ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 102 เลี้ยงดูเด็ก ๆ
บทที่ 102 เลี้ยงดูเด็ก ๆ
เพราะว่าพวกหล่อนแต่งงานออกไปแล้ว เลยไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัวฝั่งแม่ได้ พวกหล่อนกลับมาแค่ไม่กี่ครั้งในหนึ่งปี ดังนั้นอย่าไปยุ่งเรื่องบาดหมางพวกนั้นจะดีกว่า
พวกหล่อนรวมตัวทานอาหารกลางวันด้วยกัน ส่วนหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋พาลูกชายของพวกเขากลับไปทานอาหารกลางวันที่บ้านเลยไม่ได้ร่วมโต๊ะด้วย
หลินชิงเหอจึงยังไม่รู้ว่าสะใภ้รองตั้งครรภ์
ในวันที่สามของเทศกาลปีใหม่ ทั้งครอบครัวของเธอก็เตรียมพร้อมมุ่งหน้าไปยังตัวอำเภอเพื่อเที่ยวเล่น
พวกเขาไปถึงในตัวอำเภอตอนเก้าโมงเช้า ทั้งครอบครัวเดินเที่ยวไปรอบ ๆ เมืองก่อน ในตอนแรกหลินชิงเหออยากไปที่โรงพยาบาล แต่โจวชิงไป๋ก็ถามขึ้นมาว่าทำไมถึงจะไปที่นั่น หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาเป็นกังวลและบอกว่าเธอสบายดี ในที่สุดโจวชิงไป๋ก็ขุดหาความจริงจนได้ความว่าเธอไปโรงพยาบาลเพราะอยากไปซื้อถุงยางอนามัย
หลังโจวชิงไป๋ถามว่าถุงยางอนามัยคืออะไร สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มไป
“ปีใหม่แล้วอย่าทำหน้าแบบนี้เลยค่ะ เราออกจากบ้านมาเพื่อเที่ยวให้สนุกกันนะ” หลินชิงเหอปลอบ
หลังจากนั้นเองโจวชิงไป๋จึงข่มอารมณ์ไว้ได้ แต่เขาก็ยังตำหนิเธอด้วยคำพูดตรงไปตรงมาว่าในช่วงปีใหม่ไม่ควรจะไปที่โรงพยาบาล และห้ามไม่ให้เธอไปอย่างหนักแน่น
ทั้งครอบครัวเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเพื่อไปถ่ายรูป แต่ด้วยเรื่องที่หลินชิงเหออยากจะไปโรงพยาบาลเพราะซื้อของสิ่งนั้นได้ทำให้โจวชิงไป๋มีสีหน้าไร้อารมณ์ไปยามถึงตาที่เขาต้องถ่ายรูป ไม่ว่าหลินชิงเหอจะพยายามขนาดไหน เขาก็ไม่ยิ้มไม่หัวเราะเลย
เด็กชายทั้งสามต่างปิติยินดีที่ได้ถ่ายรูป พวกเขาหวังว่าจะได้ถ่ายรูปมากอีกหน่อยและได้ทำท่าทางเจ๋ง ๆ เพิ่มอีกสักนิด
เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว พวกเขาก็ซื้อแอปเปิลตะกร้าหนึ่งเพื่อนำไปเยี่ยมโจวเสี่ยวเม่ย
