ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 8 ส่งมอบธงเกียรติยศ
ตอนที่ 8 ส่งมอบธงเกียรติยศ
ตอนที่ 8 ส่งมอบธงเกียรติยศ
เหยาจิ้งจือเห็นสีหน้าของลูกชายคนเล็ก ภายในใจยิ่งรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังปะทุ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เจ๋อหลี่ เกิดอะไรขึ้น? ถามหาน้องสาวลูกทำไมกัน?”
สีหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่เปลี่ยนเป็นเย็นชาดุจน้ำแข็ง
“เพราะเซี่ยเจ๋อน่าไม่ชอบฉินมู่หลาน หล่อนเลยร่วมมือกับคนนอกมารังแกมู่หลาน เรื่องใหญ่แบบนี้แค่พูดจาสั่งสอนไม่กี่คำแล้วปล่อยผ่านคงไม่ได้”
เซี่ยเจ๋อหลี่โกรธจนตัวสั่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาถามไป รู้สึกใจชาไปหมด
ถึงแม้เซี่ยเจ๋อน่าจะไม่ชอบฉินมู่หลานมากแค่ไหน แต่ตอนนี้พวกเขาต่างเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว สิ่งที่เซี่ยเจ๋อน่าทำนั้นมันเกินทนเหลือเกิน
“เซี่ยเจ๋อน่ารู้ว่าฉินมู่หลานจะไปที่ภูเขาต้าชิงซาน เลยเอาเรื่องนี้ไปบอกเย่เสี่ยวเหอ หลังจากนั้นเย่เสี่ยวเหอกับเฝิงจื้อหมิงก็ขึ้นเขาไปด้วยกันเพื่อจะหาทางเล่นงานแล้วบังคับให้มู่หลานหย่ากับผม ถ้าผมไปไม่ทัน มู่หลานคงโดนเฝิงจื้อหมิงทำร้ายแน่”
หลังจากพูดจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เดินปรี่ไปที่ห้องของเซี่ยเจ๋อน่า
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ตอนนี้หายแปลกใจแล้วว่าเย่เสี่ยวเหอกับเฝิงจื้อหมิงบังเอิญปรากฎตัวบนเขาได้อย่างไร กลายเป็นว่าพวกเขารู้มาจากเซี่ยเจ๋อน่าตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะไปที่นั่น
น้องสาวสามีคนนี้ก็เหลือเกินเสียจริง
อยากให้เธอออกไปจากตระกูลเซี่ยเสียจนต้องขอให้คนทำวิธีสกปรกเช่นนี้
เหยาจิ้งจือที่ยืนอยู่ทางด้านข้างแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “อะไรนะ…นี่…”
ในตอนนั้นลูกสาวของนางกลับมาที่บ้านในตอนเช้าเพื่อก่อนจะขอดื่มน้ำ แต่หลังจากที่ถามว่ามู่หลานไปไหนก็กลับบอกว่าไม่กินแล้ว แล้ววิ่งไปขอขวดน้ำจากเสวี่ยเยี่ยนแทน กลายเป็นว่า…ในตอนนั้นลูกสาวกำลังคิดแผนร้ายอยู่
เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เหยาจิ้งจือรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลูกสาวของตนจะเป็นคนเลวทรามเช่นนี้
เซี่ยเหวินปิงรู้สึกไม่ค่อยอยากเชื่อ
“น่าน่าไม่ไม่มีทางทำแบบนั้น นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรแน่ ๆ”
แต่หลี่เสวี่ยเยี่ยนกลับคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง หล่อนรู้ว่าน้องสาวของสามีเป็นคนเช่นไร จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หล่อนรู้สึกไม่ค่อยสนิทชิดเชื้อกับน้องสาวของสามีสักเท่าใด
หากวันใดมีเรื่องกับน้องสาวสามีขึ้นมาแล้วหล่อนเกิดไม่ชอบตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้นแล้วจะให้คนมาจัดการตัวเองแบบนี้ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้
เพียงนึกคิดก็เริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว
เซี่ยเจ๋อน่าเองก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากข้างนอกเช่นกัน เพราะตัวบ้านไม่ค่อยเก็บเสียงนัก
หล่อนได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงไปขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง ด้วยความหวังว่าพี่รองจะไม่พังประตูเข้ามา
