ยินดี
เฉินเซี่ยวอวิ๋นพยักหน้าพูดว่า “แน่นอน ถ้ามีคนที่เหมาะสมก็แนะนำให้ฉันเลย”
“งั้นตกลง ฉันจดเรื่องนี้ไว้แล้วนะ”
หลังจากนั้นทุกคนก็กินข้าวด้วยกัน เดินเล่นตามถนน จนกระทั่งเย็นจึงแยกย้ายกันกลับ
หลังจากงานเลี้ยง ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็หาโอกาสไปเยี่ยมเหมาชุนเถา อีกทั้งยังซื้อของไปให้หล่อนมากมาย “ชุนเถา ตอนนี้เธอต้องทำงานแล้วก็ยังต้องเขียนบทความอีก อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองล่ะ ของพวกนี้กินแล้วดีต่อร่างกาย เธอกินทุกวันนะ”
เหมาชุนเถาไม่คิดว่าทั้งสองคนจะมาหาโดยเฉพาะ หล่อนรู้สึกซาบซึ้งใจมาก พูดว่า “ได้ ฉันจะกินทุกวันแน่นอน ขอบคุณนะ”
“จะขอบคุณอะไรกันล่ะ แค่เธอดูแลครรภ์ให้ดีก็พอแล้ว”
หลังคุยกับเหมาชุนเถาสักพัก ทั้งสองก็กลับไป
ในช่วงเวลาต่อมา พวกเธอทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ ตอนนี้โรงงานยายิ่งวุ่นวายมากขึ้น พวกเธอเริ่มจัดการเรื่องการขยายกิจการแล้ว วางแผนจะขยายขนาดโรงงานเป็นสองเท่าในปีหน้า
เวลาที่ยุ่งวุ่นมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ ในไม่ช้าก็เข้าสู่เดือนสิบสอง ถึงวันที่ ฉินเคอวั่ง และ เกาเชี่ยนเชี่ยน แต่งงานกัน
“เคอวั่ง ยังยุ่งอะไรอยู่อีก รีบออกไปรับเจ้าสาวเร็วเข้า”
ซูหวานอี๋เห็นลูกชายยังไม่ออกจากบ้าน จึงรีบเอ่ยเร่ง
“ครับแม่ ผมกำลังจะออกไปแล้ว”
ฉินเคอวั่งสวมสูทดูเรียบร้อย แม้แต่ผมก็ยังจัดแต่งทรงมาแล้ว ทั้งตัวเขาดูอ่อนเยาว์สดใสและหล่อเหลา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข เขาพาเพื่อนเจ้าบ่าวสองคนออกไป
เซี่ยเจ๋อหลี่มองน้องเขยออกจากบ้าน อดไม่ได้ที่จะหันไปมองฉินมู่หลาน แล้วพูดว่า “มู่หลาน พวกเราจะไปที่ภัตตาคารกันเลยใช่ไหมครับ”
“ใช่ เดี๋ยวพวกเราก็จะออกไปที่ภัตตาคาร แต่วันนี้พวกเรามีภารกิจสำคัญมาก ต้องพาคุณปู่คุณย่าและคุณตาคุณยายไปด้วย แล้วก็ต้องไปรับอาจารย์เหลียงถงกับภรรยาด้วยค่ะ”
“ได้ งั้นเดี๋ยวพวกเราออกไปเร็วหน่อยนะ”
แต่เขายังกังวลเรื่องเด็กๆ ทั้งสี่คน จึงถามอีกประโยคหนึ่ง “เด็กๆ ทั้งหมดอยู่กับเหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิงใช่ไหม”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ยังมีเหยาอู่กับเหยาลิ่วอยู่ด้วย พวกเขาจะพาเด็กๆ ไปด้วยกัน คุณไม่ต้องกังวลแล้ว”
“งั้นก็ดี พวกเราไปกันเถอะ”
ได้ยินว่ามีคนพาเด็กๆ ทั้งสี่ไป เซี่ยเจ๋อหลี่ก็วางใจได้ หลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มไปรับคนไปที่ภัตตาคาร สุดท้ายพาคู่สามีภรรยาเหลียงถง พอไปถึงแล้วก็มีเวลาไปหาเด็กๆ เสียที
เจี่ยงสือเหิง และ เซี่ยปิงชิงก็พาเด็กๆ สองคนมาถึงแล้วเช่นกัน พวกเขาเห็นฉินมู่หลานมาพร้อมครอบครัว จึงรีบเดินมาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“มู่หลาน พวกเธอมาถึงแล้ว”
“พ่อเลี้ยง ปิงชิง พวกคุณมาด้วยเหรอคะ” ฉินมู่หลานพูดพลางมองไปที่เด็กสองคน ทักทายว่า “โม่โม่ ซีซี สวัสดีจ้ะ”
“สวัสดีฮะพี่สาว”
เซี่ยปิงชิงเคาะหัวลูกชายทั้งสอง พูดว่า “เรียกน้าสิ”
“สวัสดีครับน้า”
เด็กทั้งสองรีบเปลี่ยนคำพูดในทันที
เจี่ยงสือเหิงอดหัวเราะไม่ได้ “เรียกพี่สาวก็ไม่ผิดนี่”
“ไม่ได้ ต้องเรียกน้า ไม่งั้นฉันก็จะกลายเป็นญาติผู้ใหญ่ของมู่หลานน่ะสิ”
ทุกคนคุยกันอยู่ตรงนี้ ฝั่งของฉินเคอวั่งก็ไปรับเจ้าสาวแล้ว จากนั้นขับรถตรงมาที่ภัตตาคาร ส่วนญาติมิตรฝั่งเจ้าสาวก็ทยอยมาถึงแล้ว