โจวเสี่ยวเม่ยอารมณ์ดีมาก หล่อนดีใจที่เห็นครอบครัวของพี่ชายสี่มาเยี่ยม
คงเป็นเพราะหล่อนกำลังตั้งครรภ์ สายตาของหล่อนจึงดูอ่อนโยนเมื่อเห็นเด็กชายน่ารักทั้งสาม
หล่อนแสดงความรู้สึกว่ามีหวังกับหลินชิงเหอ
“เธอกับน้องเขยหน้าตาดีกันทั้งคู่ ลูก ๆ ออกมาต้องหน้าตาดีด้วยสิ” หลินชิงเหอบอก จากนั้นก็คะยั้นคะยอ “นับจากวันนี้ก็ทานแอปเปิลให้มากขึ้นสิ เข้าใจไหม? แต่อย่ากินเยอะเกินไป กินแค่วันละลูกสองลูกก็พอ แล้วก็กินถั่วเหลือง งา ถั่วลิสง และอะไรพวกนี้ให้มากขึ้น เมื่อวานนี้ตอนที่น้องเขยมาหาที่บ้าน คุณแม่ก็ให้ถั่วเหลืองเขากลับมาเยอะเลย เธอไปซื้อหมู กระดูกหมู หรืออะไรพวกนี้มานะ มันคงจะอร่อยมากหากตุ๋นทานด้วยกัน”
“เขาเป็นคนเตรียมของพวกนี้ให้ฉันหมดเลยค่ะ” โจวเสี่ยวเม่ยตอบด้วยท่าทีเอียงอาย
หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม “ดูสิ ฉันพูดถูกเสียเมื่อไหร่ล่ะว่าเขาเป็นคนน่ารัก ในสายตาของเขา เขาไม่เห็นใครนอกจากเธอเลย”
โจวเสี่ยวเม่ยเม้มปากหัวเราะคิกคัก สีหน้าของหล่อนฉายแววมีความสุข
“อย่างไรก็ตาม เมื่อไหร่ที่ท้องเธอใหญ่ขึ้นในปีนี้แล้ว เธอจะทำอย่างไรกับตำแหน่งงานในโรงงานของเธอล่ะ?” หลินชิงเหอถาม
“ถึงตอนนั้นฉันค่อยขอลาคลอดค่ะ คงจะเป็นหลังจากนั้น เพราะจะไม่มีใครดูแลเด็ก ฉันเลยอยากจะส่งลูกกลับไปให้คุณแม่ช่วยเลี้ยงน่ะค่ะ”
“ให้คุณแม่เลี้ยง?” หลินชิงเหออึ้งไป “คุณแม่เองก็ต้องทำงานนะ ท่านอาจไม่ว่างเลี้ยงก็ได้”
“ท่านทำงานได้แต้มค่าแรงเท่าไหร่ล่ะค่ะ? ฉันเองก็คุยเรื่องนี้กับต้าหลินแล้ว เมื่อเวลานั้นมาถึงฉันก็ค่อยให้เงินคุณแม่ 5 หยวนต่อเดือนเพื่อให้ท่านดูแลลูกของฉัน ดีกว่าให้ท่านต้องไปทำงานในนาอีก” โจวเสี่ยวเม่ยชี้แจง
“เป็นความคิดที่ดีนะ” ถ้าในยุคนี้ได้เงิน 5 หยวนต่อเดือนก็นับว่าเป็นเรื่องดีทีเดียว
จำนวนเงินเดือนของโจวเสี่ยวเม่ยก็นับว่ามากอยู่
“พี่สะใภ้สี่คะ ถ้าลูกฉันอยู่ที่บ้านแล้ว พี่มาช่วยเลี้ยงตอนที่พี่ว่างด้วยนะคะ” โจวเสี่ยวเม่ยบอก
“พี่ดูแลเด็กไม่เป็นนะ” หลินชิงเหออึ้งไปครู่หนึ่ง ทำไมจู่ ๆ เธอถึงถูกลากเข้ามาด้วยล่ะ?
