ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 781 ทำภารกิจสำเร็จ(1)
……….
ตอนที่ 781 ทำภารกิจสำเร็จ(1)
หลังจากที่ฉินเคอวั่งและเกาเชี่ยนเชี่ยนแต่งงานกันแล้ว ทั้งคู่ก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านสกุลฉิน ทำให้บรรยากาศในบ้านคึกคักมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ซูหว่านอี๋ยังกลัวว่าลูกสะใภ้จะเกรงใจและปฏิเสธที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกัน หล่อนจึงไปพูดคุยอย่างใส่ใจ “เชี่ยนเชี่ยน พวกเราได้เตรียมบ้านใหม่ของเธอกับเคอวั่งไว้ให้แล้ว ดังนั้นถ้าพวกเธออยากใช้ชีวิตกันสองคน ก็ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ไม่ต้องมาอยู่กับพวกเราได้เลยนะ”
อย่างไรก็ตาม เกาเชี่ยนเชี่ยนกลับยิ้มแล้วพูดว่า “แม่คะ หนูชอบอยู่กับพวกคุณ แบบนี้มันคึกคักดี ยิ่งไปกว่านั้นหลังปีใหม่นี้เคอวั่งก็จะต้องไปเซินเจิ้น แล้วหนูก็จะอยู่คนเดียว ดังนั้นการอยู่ที่นี่จึงดีกว่าค่ะ”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของลูกสะใภ้ ใบหน้าของซูหว่านอี๋ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ก็จริงนะ งั้นพวกเธออยู่กับพวกเราแล้วกัน คนเยอะคึกคักดี”
เมื่อถึงวันกลับบ้านเกิด ฉินเคอวั่งก็พาเกาเชี่ยนเชี่ยนกลับไปที่บ้านสกุลเกา แต่ตอนกลับมาตอนกลางคืนกลับมีอาการเมามาย แสดงให้เห็นว่าเขาดื่มที่บ้านนั้นไปไม่น้อย
ซูหว่านอี๋เห็นลูกชายเป็นแบบนี้ ก็อดพูดไม่ได้ว่า “เด็กคนนี้ ดื่มซะเยอะขนาดนั้น จะไม่ทำให้เชี่ยนเชี่ยนลำบากหรอกเหรอ”
การพาคนเมากลับมานับว่าค่อนข้างยุ่งยากอยู่
เกาเชี่ยนเชี่ยนได้ยินดังนั้นก็รีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า “แม่คะ ไม่ลำบากหรอกค่ะ หนูจะพยุงเคอวั่งไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
แต่เดิมหล่อนคิดว่าแม่สามีจะตำหนิทางบ้านของหล่อนที่บังคับให้เคอวั่งดื่ม แต่กลับกายเป็นกลัวว่าหล่อนจะลำบากที่ต้องพาคนกลับมา แสดงว่าในบ้านสกุลฉินไม่มีการทะเลาะกันระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้จริงๆ เรื่องนี้ทำให้หล่อนรู้สึกดีมาก
มองดูเงาหลังของลูกชายและลูกสะใภ้ที่เดินห่างออกไป ซูหว่านอี๋ก็อดคาดหวังไม่ได้ว่าในเมื่อทั้งสองคนสนิทสนมกันขนาดนี้ บ้านของพวกเขาคงจะมีเด็กเพิ่มในไม่ช้า
ฉินมู่หลานเดินเข้ามาพอดี เห็นแม่จ้องมองไปทางห้องของน้องชาย ก็เอ่ยขึ้น”แม่ กำลังทำอะไรอยู่คะ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เห็นน้องชายลูกกับเชี่ยนเชี่ยนรักกันดีแล้วแม่ก็ดีใจน่ะ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็พูดยิ้มๆ ว่า “แม่คะ ความสัมพันธ์ของเคอวั่งกับเชี่ยนเชี่ยนก็เป็นไปด้วยดีมาโดยตลอด ตอนนี้งานแต่งงานของพวกเขาสองคนเสร็จสิ้นแล้ว พวกเราก็มาเตรียมเรื่องปีใหม่กันเถอะค่ะ”
“ใช่แล้ว นี่เป็นปีใหม่แรกที่เชี่ยนเชี่ยนแต่งงานเข้ามา พวกเราจะได้ฉลองกันอย่างคึกคัก”
“ค่ะ หนูก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”
