ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 112 ทำลายครอบครัว
บทที่ 112 ทำลายครอบครัว
“ก็ได้” ท่านแม่โจวยิ้มอย่างเห็นด้วย
ไม่แปลกเลยว่าทำไมเสี่ยวเม่ยถึงสนิทกับสะใภ้สี่ เธอปฏิบัติตัวกับหล่อนดีมากนี่เอง
ไม่อย่างนั้นแล้ว ด้วยนิสัยของสะใภ้สี่ หล่อนคงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้ อย่าว่าแต่รับดูแลเด็กเลย
ท่านแม่โจวไม่ได้อยู่นาน ก่อนที่นางจะกลับไป
“แม่ครับ เมื่อไหร่แม่จะซื้อลูกฟุตบอลให้ผมล่ะครับ?” เจ้าใหญ่ถามขณะกำลังทานเค้ก
“หลังจากนั้นระยะหนึ่งน่ะ” หลินชิงเหอตอบ
เมื่อไหร่ที่เก็บสะสมเนื้อหมูได้มากกว่านี้ เธอก็จะเข้าไปในตัวอำเภอเพื่อขายมัน
โจวชิงไป๋ยังคงเงียบไม่พูดอะไร เขาไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องราวในบ้าน เพราะยกให้ภรรยาเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด บ้านคือโลกของภรรยา แม้แต่เขาก็ยังต้องเชื่อฟังเธอ
เวลาผ่านไปในแต่ละวันอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนักก็หมดเดือนมีนาคมและเข้าสู่เดือนเมษายน
พวกเขาต่างยุ่งวุ่นวายมาตลอดทั้งปียกเว้นในช่วงสิ้นปีที่พวกเขาสามารถอยู่ว่าง ๆ ได้ในช่วงเก็บตัวประจำฤดูหนาว
โจวชิงไป๋นั้นยุ่งอยู่เสมอ แต่ไม่ว่าเขาจะยุ่งอย่างไรก็ยังจับปลาไหลกับปลาหนีชิวได้เป็นประจำ แล้วหลินชิงเหอก็จะนำไปปรุงอาหารให้เขาทาน
เป็นต้นว่าปลาหนีชิวตุ๋นเต้าหู้ ปลาไหลตุ๋น อาหารทั้งหมดต่างมีรสชาติโอชาและมากด้วยคุณค่าทางโภชนาการ
ขณะเดียวกัน คำสัญญาว่าจะซื้อลูกฟุตบอลให้เจ้าใหญ่ก็อยู่ในแผนที่เธอจะเดินทางไปขายเนื้อหมูด้วย
ทันทีที่เจ้าใหญ่กลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นเจ้ารองกับเจ้าสามกำลังเตะบอลกันอยู่พลางส่งเสียงกรีดร้องอย่างมีความสุข เด็กชายรีบทิ้งกระเป๋านักเรียนแล้วไปเตะบอลด้วยทันที
เด็ก ๆ ในหมู่บ้านต่างรู้สึกอิจฉาอย่างมาก จากนั้นก็รวมกลุ่มเพื่อจะไปขอเล่นด้วย
เจ้าใหญ่ไม่ปฏิเสธและเล่นด้วยกันกับเด็กเหล่านั้น
แน่นอนว่าพวกเขามีความสัมพันธ์อันดีกับเด็กชาย หากพวกเขาไม่ได้สนิทหรือคุ้นเคย พวกเขาก็ได้แต่ยืนมองห่าง ๆ และไม่เข้าไปเล่นด้วย
เมื่อเห็นลูกฟุตบอลลูกใหม่ เด็กโตครึ่งหนึ่งของหมู่บ้านก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา
แม่ของเจ้าใหญ่ถือว่าเป็นยอดมนุษย์แม่ในหมู่บ้านนี้จริง ๆ เธอทำอาหารอร่อย ๆ ให้เจ้าใหญ่กับน้อง ๆ กินก็ถือว่าดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอยังซื้อของราคาแพงอย่างลูกฟุตบอลนี่มาให้เล่นอีก
จะมีแม่คนไหนดีกว่าแม่คนนี้อีก?
นี่คือความคิดของเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน แต่กับบรรดาผู้ใหญ่แล้ว พวกเขาได้แต่ส่ายหน้า
ภรรยาของชิงไป๋ช่างสมกับการเป็นภรรยาจอมทำลายครอบครัวอันดับหนึ่งของหมู่บ้าน ผู้ที่ไม่รู้จักจัดการเรื่องในครอบครัว ได้เตะบอลแล้วมันสนุกตรงไหนกัน? ไม่เพียงแต่จะเสียเงินมากมาย แต่ยังเป็นของเล่นของเด็กในเมืองอีก มีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องซื้อของเล่นแบบนี้ให้เด็กชนบทเล่นกันล่ะ?
