ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 783 ตอนจบ(1)
ตอนที่ 783 ตอนจบ(1)
หลังจากฉินมู่หลานได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ที่บ้านสักระยะหนึ่ง เธอก็กลับมาทำงานที่โรงงานยาซิ่งหลินถังอีกครั้ง
กู้วั่งหลานเห็นเธอมาถึง จึงมองเธอด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “มู่หลาน โรงงานยาของพวกเราโด่งดังแล้ว โด่งดังถึงขนาดที่คนต่างถิ่นก็ยังรู้จัก ตอนนี้มีโรงพยาบาลและร้านขายยาจากหลายที่ต้องการสั่งซื้อยาจากโรงงานของพวกเราเลยทีเดียว”
ได้ยินแบบนั้น ฉินมู่หลานจึงพูดยิ้ม ๆ ว่า “นี่ถือเป็นเรื่องดีนะ”
“ใช่ เป็นเรื่องดี ตอนนี้ผมมองจนตาลายแล้ว วันนี้คุณกับปิงหรุ่ยช่วยกันเลือกให้ดี ๆ หน่อยนะว่าเราจะร่วมมือกับใคร”
“ได้เลย”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้า
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยมาถึงและเห็นว่าฉินมู่หลานมาถึงแล้ว เธอจึงรีบเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ถามว่า “มู่หลาน เธอพักผ่อนเป็นยังไงบ้าง ยังเหนื่อยอยู่ไหม”
“ไม่เหนื่อยแล้ว ฉันพักผ่อนที่บ้านมาหลายวันแล้ว”
“ช่วงนี้พวกเธอเหนื่อยกันมาก ต้องพักผ่อนให้เต็มที่นะ”
ฉินมู่หลานมองเซี่ยปิงหรุ่ย แล้วถามว่า “แล้วเธอล่ะ ตั้งแต่ที่ท้องแล้วรู้สึกเหนื่อยบ้างไหม”
เซี่ยปิงหรุ่ยส่ายหน้า “ไม่เหนื่อยหรอก ฉันท้องแล้วไม่ค่อยมีอาการอะไรเลย”
“ไม่มีอาการก็ดีแล้ว คนที่แพ้ท้องแล้วอาเจียนแทบตายนี่ทรมานมากเลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยพูดยิ้ม ๆ ว่า “ใช่แล้ว ดังนั้นตอนนี้ฉันกินอะไรนิดหน่อยทุกวันก็ไม่มีผลกระทบอะไร”
ทั้งสองคนคุยกันเรื่อยเปื่อยจนเดินเข้าไปในสำนักงานของกู้วั่งหลาน รีบตรวจสอบหน่วยงานที่ต้องการร่วมมือ พอทำงานเสร็จสิ้น วันนี้ก็ผ่านไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้รีบกลับบ้าน แต่ไปที่ร้านขายยาซิ่งหลินถัง
เซี่ยปิงชิงเห็นพวกเธอมา ก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมพวกเธอถึงมาที่นี่ล่ะ ที่นี่กำลังจะปิดแล้ว”
“ปิงชิง ทำไมเธอไม่พักผ่อนอีกสองสามวันล่ะ” จากนั้นก็หันไปมองคังอันเหอ และพูดว่า “อันเหอ เธอควรกลับไปพักผ่อนมากกว่า ช่วงนี้เธอทำงานเหนื่อยมากแล้วนะ”
แต่แล้วก็พบว่าคุณปู่ลั่วและคุณปู่ฉินไม่อยู่ที่นี่ “สองคนนั้นอยู่ไหนเหรอ?”