น่าเสียดายที่เซี่ยเจ๋อน่าต้องผิดหวัง เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าประตูเปิดไม่ออก เขาจึงให้แม่เอากุญแจสำรองมาเปิดให้
เหยาจิ้งจือไม่ลังเลเลยสักนิด นางหยิบกุญแจออกมาแล้วไขเปิดประตู
“แม่ แม่อยู่ข้างใครกันแน่ ทำไมถึงยอมเปิดประตูเข้ามา”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหยาจิ้งจือก็ถึงกับต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “เซี่ยเจ๋อน่า แกทำผิดมหันต์เลยนะครั้งนี้ ถ้าวันนี้แม่ไม่สั่งสอนแก ต่อไปแกต้องทำเรื่องใหญ่โตกว่านี้แน่”
หลังจากพูดจบ เหยาจิ้งจือก็หันไปมองฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่หลาน ครั้งนี้น่าน่าทำเกินไปแล้ว เธอจะลงโทษยังไงก็ได้ตามใจเธอเลย”
ฉินมู่หลานได้ยินทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดตอบกลับออกมา
พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน หากเธอซึ่งเป็นลูกสะใภ้ปฏิบัติต่อเซี่ยเจ๋อน่าเช่นนั้นจริง ๆ เกรงว่าหลังจากที่คุณพ่อคุณแม่เริ่มหายโกรธเซี่ยเจ๋อน่าแล้ว พวกเขาจะมีความคิดอีกอย่าง
ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขาต้องการลงโทษจริงก็ย่อมลงมือด้วยตัวเองได้
“คุณแม่คะ ฉันเองก็ไม่ได้เป็นอะไร เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะค่ะ”
จะปล่อยผ่านไปได้อย่างไรกัน แต่อย่างน้อยเธอก็คงไม่ทำอะไรโจ่งแจ้ง หากจะสั่งสอนเซี่ยเจ๋อน่าจริง คงแอบทำแบบเงียบ ๆ ดีกว่า
“ไม่ได้หรอก เรื่องที่เกิดครั้งนี้ เอาจริง ๆ มันเลวร้ายมาก เราปล่อยผ่านไปไม่ได้หรอก”
เหยาจิ้งจือไม่ยอมปล่อยลูกสาวไปอีกแล้ว นางจึงหยิบท่อนไม้ไผ่ที่ไม่ได้ใช้หลายปีออกมา ก่อนจะลงไม้ลงมือฟาดเซี่ยเจ๋อน่าอย่างแรง
“โอ๊ย…แม่ บ้าไปแล้วเหรอ มาตีหนูได้ยังไง”
เซี่ยเจ๋อน่าจ้องมองแม่ของตนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
สมัยยังเป็นเด็ก พี่ใหญ่กับพี่รองต่างเคยโดนท่อนไม้ไผ่ตีทั้งคู่ แต่เพราะว่าหล่อนเป็นลูกสาว ทั้งพ่อและแม่จึงรักมากเป็นพิเศษจึงไม่เคยโดนตีเลยสักครั้งเดียว ไม่เคยคิดเลยว่าตอนโตแล้วจะโดนท่อนไม้ไผ่ของแม่ฟาดเข้าให้
แม้แต่ฉินมู่หลานเองก็ยังมองเหยาจิ้งจือด้วยแววตาประหลาดใจ
ตอนแรกเธอคิดว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นเดิมเหมือนที่เคยคอยให้ท้ายมาตลอด ไม่คิดว่าครั้งนี้เหยาจิ้งจือจะจริงจัง ตีเป็นตี ท่อนไม้ไผ่นี้หนาเกือบครึ่งของฝ่ามือผู้ใหญ่ หากโดนตีเข้าคงเจ็บแน่นอน และอาจมีรอยช้ำหลงเหลืออยู่ด้วย จนกว่าจะถึงตอนนั้นเซี่ยเจ๋อน่าก็คงต้องอดทนให้ได้
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อน่าร้องโอดครวญว่าเจ็บ ฉินมู่หลานก็รู้สึกดีขึ้นมาก น้องสาวสามีคนนี้ควรโดนสั่งสอนให้หลาบจำเสียบ้าง
เซี่ยเหวินปิงที่ยืนอยู่ข้างนอกต้องการห้าม แต่เมื่อเห็นสีหน้าอันบูดเบี้ยวของภรรยา เขาจึงไม่พูดอะไรมาก
นอกจากนี้ เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าแม่ได้ลงมือแทนตนไปแล้ว เขาจึงไม่พูดอะไรมากมายกว่านั้นอีก ทำเพียงยืนมองดูแม่สั่งสอนน้องสาวของตัวเองอยู่เงียบ ๆ
ส่วนทางด้านครอบครัวของเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ยืนดูอยู่เงียบ ๆ เช่นกัน
นอกจากนี้เสี่ยวอวี่ยังมองหน้าแม่ของตนพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “หม่าม้า คุณอาทำอะไรผิดเหรอ คุณย่าเลยต้องตีอา”
“ใช่แล้ว แบบนี้เสี่ยวอวี่ต้องเชื่อฟังนะ อย่าทำอะไรที่ไม่ดี”
“อื้ม ผมจะเป็นเด็กดีแน่นอน”
