ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 122 ถูกบีบให้ทำตัวเป็นภรรยาผู้แสนดี
บทที่ 122 ถูกบีบให้ทำตัวเป็นภรรยาผู้แสนดี
ปลาหนีชิวตุ๋นจานใหญ่กับผัดกะหล่ำปลีเล็กจานใหญ่เคียงกับหมั่นโถวข้าวโพดหนึ่งหม้อนับว่าเพียงพอสำหรับอาหารเย็นมื้อนี้แล้ว
ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวต่างหมายความอย่างเดียวกันและยังมีความเห็นเหมือนกันว่าหญิงสาวทำตัวดีขึ้นแล้ว เขาจึงเดินมากับโจวชิงไป๋หลังเลิกงานและพาเด็กชายสามพี่น้องกลับมาบ้าน
เจ้าสามใช้พลังไปเยอะมากตลอดทั้งวันจนรู้สึกเหนื่อย ผู้เป็นพ่อเลยแบกเขาขึ้นหลังเดินกลับมา
ทันทีที่พวกเขาเดินมาถึงบ้าน พวกเขาก็ล้างมือล้างหน้าเพื่อเตรียมตัวทานอาหารเย็น
หลินชิงเหอสังเกตเห็นว่าดวงตาของโจวชิงไป๋ทอแววอ่อนโยนเป็นพิเศษ
หญิงสาวเงียบไป แต่ในใจก็คิดว่า…นั่นไง เข้าใจผิดกันอีกคนแล้ว
เธอไม่ได้ถาม แต่ก็ยังพอเดาได้ว่าโจวชิงไป๋ต้องได้ยินท่านพ่อโจวพูดถึงเรื่องนี้ระหว่างทางกลับบ้านแน่นอน
และคิดว่าเธอเริ่มทำตัวเป็นภรรยาผู้แสนดี แม่ที่ดี และลูกสะใภ้แสนกตัญญูแล้ว
เธอจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
ทุกคนพอใจที่ได้ทานหมั่นโถวข้าวโพดเคียงกับปลาหนีชิวตุ๋นและผัดกระหล่ำปลีเล็ก
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวก็กลับไป
หลินชิงเหออุ่นน้ำร้อนเพื่ออาบน้ำให้เจ้าสาม เจ้าเด็กคนนี้เหนื่อยล้าจริง ๆ ขณะทานข้าวเขาก็สัปหงกไปด้วย
เจ้าสามได้อาบน้ำเป็นคนแรก จากนั้นก็ถูกวางบนเตียงเตาเพื่อที่เขาจะได้นอนหลับก่อนเพื่อน
เด็กน้อยคนนี้ยังหัวเราะคิกคักกับเธอขณะกำลังอาบน้ำ แต่พอถูกวางบนเตียงเตาเท่านั้นล่ะ เขาก็หลับปุ๋ยในทันที
“ลูกสองคนก็ไปอาบน้ำด้วยนะ เตรียมตัวเข้านอนได้แล้ว” หลินชิงเหอสั่งเจ้าใหญ่กับเจ้ารอง
ทั้งคู่ทำงานบ้านเสร็จแล้ว แต่พวกเขากลับไม่อยากเข้านอน
“ผมอยากกินถั่วเขียวต้มน้ำตาลครับ” เจ้าใหญ่บอก
“ผมด้วย” เจ้ารองเอ่ยตาม
หลินชิงเหอจึงปล่อยให้พวกเขาได้กินตามใจชอบ แต่เธอก็บอกให้พวกเขาอาบน้ำก่อน
โจวชิงไป๋ออกไปจับปลาหนีชิวอีกครั้งหลังมื้ออาหาร ในตอนแรกเขาไม่ค่อยกินปลาชนิดนี้บ่อยนักเพราะไม่ชอบกลิ่นคาวของมัน
แต่เขาชอบปลาหนีชิวตุ๋นที่หลินชิงเหอทำจริง ๆ ยิ่งกว่านั้นมันก็นับว่าเป็นอาหารจานเนื้ออย่างหนึ่งด้วย