เธอช่างไม่รู้จักการใช้ชีวิตจริง ๆ
จากคนที่เคยไปเห็นลูกฟุตบอลแบบนั้นในห้างสรรพสินค้า พวกเขาบอกว่ามันมีราคาเกิน 20 หยวนเลยทีเดียว
สวรรค์เถอะ เงินที่ได้จากการทำนาทำไร่ตลอดทั้งปีมีมากเท่าไหร่กัน? มันไม่ง่ายเลยที่โจวชิงไป๋จะเลี้ยงดูครอบครัวได้ด้วยแต้มค่าแรง 10 แต้ม ครอบครัวนี้มีภรรยายอดแย่แบบนี้เป็นผู้ถือเงิน นั่นก็หมายความว่าเขาคงลืมเรื่องที่ว่าจะมีเงินเหลือบ้างสักเหมาไปได้เลย
หวังหลิงได้ยินเรื่องนี้ก็มาถามสะใภ้รอง “เธอบอกว่าหล่อนไม่มีเงินไม่ใช่เหรอ? ถ้าหล่อนไม่มีเงินจริงแล้วหล่อนจะซื้อลูกบอลให้ลูกชายหล่อนเล่นได้อย่างไรล่ะ? ลูกบอลนั่นราคามากกว่า 20 หยวนเชียวนะ!”
“ใครจะไม่รู้กันล่ะว่าหล่อนอยากมีหน้ามีตาขนาดไหนต่อให้ต้องทนยากจน ต้องเป็นเพราะหล่อนไม่อยากให้คนนอกรู้ว่าหล่อนไม่มีเงินถึงได้มือเติบขนาดนี้” สะใภ้รองไม่อยากเชื่อว่าหลินชิงเหอยังมีเงินอยู่ หล่อนจึงอธิบายไปแบบนี้
แต่หวังหลิงก็ไม่เชื่อ “ไม่ใช่ว่าคราวที่แล้วหล่อนทำเค้กพุทราจีนกินกันเหรอ? ฉันได้ยินมาว่ามันยังอร่อยอีกด้วยนะ บางทีน้องเขยสี่ของเธอคงจะนำเงินกลับมามากมายหลังลาออกแล้ว ไม่อย่างนั้นหล่อนจะใช้จ่ายแบบนี้ได้อย่างไรล่ะ?”
“เป็นไปไม่ได้ ฉันได้ยินคนอื่นเล่ากันว่าหล่อนยังไปขอยืมเงินจากครอบครัวแม่อยู่เลย เรื่องนี้ไม่น่าจะผิดพลาดนะ” สะใภ้รองเอ่ย
“แล้วอย่างไรล่ะ? จะต้องเป็นเพราะน้องเขยสี่ของเธอนำเงินกลับมาบ้านมากจนหล่อนไม่อยากให้ครอบครัวทางแม่ได้ประโยชน์น่ะสิ หล่อนถึงจงใจหาเรื่องกับครอบครัวทางแม่” หวังหลิงแค่นเสียง
ต้องบอกว่าหวังหลิงจี้ใจดำในเรื่องนี้พอดี ทำให้สะใภ้รองถึงกับเชิดหน้า “เธอไม่รู้หรอกว่าในอดีตหล่อนให้ความใส่ใจกับครอบครัวทางแม่มากขนาดไหน หล่อนไม่น่าจะจงใจจับผิดนะ ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งน้องเขยสี่ส่งโค้ททหารตัวใหม่กลับมา แล้วหล่อนก็เอาไปให้ครอบครัวทางแม่”
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว สะใภ้รองก็ขบฟันกรอด
ปีนั้นอากาศหนาวมาก ครอบครัวของหล่อนไม่มีผ้านวมสักผืน ความจริงแล้วหล่อนก็แค่อยากมาขอยืมโค้ทตัวนั้นไปกันหนาวสักหน่อย แต่หลินชิงเหอก็ไม่เต็มใจให้และตอบปฏิเสธไป
จากนั้นหล่อนก็นำมันกลับไปให้ครอบครัวทางแม่ ผู้เป็นแม่สามีถึงกับดุด่าว่ากล่าวในเรื่องนี้ แต่หลินชิงเหออกตัญญูคนนั้นก็ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
หวังหลิงเองก็พูดไร้สาระมาเมื่อก่อนหน้านี้ พอได้ยินคำพูดเหล่านี้หล่อนก็เม้มปากและไม่พูดอะไรต่อ
“ฉันเห็นใจเธอจริง ๆ นะ พวกเธอทั้งคู่แต่งงานเข้าตระกูลโจวแต่ทำไมเธอยังต้องอยู่แบบนี้? เธอต้องทำงานในทุ่งนาและเก็บแต้มค่าแรงต่อให้ตอนนี้จะท้องแก่แล้วก็ตาม ในขณะที่หล่อนไม่ต้องทำอะไรเลย” หวังหลิงเอ่ย
พูดถึงจุดนี้ สะใภ้รองก็แทบจะกระอักเลือด “ฉันไม่ได้มีโชคเหมือนอย่างหล่อนนี่ ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ?”