“คุณปู่ลั่วกับคุณปู่ของเธอกลับไปก่อนแล้ว พวกเรากำลังจะปิดร้านพอดี จากนั้นพวกเธอสองคนก็มา” คังอันเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินไปหาฉินมู่หลาน และกระซิบอย่างมีเลศนัยว่า “มู่หลาน ฉันมีความคิดเกี่ยวกับการทำยาเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้หรือเปล่า”
“ความคิดอะไรเหรอ”
ฉินมู่หลานถามด้วยความสงสัย
“ฉันอยากจะคิดค้นยาที่ช่วยกระตุ้นน้ำนม”
พูดแล้วคังอันเหอก็น้ำตาไหล ดูท่าทางหมดหวัง
“ฉันไม่มีน้ำนมเลย ถึงจะกินซุปไก่และซุปปลาบำรุงทุกวันก็ยังไม่มีน้ำนม ลูกฉันกินนมแม่ได้แค่ครึ่งเดือน หลังจากนั้นก็ต้องดื่มนมผงแทน”
จริงๆ แล้วหล่อนไม่มีน้ำนมเลยสักนิด หล่อนเคยได้ยินมาว่าตอนหย่านมนั้นทรมานมาก แต่ก็ไม่เคยได้สัมผัสเลย เพราะไม่มีน้ำนมอยู่แล้ว เท่ากับว่าน้ำนมได้หายไปเองโดยที่หล่อนไม่ต้องหย่านมเลย
ได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็พยักหน้าและพูดว่า “ได้สิ คุณตั้งใจจะศึกษาวิจัยจริงๆ ใช่ไหม”
“ฉันคงทำคนเดียวไม่ได้หรอก แต่ฉันได้คุยกับคุณปู่ลั่วแล้วว่าจะตั้งใจช่วยกันศึกษาวิจัยอย่างจริงจัง” หล่อนรู้ว่าฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยต่างก็ยุ่ง จึงไม่อยากรบกวนพวกเธอ ส่วนเซี่ยปิงชิงนั้นไม่ได้คิดถึงเลย เพราะอีกฝ่ายถนัดแต่การปรุงยาพิษ
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็พูดให้กำลังใจว่า “เธอต้องทำได้แน่ ความคิดนี้ของเธอดีมาก จริงๆ แล้วเธอกับคุณปู่ลั่วยังศึกษาวิจัยยาหย่านมได้ด้วย ตอนนี้คุณแม่หลายคนใช้วิธีหย่านมแบบหักดิบ ไม่เพียงแต่ทรมาน แต่ยังไม่ดีต่อร่างกายด้วย ดังนั้นเธอต้องพยายามนะ”
ถึงคังอันเหอจะไม่เคยหย่านมด้วยตัวเอง แต่ก็เคยได้ยินคนอื่นพูดถึง หล่อนจึงพยักหน้าและพูดว่า “ได้ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่แน่นอน”
หลังจากคุยกันอีกสักพัก ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
เมื่อฉินมู่หลานกลับถึงบ้าน ซูหว่านอี๋ได้เตรียมอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเห็นลูกสาวกลับมาก็โบกมือเรียกแล้วพูดว่า “เทศกาลชิงหมิงใกล้จะมาถึงแล้ว พ่อของลูกจะกลับมาพร้อมกับคุณปู่ไปเยี่ยมบ้านเกิด แม่คิดแล้วว่าจะกลับไปด้วย ถ้าลูกกับอาหลี่มีเวลาก็พาเด็กๆ กลับไปด้วยกันนะ ตั้งแต่ที่ถวนถวนกับหยวนหยวนเกิดมาก็ยังไม่เคยกลับไปเลยใช่ไหม”
ฉินมู่หลานได้ยินแล้วก็คิดว่าจะกลับไปสักครั้ง
“ได้ค่ะ หนูจะหาเวลาว่างแล้วพาเด็กๆ กลับไปด้วยกัน”
เมื่อเหยาจิ้งจือรู้ว่าพวกเขาจะกลับบ้านเกิด หล่อนก็ตัดสินใจไปด้วย “ตอนนั้นจะให้เหวินปิงกลับมาด้วย พวกเราไม่ได้กลับไปที่นั่นหลายปีแล้ว ถึงเวลาที่ควรกลับไปในช่วงเทศกาลชิงหมิงจริงๆ”
“ดีมากเลย พวกเราจะได้กลับไปด้วยกัน ระหว่างทางก็จะได้ช่วยเหลือกันได้”
เหยาจิ้งจือพยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ทุกคนกลับไปด้วยกันคึกคักดี ยิ่งมีเด็กๆ ไปด้วยหลายคน ต้องมีคนช่วยมากขึ้นแน่ๆ”
ในวันก่อนเทศกาลชิงหมิง เซี่ยเหวินปิงและฉินเจี้ยนเซ่อกลับมาพร้อมกัน แม้แต่ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ลางานมาสองวันโดยเฉพาะ จากนั้นครอบครัวฉินและครอบครัวเซี่ยจึงกลับไปบ้านเกิดที่ซานตงด้วยกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เกาเชี่ยนเชี่ยนไปที่นั่น เมื่อลงจากเครื่องบินแล้ว หล่อนก็ถามฉินเคอวั่งเบาๆ ว่า
“จากตรงนี้ไปถึงหมู่บ้านคุณต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนเหรอ”
ฉินเคอวั่งยิ้มแล้วลูบผมเกาเชี่ยนเชี่ยน พูดว่า “ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นเพราะต่อรถลำบาก”
