ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 88 ชื่อเสียงเลื่องลือ
ตอนที่ 88 ชื่อเสียงเลื่องลือ
ตอนที่ 88 ชื่อเสียงเลื่องลือ
ข่าวการตั้งครรภ์ของหวังจาวตี้ได้กระจายไปทั้งตระกูลฉิน หลังจากนั้นทุกคนในหมู่บ้านชิงซานก็ได้รู้ข่าว ขณะเดียวกันก็ได้ทราบว่าหวังจาวตี้ดื่มยาที่ฉินมู่หลานเป็นผู้จ่ายให้ จึงทำให้ตั้งครรภ์ได้เร็ว
ในตอนนั้น พวกชาวบ้านจึงได้รับรู้ทักษะทางการแพทย์ของฉินมู่หลานกันใหม่
“นี่…พวกเธอรู้กันหรือยัง ฉินมู่หลานเขียนใบสั่งยาให้หวังจาวตี้ แล้วหล่อนก็ตั้งท้องขึ้นมาเลยล่ะ ไม่คิดเลยว่าทักษะการแพทย์ของฉินมู่หลานจะดีขนาดนี้”
“ใช่แล้วๆ ฉันเองก็ได้ยินมา ถึงก่อนหน้านี้จะได้ยินว่าฉินมู่หลานมีทักษะการแพทย์ดีมาก แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรเลย พอมารู้เรื่องนี้ กลับรู้สึกว่าทักษะการแพทย์ของหล่อนดีมากจริง ๆ”
“ใช่ ต่อไปถ้ามีอะไร ก็ไปให้หล่อนช่วยตรวจได้ล่ะ”
แม้จะมีคนเชื่อว่าฉินมู่หลานมีทักษะการแพทย์ดี แต่ก็มีคนที่สงสัยด้วยเช่นกัน
“ฉินมู่หลานยังเด็กมากนะ จะเก่งขนาดนั้นเลยหรือ เป็นเพราะหวังจาวตี้โชคดีมากกว่า ก็เลยท้องได้”
“ใช่แล้ว ที่พูดมามันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แล้วทักษะการแพทย์ของฉินมู่หลานก็สืบทอดมาจากฉินอวิ๋นเฮ่อปู่ของหล่อนไม่ใช่เหรอ ไม่แน่นะ เธออาจะให้คุณปู่ช่วยดูด้วยก็ได้” ตอนนี้หลาย ๆ อย่างได้ผ่อนคลายลงแล้ว พวกเขาคงขอให้ฉินอวิ๋นเฮ่อช่วยตรวจดูได้
บางคนได้ยินเช่นนั้น ก็ได้ส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าพวกเธอยังไม่เข้าใจ คุณปู่ฉินแกไม่ตรวจให้ใครแล้วล่ะนะ”
“อะไรนะ…”
ทุกคนโดยรอบต่างพากันตกตะลึง
“ทำไมถึงไม่ตรวจคนแล้วล่ะ ฉันจำได้ว่าทักษะการแพทย์ของคุณปู่ฉินค่อนข้างดีเลยนะ หลายคนเคยไปหาเขากันทั้งนั้น”
แต่นั่นก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่ล้วนไม่กล้าไปฉินอวิ๋นเฮ่อ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะมาตรการได้ผ่อนคลายลง ผู้คนในหมู่บ้านที่เจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ จึงพากันไปหาฉินอวิ๋นเฮ่อ แต่ฉินอวิ๋นเฮ่อก็ปฏิเสธที่จะตรวจให้ทุกคน
“ช่วยไม่ได้นี่นะ คุณปู่ฉินอายุมากแล้ว ไม่มีแรงขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร จึงไม่ได้รับตรวจโรคอีกแล้ว”
“แต่แค่เขียนใบสั่งยาให้ก็ยังดีนี่นา เราก็เอาไปซื้อยาเองได้”
คนผู้นั้นถอนหายใจหลังจากได้ยินสิ่งนี้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณปู่ฉินก็อายุปูนนี้แล้ว คงไม่อยากทำงานอีกแล้วล่ะ และตอนนี้ทักษะการแพทย์ของหลานสาวเขาก็ค่อนข้างดี เขาจึงไม่อยากตรวจให้คนอื่นอีกแล้ว”
“เฮ้อ…ก็ไม่รู้ว่าฉินมู่หลานจะทำได้หรือเปล่า”