เกาซู่ฟางเห็นฉินมู่หลาน ก็รีบยิ้มเข้ามาทักทาย
“คุณหมอฉิน”
ฉินมู่หลานหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นเกาซู่ฟาง จึงยิ้มพูดว่า “คุณป้าเกา คุณเรียกฉันว่ามู่หลานได้เลยค่ะ ต่อไปพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องเกรงใจกันหรอก”
ได้ยินแบบนี้ เกาซู่ฟางก็พูดตามอย่างว่าง่าย “งั้นก็ได้ งั้นต่อไปฉันจะเรียกเธอว่ามู่หลานนะ”
เกาจู่เฉียนเห็นน้องสาวกับฉินมู่หลานคุยกันอย่างสนุกสนาน จึงหันไปบอกลูกสาวว่า “ซุนชิว ลูกไปคุยกับป้าด้วยสิ ยังไงมู่หลานก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของลูก พวกเธอคุยกันต้องถูกคอแน่ๆ”
“ค่ะ”
เกาซุนชิวไม่ได้ปฏิเสธ เดินไปหาทันที
เกาซู่ฟางไม่มีอคติอะไรกับหลานชายหลานสาวของตน ดังนั้นหล่อนจึงยิ้มและคุยกับเกาซุนชิว
เกาจู่เฉียนเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้
วันนี้เกาจู่ต๋ายุ่งจนหัวหมุน ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ตลอดชีวิตของลูกสาว แม้จะจัดงานเลี้ยงของทั้งสองครอบครัวไว้ด้วยกัน แต่เขาก็ยังคงยุ่งมาก
คนที่ยุ่งวุ่นวายไม่แพ้กันก็คือคู่สามีภรรยาซูหว่านอี๋และฉินเจี้ยนเซ่อ นี่เป็นเรื่องใหญ่ตลอดชีวิตของลูกชาย ทั้งสองคนต้องการทำให้ดีที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจัดการเรื่องต่างๆ ไม่น้อย
เหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิง คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ทำให้ภาระบางอย่างเบาลง
ฉินมู่หลานคุยกับเกาซุนชิวสักพัก เมื่อเห็นพี่ชายและพี่สะใภ้พาเสี่ยวอวี่มา ก็รีบยิ้มเชิญพวกเขามานั่งที่นี่ “พี่สะใภ้ ทางนี้”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นฉินมู่หลานก็รีบยิ้มเดินเข้าไปหา
ส่วนเซี่ยเจ๋อเหว่ยพาเสี่ยวอวี่ผู้เป็นลูกชาย ไปนั่งยังที่นั่งของพวกเขา
“พี่สะใภ้ ก่อนหน้านี้ยุ่งมาก ไม่มีเวลาถามเลยว่าที่เซินเจิ้นเป็นยังไงบ้าง” หลังจากรับช่วงตลาดวัสดุก่อสร้าง หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็ย้ายไปอยู่ที่เซินเจิ้น
หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินแล้วก็ยิ้มพลางพูดว่า “มู่หลาน เธอสบายใจได้ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ฉันรู้สึกว่าดีกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ”
ตอนนี้หล่อนกลายเป็นเจ้าของตลาดวัสดุก่อสร้าง ส่วนเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็เป็นแค่ลูกจ้างทำงานหาเงิน บางเรื่องหล่อนต้องเป็นคนตัดสินใจเอง จึงรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว ส่วนเซี่ยเจ๋อเหว่ยในสถานการณ์แบบนี้ก็อยู่อย่างว่าง่ายที่สุด ตอนนี้เขาทำได้แค่ขยันทำงานเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะครองตำแหน่งงานที่ตลาดวัสดุก่อสร้างไม่อยู่ด้วยซ้ำ
ฉินมู่หลานได้ยินแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ”
หลังจากนั้นก็มีแขกคนอื่นๆ ทยอยมาถึง แม้แต่เสิ่นหรูฮวนกับฟู่ซวี่ตงก็มาด้วย
เมื่อแขกทุกคนมาถึงแล้ว พิธีแต่งงานก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
แขกทุกคนต่างปรบมืออย่างกระตือรือร้น เป็นสักขีพยานให้กับคู่บ่าวสาวฉินเคอวั่ง และเกาเชี่ยนเชี่ยน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นงานแต่งที่ชื่นมื่นงานหนึ่งเลย หลังสองครอบครัวปรับตัวทำความเข้าใจกันได้
ไหหม่า(海馬)