ฉินมู่หลานได้ยินเข้าก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ครั้งนี้ไม่ต้องต่อรถแล้ว ฉันจองรถไว้ล่วงหน้าแล้ว เดี๋ยวขับตรงไปถึงหมู่บ้านเลย”
“มู่หลาน เธอไปจองรถตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนดีใจมาก “ถ้ามีรถไปส่งถึงที่ก็จะสะดวกมากเลย เด็กๆ จะได้สบายขึ้นด้วย”
ผู้ใหญ่พวกเขายังพอไหว แต่เด็กๆ หลายคนต้องโดนเบียดเสียดยัดเยียดกันตอนต่อรถแน่ๆ โดยเฉพาะถวนถวนกับหยวนหยวนที่ยังเล็กมาก
“ฉันจองไว้ก่อนมาแล้ว แต่พวกเรามีคนเยอะ เลยต้องจองหลายคัน ถึงจะพอบรรทุกพวกเราได้หมด” จริงๆ แล้วเธอตั้งใจจะจองรถบัสคันใหญ่ แต่พอคิดถึงสภาพถนนในหมู่บ้านชิงซานแล้ว รถบัสใหญ่คงเข้าไปไม่ได้แน่ๆ เลยต้องจองรถเก๋งแทน
เมื่อทุกคนออกไป ก็เห็นรถเก๋งสีดำจอดเรียงรายกันอยู่
“เราไปกันเถอะ ตอนบ่ายก็จะถึงบ้านเกิดแล้ว” ฉินมู่หลานพูดยิ้มๆ บอกให้ทุกคนขึ้นรถ เพื่อจะได้ออกเดินทางได้เลย
เซี่ยเจ๋อหลี่ส่งคุณปู่และคุณย่าตระกูลฉินขึ้นรถก่อน จากนั้นเขาและมู่หลานก็พาลูกๆ ขึ้นรถตามมา
ตอนนี้บนถนนยังไม่ค่อยมีรถเก๋งมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขบวนรถเก๋งเลย กลุ่มของ ฉินมู่หลานจึงดูสะดุดตามาก ผู้คนที่เห็นพวกเขาต่างมองรถพวกนี้ไปตลอดทาง พอมาถึงหมู่บ้านชิงซานแล้วก็ยิ่งไม่ธรรมดา
“ว้าว…นี่ใครกลับมากันเนี่ย ทำไมมีรถเยอะแยะขนาดนี้ ฉันเข้าไปในเมืองยังไม่เคยเห็นรถดีขนาดนี้เลย”
“ใช่แล้ว แถมยังมาไม่ใช่แค่คันเดียวด้วย แต่มาตั้งหลายคัน”
แต่ไม่นานชาวบ้านก็นึกออกแล้วว่าเป็นใคร “ต้องเป็นตระกูลฉินกับตระกูลเซี่ยแน่ๆ ไม่งั้นในหมู่บ้านเราจะมีใครหรูหราได้ขนาดนี้อีก”
“ใช่แล้ว ต้องเป็นพวกเขาแน่ๆ”
พอฉินมู่หลานและคนอื่นๆ ลงจากรถ ชาวบ้านก็ทำสีหน้าแบบรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ไม่มีใครเข้าไปทักทายในทันที เป็นเพราะลักษณะของพวกเขาดูเหมือนคนในเมืองยิ่งกว่าคนในเมืองอีก รู้สึกเหมือนไม่ใช่พวกเดียวกันเลย
จนกระทั่งคุณปู่ฉินเห็นเย่เถี่ยจู้ เขาก็ยิ้มและเดินเข้าไปทักว่า “เถี่ยจู้ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“คุณปู่ พวกคุณกลับมาไหว้บรรพบุรุษเหรอ ท่านยิ่งดูอ่อนเยาว์ขึ้นทุกวันเลยนะ” แล้วก็หันไปมองคุณย่าฉินพูดต่อ “คุณย่าก็เหมือนกัน ดูสดใสกระปรี้กระเปร่าไม่เหมือนเดิมเลย”
คุณย่าฉินได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแก้มปริ
ส่วนเย่เถี่ยจู้เห็นฉินเจี้ยนเซ่อแล้วก็อดพูดไม่ได้ว่า “เจี้ยนเซ่อ ไม่ได้เจอกันนาน ฉันแทบจำนายไม่ได้เลย นายเปลี่ยนไปจากเดิมมากเลย”
คำพูดนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก ไม่ใช่แค่ฉินเจี้ยนเซ่อ แม้แต่ซูหว่านอี๋ กับสามีภรรยาเซี่ยเหวินปิงและเหยาจิ้งจือก็ดูอ่อนเยาว์ลงไปจนดูเหมือนอายุน้อยกว่าเขามาก แต่จริงๆ แล้วอายุของเขาน้อยกว่าพวกฉินเจี้ยนเซ่อเสียอีก
“เปล่าหรอก พวกเราแค่ได้แต่งตัวดี เลยดูอ่อนเยาว์ลงไปน่ะ”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือเห็นคนคุ้นเคยก็ยิ้มทักทายเช่นกัน
ชาวบ้านเห็นฉินมู่หลานและคนอื่นๆ ไม่ได้มีทัศนคติหยิ่งผยองเพราะมีเงินแล้ว ดังนั้นจึงคุยกันได้อย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็พบว่ามีคนหน้าใหม่ในหมู่คนกลุ่มนี้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
“เคอวั่ง คนข้างๆ เธอคือแฟนของเธอสินะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สงสารคนที่ไม่มีน้ำนมให้ลูก แล้วก็คนที่คัดนมเพราะหย่านมแบบหักดิบจริงๆ อันเหอ ได้เวลาแสดงฝีมือของเธอแล้วนะ
ฐานะดีแล้วก็หน้าตาดีเป็นธรรมดา เพราะไม่ต้องตากแดดทำงานรับยูวีที่ทำให้แก่เร็ว
ไหหม่า(海馬)