เสี่ยวอวี่ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ แต่หลังจากนี้ดูเหมือนว่าเขาจะซุกซนต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาอาจโดนคุณย่าตีด้วยเหมือนกัน
เมื่อเซี่ยเจ๋อน่าโดนตีมากพอแล้ว เหยาจิ้งจือก็หยุดมือ
“ตอนบ่ายก็สำนึกตัวเองอยู่ที่บ้านซะ แล้วก็ไปทำอาหารเย็น รอจนกว่าพวกพ่อและคนอื่น ๆทำงานเสร็จแล้วกลับมา จะได้กินอาหารร้อน ๆ กัน”
เซี่ยเจ๋อน่าจ้องมองแม่ของตนด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว พลางอยากอ้าปากปฏิเสธ แต่ในตอนนี้หล่อนปวดไปทั้งตัว อีกทั้งยังกลัวว่าแม่จะตีตัวเองอีก จึงได้แต่ตอบตกลงอย่างจำใจ
เซี่ยเหวินปิงที่เห็นน้ำตาของลูกสาวก็ถึงกับทนไม่ไหว เขาเข้าไปคว้าดึงแขนเสื้อของภรรยาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พอแล้วล่ะ น่าน่าสำนึกผิดแล้ว คุณเองก็ควรใจเย็นลงหน่อยนะ”
เหยาจิ้งจือโกรธมาก แต่ด้วยความที่ตอนนี้สายมากแล้ว และคนอื่น ๆ ต่างก็ต้องไปทำงาน ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่เอ่ยเร่ง “เอาล่ะ พวกเธอออกไปกันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะไปทำงานสายกันนะ”
“ครับ/ค่ะ”
ปกติเซี่ยเจ๋อหลี่ต้องไปทำงานของตัวเองอยู่แล้ว แต่ก่อนจะออกไป เขาแอบคว้าจับมือของฉิมมู่หลานเงียบ ๆ พลางเอ่ยซิบขึ้นว่า “ต่อไปเย่เสี่ยวเหอจะไม่มารังควานคุณอีก คุณวางใจได้เลย” หลังจากพูดจบก็ปล่อยมือแล้วเดินออกไปพร้อมเซี่ยเหวินปิงและคนอื่น ๆ
ฉิมมู่หลานแอบตกใจนิดหน่อยตอนที่มือของเขาต้องสัมผัสกับเธอ
เมื่อเห็นเธอมีอาการดังนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว เธอจึงไม่ทันได้พูดอะไร แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ามือของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังคิด ฉินมู่หลานก็ถึงกลับต้องรีบส่ายหัวสลัดความคิด พลางบอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เพียงแค่ต้องการบอกว่าเขากำจัดพวกที่มากวนใจให้แล้วก็เท่านั้นเอง
แต่ในไม่ช้า เธอก็เห็นเซี่ยเจ๋อน่ากำลังมองมายังตัวเองด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว
ดูเหมือนว่าบทเรียนครั้งนี้จะยังไม่พอให้หล่อนหลาบจำ แต่เมื่อเธอหันกลับไปมองอีกครั้ง เซี่ยเจ๋อน่าก็ก้มศีรษะหลบสายตาลงแล้ว เป็นแบบนี้แล้วดูเชื่อฟังขึ้นเยอะเลย
ตลอดช่วงเวลาสองวัน ฉินมู่หลานไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย เธออยู่แต่ในบ้านและปรุงยาโดยใช้สมุนไพรที่เธอไปเก็บมาครั้งล่าสุด ถึงแม้ว่าจะไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสม แต่เธอก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปรุงยาออกมาให้สำเร็จ
ส่วนซานเย่าพวกนั้น จะนำมาใช้ทำอาหารเช่นกัน
เหยาจิ้งจือและหลี่เสวี่ยเยี่ยนต่างพากันชื่นชมเธอ แม้แต่เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็ยังบอกว่าซานเย่าที่ทำออกมานั้นอร่อยมาก
เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น ประตูทางเข้าบ้านก็ดูคึกคัก ก่อนที่ป้าปันซึ่งอยู่บ้านข้าง ๆ จะเอ่ยตะโกนเสียงดังลั่น“จิ้งเจอ มีคนเอาธงเกียรติยศมาส่งให้ลูกสะใภ้คนเล็กของเธอแน่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
สมควรโดนทุบซะบ้างค่ะยัยตัวแสบ ตอนนี้ยังร้ายกาจขนาดนี้ ต่อไปโตเป็นสาวเต็มที่จะร้ายกาจขนาดไหน
พี่หลี่ไปคุยยังไงหนอ ถึงบอกว่าจะไม่มีดอกท้อเน่ามากวนใจแล้วน่ะ
ไหหม่า(海馬)