พอท้องฟ้าใกล้จะมืด เขาก็กลับมาพร้อมกับปลาหนีชิวจำนวนหนึ่ง ถึงครั้งนี้มันจะน้อย แต่ก็ยังเก็บไว้ก่อนได้ เมื่อสะสมจนได้จำนวนแล้วถึงค่อยมาปรุงอาหารพร้อมกันทีเดียว
“ไปอาบน้ำแล้วทานถั่วเขียวต้มน้ำตาล จากนั้นก็ไปนอนนะคะ” หลินชิงเหอบอก
โจวชิงไป๋เดินไปอาบน้ำ ขณะเดียวกันเขาก็ซักเสื้อผ้าให้ลูก ๆ ไปด้วย
หลินชิงเหอตักถั่วเขียวต้มน้ำตาลบางส่วนให้ท่านพ่อกับท่านแม่โจวไปแล้ว ส่วนที่เหลือจึงเป็นของครอบครัวของเธอ หลังทานเสร็จทุกคนก็แปรงฟันและเตรียมตัวเข้านอน
“คุณพ่อดีใจมากนะที่ได้กินอาหารกับครอบครัวเรา” โจวชิงไป๋บอกเรื่องนี้กับเธอบนเตียงเตาในคืนนี้
หลินชิงเหอไม่ได้เต็มใจนัก แต่เมื่อเขาพูดแบบนี้เธอก็เลยตอบกลับ “ทำอาหารเพิ่มสำหรับคนสองคนไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ ถ้าอยากมากินก็มาได้”
“ขอบคุณนะ” โจวชิงไป๋บอก
จากนั้นหลินชิงเหอก็พลันเอ่ยเข้าประเด็น “ถ้าฉันทำอะไรบางอย่างผิดพลาดไป คุณจะให้อภัยฉันไหมคะ?”
“คุณทำอะไรผิดงั้นเหรอ?” โจวชิงไป๋ถาม
หลินชิงเหอเริ่มแสร้งทำเป็นไม่มีอะไร “คุณพูดอะไรน่ะคะ? ฉันจะทำเรื่องอะไรผิด? แค่บอกมาว่าสัญญาหรือเปล่าเท่านั้นเอง”
“ผมสัญญา” โจวชิงไป๋ยื่นมือออกไปคว้าตัวภรรยามากอดไว้ในอ้อมแขน
ภรรยาของเขาจะทำเรื่องผิดอะไรได้งั้นหรือ? ชั่วชีวิตนี้เธอไม่เคยทำอะไรผิดเลย ต่อให้เธอทำเขาก็ไม่สนใจ
หลินชิงเหอฟังแล้วก็รู้สึกพอใจ “งั้นคุณจำคำพูดที่คุณพูดในวันนี้ให้ได้นะคะ”
โจวชิงไป๋แสดงอาการรับรู้ สำหรับเขาแล้วตราบใดที่เธอยังเต็มใจอยู่ใช้ชีวิตกับเขา อะไรอย่างอื่นก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว
วันต่อมาหลินชิงเหอตื่นนอนตอนตีสี่ครึ่งของอีกวันหนึ่ง
เธอนึ่งหมั่นโถวที่เหลือจากเมื่อคืนไว้หม้อหนึ่งและนำมาถ่ายใส่กระทะเหล็กเพื่อทำให้เย็นตัวลง ทิ้งข้ามคืนแล้วมันคงไม่เสีย เธอหุงโจ๊กข้าวฟ่าง หั่นไข่เค็มสองฟอง และทำไขเจียวแตงกวาจานใหญ๋
จากนั้นโจวชิงไป๋ก็ทานอาหารเสร็จและมุ่งหน้าไปหาพ่อกับพี่ชายตระกูลโจว
ในช่วงการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงจะเริ่มงานกันแต่เช้า
“อาสี่ เมื่อเช้านี้แกกินอะไรมาเหรอ?” พี่ชายรองถาม
“หมั่นโถว แตงกวา” โจวชิงไป๋ตอบห้วน ๆ