ฉินมู่หลานไม่ทราบเลยว่าเธอกลายเป็นจุดสนใจของหัวข้อการสนทนาในหมู่บ้านไปเสียแล้ว หลังจากกินข้าวที่บ้านตระกูลฉินแล้วเธอก็กลับไป ไม่คิดเลยว่าเมื่อใกล้ถึงประตูบ้าน จะเห็นป้าพานยืนรออยู่ตรงนั้น
“ไอ้หยา…มู่หลาน เธอมาแล้วเหรอ”
ฉินมู่หลานเห็นป้าพาน จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ป้าพานคะ ทำไมถึงไม่เข้าไปล่ะ”
“มู่หลาน ฉันกำลังรอเธอน่ะ”
“รอหนู?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “ป้าพานอยากพบหนูมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”
ป้าพานหันมองรอบข้างด้วยท่าทางประหม่า ก่อนจะบอกกล่าว “มู่หลาน พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในได้ไหม?”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเหมือนอย่างเคย แล้วพาป้าพานเข้าไปข้างในดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เหยาจิ้งจือเห็นป้าพานเข้ามา จึงอดที่จะพูดเสียไม่ได้ “พี่สะใภ้พาน ฉันก็บอกแล้วไงว่าให้เข้ามารอ เธอยังจะไปรอมู่หลานอยู่ตรงหน้าประตูอีก”
ฉินมู่หลานจึงได้ทราบ ว่าป้าพานรอตนมาสักพักหนึ่งแล้ว
“ป้าพานคะ นั่งก่อนสิ มีอะไรก็บอกกันได้นะคะ”
ป้าพานหันมองเหยาจิ้งจือ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองตนด้วยแววตาสงสัย จึงเอ่ยขึ้นอย่างประหม่านิดหน่อย “มู่หลาน ที่จริงแล้ว…ช่วงนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย ก็เลยอยากจะมาให้เธอช่วยตรวจ ได้ยินมาว่าทักษะการแพทย์ของเธอดีมากน่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงเอ่ยขึ้นทันที “ป้าพานคะ ถ้าอย่างนั้นป้าช่วยยื่นมือมาหน่อยค่ะ หนูจะตรวจชีพจรให้”
“อ้อ ได้”
ป้าพานรีบยื่นมือออกไป แล้วจ้องมองฉินมู่หลานอยู่ครู่หนึ่ง พลางคิดว่าอาการของตัวเองร้ายแรงหรือไม่
ฉินมู่หลานรู้ปัญหาหลักของป้าพานหลังจากตรวจชีพจรของหล่อนเป็นที่เรียบร้อย เป็นโรคทางนรีเวชที่เกิดขึ้นในช่วงวัยกลางคน แต่เธอก็ยังเอ่ยถามอีกสักสองสามข้อเพื่อให้แน่ใจ
ป้าพานรู้สึกเขินอายเล็กน้อยในตอนแรก แต่เห็นว่าคนในบ้านเป็นผู้หญิงกันทั้งนั้น และมู่หลานก็เป็นหมอที่จะให้การรักษาตน คิดได้ดังนั้นหล่อนจึงรู้สึกดีมากขึ้น แล้วตอบคำถามพวกนั้นอย่างตรงไปตรงมา
เหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกเขินอายนิดหน่อย หล่อนจึงรีบลุกขึ้นยืนแล้วบอกกล่าว “ฉันจะไปเอาน้ำมาให้พวกเธอแล้วกันนะ” หลังจากเอ่ยจบก็เดินเข้าห้องครัวไปทันที
หลังจากฉินมู่หลานถามคำถามแล้ว ก็ยกยิ้มแล้วหันมองก่อนจะเอ่ยขึ้น “ป้าพานคะ เดี๋ยวหนูขอเขียนใบสั่งยาให้ก่อนนะคะ”
ป้าพานได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้น “ได้”
หลังจากที่ป้าพานได้รับใบสั่งยาแล้ว ก็รีบเอ่ยขอบคุณฉินมู่หลาน ขณะเดียวกันก็แอบหยิบเงินบางส่วนออกมา