ในที่สุดฉินมู่หลานก็ถามถึงคุณปู่ฉิน “ก่อนหน้านี้ปู่บอกว่าจะกลับบ้านเกิดสักหน่อยใช่ไหมคะ”
“ใช่ ปู่ของลูกพูดแบบนั้นจริงๆ แต่จะกลับช่วงปีใหม่ก็ดูค่อนข้างกระชั้นชิดเกินไป ดังนั้นปู่ พ่อ และลุงใหญ่ของหนูเลยตัดสินใจว่าจะกลับไปสักหน่อยตอนเทศกาลเชงเม้ง”
ได้ยินแบบนั้น ฉินมู่หลานก็ค่อนข้างเป็นห่วงสุขภาพของคุณปู่ฉิน
“ทางไกลขนาดนั้น ปู่จะไหวหรือคะ”
“ปู่ของลูกตั้งใจแน่วแน่ที่จะกลับไปสักครั้ง พ่อของลูกพยายามห้ามแล้วแต่ห้ามไม่อยู่ งั้นตอนปีใหม่ลูกลองคุยกับปู่ดีๆ อีกทีนะ”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้ารับคำอย่างเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ ในที่สุดเธอก็ไม่ได้อยู่บ้านช่วงปีใหม่ปีนี้
“มู่หลาน เธอมาได้จังหวะพอดีเลย ตอนนี้ผู้อำนวยการให้พวกเราช่วยกันวิจัยยารักษาไข้เลือดออกอย่างจริงจัง ถ้าเกิดพวกเราวิจัยไม่สำเร็จจะทำยังไงดี”
เห็นเซี่ยปิงหรุ่ยดูร้อนใจ ฉินมู่หลานจึงรีบปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร พวกเราทำให้เต็มที่ก็พอ แต่ตอนนี้เรามาแวะไปที่โรงพยาบาลปักกิ่งดูอาการคนไข้กันก่อนดีกว่า”
สองวันนี้มีผู้ป่วยที่มีอาการไข้เลือดออกจำนวนมากถูกส่งตัวมาโรงพยาบาล ผลปรากฏว่าทางโรงพยาบาลพบว่าโรคนี้มีการติดต่ออย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็มีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น ดังนั้นช่วงนี้โรงพยาบาลจึงแออัดไปด้วยผู้คน ทุกคนยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพัก
“มู่หลาน พวกเราไปที่นั่นเลยไหม”
เซี่ยปิงหรุ่ย รู้ว่าไข้เลือดออกสามารถติดต่อได้ เธอจึงลังเลใจอยู่บ้าง เพราะเธอสงสัยว่าตัวเองอาจจะท้อง ถึงแม้ว่าเธอเองจะยังไม่มั่นใจนัก แต่ช่วงสองสามวันนี้ร่างกายมีอาการผิดปกติเล็กน้อย
“เราใส่หน้ากากไปกันเถอะ”
เธอตัดสินใจว่าจะต้องให้โรงงานผลิตหน้ากากเพิ่มขึ้น ถ้าทุกคนใส่หน้ากากก็น่าจะช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่ง แต่พอเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยยังลังเลอยู่ เธอจึงถามว่า “เป็นอะไรหรือเปล่าปิงหรุ่ย”
เซี่ยปิงหรุ่ยรีบส่ายหน้า พูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก เราไปกันเถอะ” พูดจบก็รีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
แต่ฉินมู่หลานกลับหยุดฝีเท้า มองตรงไปที่เซี่ยปิงหรุ่ย แล้วพูดว่า “ปิงหรุ่ย ถ้ามีเรื่องอะไรต้องบอกออกมานะ”
อีกไม่นาน เธอก็นึกอะไรออก จับมือเซี่ยปิงหรุ่ย แล้วเริ่มจับชีพจร
“มู่หลาน ฉัน…ฉันไม่เป็นไร”
ตอนนี้ฉินมู่หลานจับชีพจรเสร็จแล้วก็มองหน้าเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วย แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรอะไรที่ไหนกัน เธอท้องนะรู้ไหม เธอควรอยู่ที่โรงงานยาดีๆ อย่าตามไปโรงพยาบาลเลย ไม่งั้นจะไม่ดีกับตัวเธอเอง”
“ฉันท้องจริงๆ เหรอ”
ถึงแม้ในใจจะเดาไว้แล้ว แต่พอได้ยินประโยคนี้จริงๆ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี
“ใช่แล้ว ท้องจริงๆ”
ฉินมู่หลานพูดยิ้มๆ แล้วก็ “ยินดีด้วยนะที่จะได้เป็นแม่คน เธอพักผ่อนให้ดีๆ ล่ะ”