“เจ้าใหญ่กับน้อง ๆ ถูกเลี้ยงมาอย่างยอดเยี่ยมขนาดนี้เลยนะคะ” โจวเสี่ยวเม่ยมองเธอ
หลินชิงเหอเบ้ปาก “เธอลืมไปแล้วเหรอว่าตอนที่พวกเขายังเล็กกว่านี้พวกเขาอยู่กันยังไง? ท่าทางนุ่มนิ่มแบบนั้นทำให้ฉันขนลุกเกรียวเมื่อได้เห็นเลยล่ะ พวกเขาต่างโตมาด้วยตัวเองก่อนที่ฉันจะเลี้ยงเถอะ ตอนที่พวกเขายังเล็กกว่านี้ ฉันแค่ทิ้งพวกเขาไว้บนเตียงเตานะ”
จากนั้นโจวเสี่ยวเม่ยก็นึกขึ้นได้ ในอดีตพี่สะใภ้สี่ของเธอเป็นแบบนั้นจริง ๆ เป็นเพราะตอนนี้เธอให้การดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี มันก็เลยทำให้หล่อนเกือบลืมไปว่าก่อนหน้านั้นเธอไม่สนใจพวกเด็ก ๆ เลยด้วยซ้ำ
“แต่พอเด็กโตขึ้นอีกหน่อย พี่ช่วยเลี้ยงดูให้ได้นะ เธอกะว่าจะให้คุณแม่ช่วยดูแลตอนที่ลูกอายุเท่าไหร่เหรอ?” หลินชิงเหอถาม
“ฉันถามทางโรงงานแล้วค่ะ แล้วได้คำตอบมาว่าลาคลอดได้อย่างมากที่สุดสองเดือน” โจวเสี่ยวเม่ยถอนหายใจ
“แล้วน้องเขยล่ะว่ายังไง?” หลินชิงเหอถามอีกครั้ง
“ต้าหลินยังอยากให้ฉันหยุดงานแล้วดูแลลูกอยู่ที่บ้านน่ะค่ะ แต่ฉันไม่อยากทำแบบนั้นเลย” โจวเสี่ยวเม่ยตอบ “งานนี้เป็นงานที่พี่ใช้ความพยายามอย่างมากในการทำให้ฉันได้ทำ คนจำนวนมากอยากทำงานนี้แต่ก็ไม่ได้ทำ แล้วฉันจะยอมปล่อยมือจากมันไปได้อย่างไรล่ะคะ?”
“ให้เงินคุณแม่เดือนละ 5 หยวนในการช่วยเลี้ยงลูกให้เธอก็ถือว่าไม่เลวนะ ยิ่งกว่านั้นคุณแม่คงไม่เลี้ยงหลานแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ หรอก” หลินชิงเหอพยักหน้า
หล่อนเองก็ไม่อยากหยุดงาน โดยเฉพาะในเวลานี้ที่การจ้างงานเป็นเรื่องยากลำบาก โจวเสี่ยวเม่ยได้แต่งงานเหนือฐานะของตัวเองตั้งแต่แรก ด้วยอาชีพที่เธอทำ มันก็ทำให้ลุงของซูต้าหลินให้ความนับถือหล่อนอย่างสูง ดังนั้นการหยุดงานเพื่อมาเลี้ยงลูก ต่อให้มันเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ไม่มีใครสนใจในเรื่องนี้หรอกและหล่อนก็จะถูกถอดจากตำแหน่งหน้าที่การงานในอนาคต
“เธอให้นมลูกสักสองเดือนแล้วก็ให้คุณแม่เลี้ยงหลังจากสองเดือนนั้นเถอะ” หลินชิงเหอแนะนำ “พี่สะใภ้สามเองก็ท้องเหมือนกัน เวลาไล่เลี่ยกันด้วย ถึงตอนนั้นลูกเธอก็คงกินนมของหล่อนได้”
“พี่สะใภ้สามเองก็ท้องเหมือนกันเหรอคะ?” โจวเสี่ยวเม่ยยังไม่รู้เรื่องนี้ พอได้ยินก็ตาโต
“ใช่จ้ะ พี่ก็เลยคิดว่ามันเป็นโอกาสเหมาะที่เธอจะส่งลูกกลับไปที่บ้านแม่ ตอนที่พี่สะใภ้สามอยู่ช่วงฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด เธอก็ต้องให้เนื้อกับไข่หล่อนมากขึ้นเพื่อที่จะให้หล่อนมีน้ำนมพอสำหรับเลี้ยงเด็กสองคน” หลินชิงเหอแนะนำ
ในยุคนี้ผู้หญิงไม่มีน้ำนมพอที่จะเลี้ยงบุตรคนหนึ่งหรอก อย่าว่าแต่เลี้ยงสองคนเลย
แต่ถ้าโจวเสี่ยวเม่ยส่งของกินดี ๆ กลับไปมากขึ้น สะใภ้สามก็คงจะเต็มใจช่วยเหลือหล่อนมากขึ้น
“ฉันจะทำแบบนั้นค่ะ” โจวเสี่ยวเม่ยดีใจมาก หล่อนไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญแบบนี้ หากเป็นแบบนี้จริงมันก็คงจะง่ายขึ้นมาก
พวกเขาทานอาหารกลางวันกันที่บ้านของหล่อนโดยที่ซูต้าหลินเป็นคนทำ ตอนนี้เขาทำงานบ้านทุกอย่าง เขารู้สึกยินดีที่เห็นโจวเสี่ยวเม่ยทานอาหารได้มากขึ้นแล้ว เขาจะเต็มใจปล่อยให้เธอทำอาหารได้อย่างไรล่ะ?