แต่มันยังมีโจ๊กข้าวฟ่าง ไข่เค็ม อีกด้วย ไข่เจียวแตงกวานั้นเจียวกับมันหมูให้รสชาติดีเยี่ยม ภรรยาของเขาบอกว่าอาหารจานนี้ทำมาเพื่อเขา และหลังจากนั้นเธอก็เจียวให้เด็ก ๆ ดังนั้นในกระเพาะของเขาจึงมีแต่ไข่เจียวแตงกวาจานนั้น
โจวชิงไป๋รู้สึกอิ่มมากจากอาหารเช้า
แต่ไม่ว่าเขาจะอิ่มขนาดไหน เขาก็คงจะหิวอีกครั้งหลังทำงานตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง
“ไม่ดีเท่าอาสามเลย” พี่ชายรองเอ่ยขึ้น
พี่ชายสามกลอกตาใส่เขา “ของพวกนั้นภรรยาผมเป็นคนทานทั้งหมด ผมไม่ได้กินส่วนของเธอเลย”
ซูต้าหลินนำของกินมาให้มากมาย จนถึงตอนนี้ก็ยังกินไม่หมด
การที่พี่ชายสามบอกว่าเขาไม่ได้กินก็คงจะเป็นเรื่องโกหก ไม่ว่าจะมากจะน้อยเขาก็ต้องได้กิน
พี่ชายรองทะเลาะกับสะใภ้รองด้วยเรื่องนี้ แต่เนื่องจากตอนนี้เป็นการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วง สะใภ้รองจึงออกจากบ้านไปในตอนเช้าและกลับมาบ้านคนเดียวในตอนเที่ยง
ในช่วงเวลาวุ่นวายเช่นนี้ ใครว่างพอที่จะมีกับเรื่องราวดราม่าของหล่อนกันล่ะ?
นอกจากนี้มันยังถูกตัดสินโดยเขยบ้านโจว เขายินดีเลือกคนที่จะช่วยเลี้ยงลูกของเขาแทนที่จะเลือกใครคนอื่นมาช่วย ใครจะพูดอะไรได้ล่ะ?
อีกอย่างหนึ่ง ทำไมพวกเขาถึงเลือกสะใภ้สามแทนที่จะเป็นหล่อนน่ะเหรอ? มันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอเองเช่นกัน!
ดังนั้นเมื่อสะใภ้รองกลับมาอย่างไม่พอใจ หล่อนก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น หล่อนไม่ได้แสดงท่าทางที่น่าพอใจใด ๆ กับสะใภ้สามเลย แต่สะใภ้สามก็ไม่ได้ถือสา
พวกเขาแยกครอบครัวกันแล้ว ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง ใครจะอยู่ใครจะไปก็เป็นเรื่องของพวกเขาเอง
“พ่อครับ ทำไมพ่อไม่มาทานข้าวเช้าที่บ้านผมล่ะครับ” โจวชิงไป๋เมินเรื่องเหล่านี้และเอ่ยถามท่านพ่อโจว
“ข้าวเช้าน่ะไม่เป็นไรหรอก” ท่านพ่อโจวตอบ
“วันนี้ผมบอกชิงเหอว่าพ่อจะมากินข้าวเช้าด้วยน่ะครับ” โจวชิงไป๋พูด
เขารู้จักแม่ของเขาดี ฝีมือการทำอาหารของนางก็งั้น ๆ ดังนั้นพ่อของเขาจึงไม่ได้ทานอะไรอร่อย ๆ ในตอนเช้า
นอกจากนี้แม่ของเขาตอนนี้ยังเหนื่อยกับมากขึ้นกับการเลี้ยงหลานและต้องตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวอีก
“งั้นก็ได้” ท่านพ่อโจวตกลง
หากเขาสามารถไปกินข้าวที่บ้านลูกชายคนเล็กได้ เขาก็จะดีใจมาก
พี่ชายใหญ่ พี่ชายรอง และพี่ชายสามไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาไม่กล้าปริปากเสนอโดยไม่ถามภรรยาที่บ้านก่อน
ดูเหมือนว่าคำพูดของอาสี่จะมีอิทธิพลในครอบครัวของเขาอย่างมาก
หลินชิงเหอไม่ได้กลับไปนอนอีกต่อไป เพราะเธอต้องเริ่มหุงอาหารหมูและเลี้ยงพวกมัน
โจวชิงไป๋ตั้งใจตื่นกลางดึกมาทำเรื่องนี้ แต่เขาก็ถูกเธอดุ เธอบอกเขาให้นอนหลับดี ๆ ในตอนเช้า
หลังทำงานมาตลอดทั้งวัน เขาก็ต้องตื่นขึ้นมาหุงอาหารหมูในตอนกลางดึก หลินชิงเหอไม่ได้ใจร้ายขนาดต้องให้เขาทำเรื่องนี้
เธอจึงถอนหายใจขณะหุงอาหารหมูด้วยตัวเอง
แน่ใจได้เลยว่าผู้หญิงขยันมักเหนื่อยล้าและแก่เร็ว เธอไม่ได้ทำงานหนักได้นานขนาดนั้นและอดไม่ได้ที่จะหวังให้ช่วงการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงผ่านไปเร็ว ๆ สักที
เมื่อการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงสิ้นสุด เธอก็จะได้โยนหน้าที่ทั้งหมดให้โจวชิงไป๋ทำโดยไม่ลังเล
หลังหุงอาหารหมูและปล่อยให้มันเย็นลงก่อนเอาไปเลี้ยงหมูแล้ว เธอก็เริ่มเตรียมอาหารเช้าให้กับเด็ก ๆ หลังจากทำเสร็จแล้วมันก็เป็นเวลาแค่หกโมงเช้าเท่านั้น
หลินชิงเหอตะโกนปลุกเด็ก ๆ ให้ลุกขึ้น
เนื่องจากสะใภ้ใหญ่และคนอื่น ๆ กำลังจะออกจากบ้าน พวกเขาคงได้ตามกลุ่มนั้นไปในไม่ช้า
หลังสามพี่น้องทานอาหารเสร็จและนำมะเขือเทศจำนวนหนึ่งไปแบ่งให้กับแรงงานการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงอันทรงเกียรติแล้ว หลินชิงเหอก็ล็อกประตูและขี่จักรยานไปหาเม่ยเจี่ย
เม่ยเจี่ยไม่ทำให้เธอผิดหวัง นอกจากเนื้อเศษเหลือแล้วมันก็ยังมีเนื้อสามชั้นคุณภาพเยี่ยมชิ้นหนึ่งหนักราวสองชั่ง และชี้นเนื้อแดงที่หนักมากกว่าหนึ่งชั่ง
เห็นเนื้อสามชั้นชิ้นนี้แล้ว ในที่สุดหลินชิงเหอก็คิดถึงเนื้อสามชั้นผัดกับผักดอง ส่วนเนื้อแดงนั้นเธอก็คิดว่าจะเอาไปทำหมูสับ…
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
งานเลี้ยงดูผู้ใหญ่มาเพิ่มอีกแล้วค่ะ หลินชิงเหอจะวางตัวอย่างไรดี ติดตามกันต่อไปนะคะ
แม่จะมีเมนูอะไรใหม่ ๆ มาอีกบ้าง ติดตามตอนหน้าเช่นกันค่ะ
ไหหม่า (海馬)