เห็นฉินมู่หลานจะไปโรงพยาบาลคนเดียว เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่ค่อยสบายใจ แต่ตอนนี้ เซี่ยฉางกู่ได้เดินมาพอดี “มู่หลาน ฉันจะไปกับเธอ”
“อาฉางกู่”
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยไม่คิดว่าเซี่ยฉางกู่จะมา
“อาฉางกู่ ฉันไปคนเดียวก็ได้ค่ะ”
แต่เซี่ยฉางกู่ยังยืนกรานจะไปด้วย สุดท้ายก็ไปโรงพยาบาลปักกิ่งกับฉินมู่หลาน ทั้งสองใส่หน้ากากไปดูคนไข้หลายคน แล้วก็ไปหาผู้อำนวยการเถา
เถาป๋อหลุนเห็นฉินมู่หลานมา ก็รีบถามว่า “คุณหมอฉิน คุณเพิ่งไปดูคนไข้มาใช่ไหม จะผลิตยาที่เหมาะสมได้ไหม”
เถาป๋อหลุนก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว “คุณหมอฉิน งั้นก็ต้องรบกวนคุณแล้ว ช่วงนี้คนไข้แบบนี้มีไม่น้อยเลย นอกจากปักกิ่งแล้ว ที่อื่นก็มีคนเป็นโรคนี้ ถ้ามียารักษาเฉพาะก็นับว่าดีมาก”
“ผู้อำนวยการเถา พวกเราทุกคนหวังว่าจะค้นคว้าวิจัยยาที่มีประสิทธิภาพพิเศษออกมาได้ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดควรจะมีข้อมูลการตรวจร่างกายโดยละเอียดของผู้ป่วยพวกนั้นด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้อำนวยการเถาจึงรีบพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ฉันจะให้คนไปเตรียมให้ทันที”
หลังจากฉินมู่หลานและเซี่ยฉางกู่ได้รับรายงานผลการตรวจแล้ว ก็กลับไปที่โรงงานผลิตยาทันที ช่วงเวลาต่อมาทุกคนต่างทุ่มเทกับงานที่นี่อย่างหนัก จนกระทั่งไม่ได้หยุดพักผ่อนแม้แต่ในคืนส่งท้ายปีเก่า
เซี่ยเจ๋อหลี่กลับบ้านช่วงปีใหม่แต่ไม่เจอภรรยา จึงรีบมาที่โรงงานผลิตยาทันที อย่างไรก็ตาม ทั้งสองได้เจอกันเพียงชั่วครู่ ฉินมู่หลานก็ให้เขากลับไปแล้ว
“ฉันยังต้องยุ่งอยู่ที่นี่ ถ้าคุณได้พักผ่อนแล้ว ก็กลับไปอยู่กับลูก ๆ ให้ดีนะ”
เมื่อเห็นภรรยาดูอิดโรยลง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดพูดไม่ได้ว่า “มู่หลาน ผมรู้ว่าการผลิตยามันสำคัญมาก แต่คุณก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้แล้ว”
เซี่ยเจ๋อหลี่ ฝากฝังอีกสองสามประโยค ก่อนจะจากไปในที่สุด
ส่วนฉินมู่หลานก็กลับไปยุ่งต่อ แม้แต่เซี่ยปิงชิงก็มาช่วยในวันปีใหม่
“ปิงชิง เธอมาได้ยังไง”
เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยปิงชิงก็ชำเลืองมองฉินมู่หลานแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันมาช่วยไงล่ะ” พูดจบก็เดินตรงไปข้างหน้า
นอกจากเซี่ยปิงชิงแล้ว แม้แต่คุณปู่ลั่วและคังอันเหอก็มาช่วยด้วย
ฉินมู่หลานเห็นพวกเขาทั้งสองมา ก็อดพูดไม่ได้ว่า “คุณปู่ลั่ว อันเหอ พวกคุณมาได้ยังไง”
“พวกเรามาช่วยไงล่ะ”
ฉินมู่หลานทำท่าจะพูดทัดทานสองสามคำ เพราะอย่างไรคุณปู่ลั่วก็อายุไม่น้อยแล้ว ส่วนลูกของอันเหอก็ยังเล็กมาก พวกเขาทั้งสองควรจะให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่า
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ภารกิจนี้ช่างยิ่งใหญ่นัก เอาใจช่วยให้มู่หลานผลิตยารักษาได้นะคะ
ยินดีกับปิงหรุ่ยด้วยนะ มีเจ้าตัวเล็กแล้ว
ไหหม่า(海馬)