หลังทานอาหารกลางวันเสร็จ ครอบครัวของพี่สะใภ้สี่ก็เตรียมตัวไปดูหนัง
โจวเสี่ยวเม่ยเห็นแล้วก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา
“เธอจะอิจฉาไปทำไมล่ะ เมื่อไหร่ที่หิมะหยุดตกในหน้าใบไม้ผลิแล้วเธอก็ไปดูได้ แถมเธอยังไปง่ายกว่า ไม่ต้องเดินทางไกลเหมือนเราด้วย” หลินชิงเหอบอก
จากนั้นทั้งครอบครัวก็เอ่ยลา
“ฉันบอกพี่สะใภ้สี่แล้วค่ะ พี่สะใภ้สี่ก็คิดว่าเป็นเรื่องดีที่เราจะส่งลูกกลับไปให้คุณแม่ฉันเลี้ยง แล้วตอนนี้พี่สะใภ้สามก็ท้องอยู่ ช่วงเวลาของหล่อนก็ตรงกับฉันด้วย” โจวเสี่ยวเม่ยเอ่ยกับซูต้าหลินด้วยอาการลิงโลด
ซูต้าหลินได้ยินแล้วก็ยินดีมากเหมือนกัน “ถ้างั้น…เราต้องให้เงินไหม?”
“ให้เงินอะไรกันคะ? เมื่อถึงเวลานั้นแค่ส่งไข่กับเนื้อหมูไปมากกว่าเดิมก็พอ” โจวเสี่ยวเม่ยโบกมือ
“ปลาจี้อวี๋(1)…ปลาจี้อวี๋บำรุงน้ำนมดีนะครับ” ซูต้าหลินบอก เรื่องนี้เขาได้ยินมาจากคุณป้าของเขา
ส่วนคุณลุงกับคุณป้าของเขาไม่ได้ว่าง เพราะพวกเขาทั้งคู่ต้องทำงาน อีกอย่างพวกเขายังมีครอบครัวของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่มีหน้าที่ต้องดูแลหลานของพวกเขา
ทั้งคู่จึงต้องสนใจเพียงฝั่งบ้านตระกูลโจว
“ค่ะ เมื่อถึงเวลาคลอดแล้วเราก็จะส่งปลาจี้อวี๋กลับไป” โจวเสี่ยวเม่ยพยักหน้า
ทั้งสามีภรรยามีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหลังคลอดได้แล้ว
ส่วนหลินชิงเหอ โจวชิงไป๋ และเด็กชายทั้งสามก็เข้าไปในโรงภาพยนตร์ คนทั้งห้ากำลังอยู่ในระหว่างการดูหนัง
…………………………………………………………………………………
(1)ปลาคาร์พชนิดหนึ่ง ใช้รับประทานเป็นอาหารในประเทศจีน
สารจากผู้แปล
พ่องอนแม่แล้วค่ะที่เห็นแม่อยากไปซื้อถุงยางอนามัย 555 สงสารเขานะคะ
ทางฝั่งเสี่ยวเม่ยแก้ปัญหาได้แล้วค่ะ แล้วทางฝั่งแม่จะได้ลูกสาวสมใจพ่อหรือไม่ ต้องรอติดตามต่อไปค่ะ
ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกคนที่คอยติดตามนะคะ ผู้แปลจะพยายามเร่งแปลให้เร็วที่สุดเลยค่ะ
ไหหม่า (海馬)