ฉินมู่หลานเห็นดังนั้น จึงยกยิ้มแล้วปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอกค่ะป้าพาน ป้ารีบไปรับยาเถอะ แล้วกินยาให้ตรงเวลาด้วยนะคะ หลังจากกินยาครบสามวันแล้ว หนูจะตรวจให้อีกที”
“อ้อ ได้”
ป้าพานพยักหน้า แต่เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่รับเงินจึงกังวลนิดหน่อย เพราะสุดท้ายเธอก็ไม่ได้เงินเลย จึงนำแม่ไก่แก่มาให้แทน “มู่หลาน ในเมื่อเธอไม่รับเงิน ถ้าอย่างนั้นก็เอาแม่ไก่แก่นี่ไปบำรุงร่างกายเถอะ ตอนนี้เธอกำลังท้อง ควรจะบำรุงให้มากๆ”
ฉินมู่หลานอยากจะปฏิเสธ แต่ป้าพานก็วางแม่ไก่แก่นั้นลงแล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เหยาจิ้งจือเห็นดังนั้น จึงอดที่จะเอ่ยเสียไม่ได้ “ป้าพานแกนี่วิ่งเร็วจริง เดี๋ยวฉันเอาไก่ไปคืนให้หล่อนเอง” แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้คืน เพราะเหยาจิ้งจือได้ทราบไก่ตัวนั้นเป็นค่ารักษาที่ป้าพานให้ฉินมู่หลาน ในตอนเย็นจึงนำมาตุ๋นให้ฉินมู่หลานบำรุงร่างกาย
ทางฝั่งป้าพานได้ไปซื้อยามาเมื่อช่วงบ่าย จากนั้นก็ลองดื่ม หลังจากดื่มไปได้สองขนานก็เริ่มเห็นผล บริเวณที่เคยรู้สึกอึดอัดตอนนี้ก็ไม่เป็นแล้ว และรู้สึกวางใจในทักษะการแพทย์ของฉินมู่หลานมากขึ้น หลังจากผ่านไปสามวัน หล่อนก็มาที่หน้าประตูอีกครั้ง
ฉินมู่หลานเห็นป้าพานเดินมา จึงตรวจชีพจรให้หล่อน หลังจากนั้นก็นำยาบางส่วนออกมา
“ป้าพานคะ กินยาพวกนี้อีกสามวันก็จะหายดีแล้ว ป้าแค่กินตามใบสั่งยานี้ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยค่ะ”
“ดีเลยๆ มู่หลานเอ๊ย เธอบอกว่าสามวันก็สามวันจริงด้วย ป้าเชื่อเธอแล้ว ทักษะการแพทย์เธอนี่อย่างนี้เลย” หลังจากเอ่ยจบ ป้าพานก็ยกนิ้วให้
ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ป้าพานคะ หนูไม่ได้ดีอะไรแบบที่ป้าพูดขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่จากโรคที่ป้าเป็น หนูรักษาให้หายได้แน่นอนค่ะ แค่ป้ากินยาให้ตรงเวลาก็พอ”
“ฉันจะกินยาให้ตรงเวลาแน่นอน”
ป้าพานได้รับยาครั้งที่สองแล้วก็กินตรงเวลา หลังจากนั้นก็รู้สึกดีขึ้น ไม่รู้สึกอึดอัดอีกแล้ว แต่ยังมาพบฉินมู่หลานเพื่อตรวจชีพจรอยู่
“ป้าพานคะ ตอนนี้อาการของป้าหายดีแล้ว ไม่ต่องกินยาแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ป้าพานก็รู้สึกดีใจมาก “จริงเหรอ นั่นมันเยี่ยมไปเลย”
ครั่งนี้หล่อนนำไข่ไก่มาอีกครั้ง หลังจากทิ้งตะกร้าไข่ไว้ แล้วรีบวิ่งออกไป
หลังจากนั้น ข่าวที่ว่าฉินมู่หลานมีทักษะการแพทย์ดีเยี่ยมก็แพร่ไปทั่วหมู่บ้านชิงซาน ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าเธอเก่งกว่าคนรุ่นก่อน ทักษะการแพทย์ของเธอดีกว่าฉินอวิ๋นเฮ่อเสียอีก
และคนแรกที่พูดเช่นนี้ก็คือป้าพาน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มู่หลานดังใหญ่แล้ว บารมีสูงขึ้นอย่างเห็นชัดเลย
ไหหม่า(海馬)