“ถึงจะพูดอย่างนั้นนะ แต่ทำไมหล่อนถึงไม่ท้องสักทีล่ะ? ลูกชายคนเล็กของหล่อนอายุครบ 2 ขวบในปีนี้แล้วนี่?” หวังหลิงพูด
“ไม่รู้เหมือนกัน” สะใภ้รองไม่สนใจเรื่องนี้และคิดแต่ว่าขอให้หลินชิงเหอไม่มีลูก ชีวิตของผู้หญิงคนนี้ชักจะโชคดีเกินไปแล้ว การที่หล่อนได้แต่งงานกับน้องเขยสี่ก็นับว่าเป็นโชคดีอยู่แล้ว แต่หล่อนกลับมีครรภ์ที่สมบูรณ์อีกด้วย เด็กที่หล่อนคลอดมาต่างเป็นผู้ชายหมดทั้งสามคน
“เธอคิดว่าหล่อนเป็นหมันหรือเปล่า?” หวังหลิงถาม
สะใภ้รองโบกมือ “หล่อนคลอดลูกชายมาสามคนแล้ว เธอยังคิดว่าหล่อนเป็นหมันอยู่อีกเหรอ?”
หวังหลิงสะอึก หากเป็นเรื่องคลอดลูกชายแล้ว ไม่มีใครในหมู่บ้านสู้หลินชิงเหอได้เลยสักคน ในเรื่องที่เธอคลอดลูกชายสามคนติดกัน
“รีบ ๆ ตัดเข้าเถอะ ฉันจะกลับไปพักหลังทำงานเสร็จแล้ว วันนี้มันร้อนขึ้นทุกทีเลย” สะใภ้รองเร่ง ตอนนี้หล่อนกับหวังหลิงกำลังตัดผักขมอยู่
หวังหลิงไม่เอ่ยอะไรและรีบตัดผักขมอย่างขะมักเขม้น
คนต้นเหตุเรื่องลูกฟุตบอลอย่างหลินชิงเหอเองก็ตัดผักขมอยู่เหมือนกัน หลังตัดผักขมแล้วเธอก็ถอนผักป่ามาหนึ่งกำมือ ผักพวกนี้เธอจะนำไปทำสลัดสำหรับมื้อกลางวัน
อาหารกลางวันของวันนี้ได้กินหมั่นโถวแป้งถั่วเคียงเนื้อหมูทอดกับผักป่ากับไข่ลวกยางมะตูมก็ถือว่าพอแล้ว
แม้อาหารการกินของครอบครัวเธอจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้าน แต่หลินชิงเหอก็ทำอาหารมื้อหลักที่ผสมธัญพืชหยาบบ่อย ๆ อยู่เหมือนกัน
ที่กินกันบ่อยในบ้านก็คือหมั่นโถวแป้งถั่วกับหมั่นโถวข้าวโพด
ที่เหลือก็เป็นผักป่า และที่กินบ่อยในบ้านก็มีผลไม้กับผักที่ปลูกไว้ในสวนหลังบ้าน
เด็กในครอบครัวนี้ต่างมีฟันแข็งแรง พวกเขากินอะไรก็ตามที่เธอทำและไม่เลือกกิน แน่นอนว่ามันเป็นเพราะการที่หลินชิงเหอไม่มีงานทำด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วเธอคงไม่มีอารมณ์จะมาทำอาหารอร่อย ๆ และกินอะไรก็ตามที่อยากกินได้หรอก
อาหารกลางวันของวันนี้เป็นหมั่นโถวแป้งถั่วเคียงกับไข่ยางมะตูมและเนื้อหมูทอดแนมกับผักป่า
โจวชิงไป๋เล่าเรื่องที่พรุ่งนี้จะออกไปซื้อปุ๋ยขณะทานอาหารกันอยู่
ซึ่งทางฝ่ายผลิตให้ความไว้วางใจเขาไปซื้อมันมา
“พรุ่งนี้คุณจะกลับมาทานข้าวเที่ยงไหมคะ?” หลินชิงเหอถาม
“ไม่ล่ะ” โจวชิงไป๋บอก พรุ่งนี้เขาจะกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น
เช้าวันต่อมาหลังจากที่หลินชิงเหอทำอาหารเช้าแล้ว เธอก็ให้คูปองอาหารกับคูปองเนื้อพร้อมกับเงินบางส่วน “อยู่ข้างนอกแล้วก็กินของดี ๆ นะคะ คุณไม่จำเป็นต้องประหยัดเงินจำนวนนี้หรอก”
“ได้สิ” โจวชิงไป๋ยิ้ม
ชายหนุ่มออกไปทำงานแล้ว ขณะที่หลินชิงเหอร่ำเรียนและจดจำบทความอยู่ที่บ้าน
เธอคิดว่าโจวชิงไป๋แค่ออกไปซื้อยาฆ่าแมลง แต่ความจริงแล้วโจวชิงไป๋ไม่ได้กลับมาในทันทีหลังซื้อยาฆ่าแมลงเสร็จ เขามาที่กรมตำรวจเพื่อมาเยี่ยมสหายเก่า
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่มีเงินนะจ๊ะรู้ไว้ด้วยถึงขั้นซื้อลูกบอลให้ลูกเตะเล่นได้ ใครคิดว่าแม่จนเปลี่ยนความคิดเสียใหม่นะ
พ่อไปหาเพื่อนที่กรมตำรวจทำไม ติดตามต่อตอนหน้าค่ะ
ไหหม่า (海馬)