ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 136 คู่สามีภรรยาเข้าเมือง
บทที่ 136 คู่สามีภรรยาเข้าเมือง
การประเมินรายได้ของฝ่ายผลิตถือว่าเป็นงานประจำปี
พวกเขาจะต้องเข้าร่วมงานประชุมในอำเภอ
และการประเมินที่ดีก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ควรภาคภูมิใจ
ดูจากปีที่ผ่านมาของหลินชิงเหอแล้ว ผลผลิตของฝ่ายผลิตนับว่าอยู่ในระดับดีมากจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2 ปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาได้เก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างมากมายในทุกปี
หลินชิงเหอผู้ไม่มีความรู้สึกถึงเกียรติยศภาพรวมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เธอทำเพียงถามง่าย ๆ “ปีนี้เราจะได้เชือดหมูเพิ่มขึ้นไหมคะ?”
“ไม่หรอก” โจวชิงไป๋ส่ายหน้า
หลินชิงเหอจึงพับเรื่องนี้ไป
มันไม่มีผลกำไรใด ๆ เลยจริง ๆ แล้วจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
โจวชิงไป๋รู้สึกจนใจเมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้และวางแผนว่าจะบอกหญิงสาวเกี่ยวกับเกียรติยศทีได้มา
“ฉันรู้แล้วค่ะเกี่ยวกับความรู้สึกเป็นเกียรติ ฝ่ายผลิตของเราได้คะแนนยอดเยี่ยมก็ถือว่าคนในฝ่ายผลิตทั้งหนุ่มสาวจะมีโอกาสหาคู่ครองง่ายขึ้นและรู้สึกมีหน้ามีตามยามออกไปไหนมาไหน ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดีค่ะ” หลินชิงเหอพูดไปด้วยและเริ่มนวดแป้งไปด้วย เพราะคืนนี้เธอวางแผนว่าจะกินเกี๊ยว
โจวชิงไป๋ไม่เอ่ยอะไร
หลินชิงเหอเงยหน้ามองเขาหลังจากนั้นครู่หนึ่งและเอ่ยขึ้น “ถ้าคุณไม่มีอะไรทำก็หั่นผักดองให้ฉันเถอะค่ะ”
โจวชิงไป๋จึงทำได้เพียงเดินไปหั่นผักดอง
เขาพบว่าภรรยาของเขาช่างแตกต่างจริง ๆ บางครั้งเธอก็รู้เรื่องราวต่าง ๆ ดี แต่บางครั้งเธอก็มีท่าทางเบาปัญญา
เธอถึงกับกล้าออกไปไหนมาไหนคนเดียวในสถานที่อย่างเมืองหลวงโดยไม่กลัวอะไร ราวกับน้องสาวผู้โง่งมคนหนึ่ง
แต่ถ้าจะบอกว่าเธอไม่รู้เรื่อง มันก็…ยากที่จะบอกเหมือนกัน
เธอรู้ดีทุกอย่าง เธอแค่ไม่ทำตามกฎเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ฝ่าฝืนกฎเหมือนกัน ทุกอย่างอยู่ในกฎแล้วเธอก็แค่ทำตามวิธีของเธอ ดูแล้วช่างมีอิสระอย่างยิ่ง
โจวชิงไป๋เหลือบมองภรรยาขณะสับผักดอง
“พวกคุณทานกันมากกว่านี้แล้วกันค่ะ ฉันไม่ชอบผักดองน่ะ” หลินชิงเหอบอก
เธอไม่ชอบกินเกี๊ยวหมูใส่ผักดองของคืนนี้เลย ความจริงแล้วเธอชอบกินเกี๊ยวหมูใส่เห็ดมากกว่า แต่ในฤดูนี้ไม่มีเห็ดให้กิน เธอก็เลยจำใจต้องกินเกี๊ยวใส่ผักดอง
ซึ่งแน่นอนว่าเกี๊ยวไส้หมูใส่ผักดองเป็นของอร่อยเลิศในสายตาของโจวชิงไป๋กับเด็ก ๆ
“งั้นทำไส้อื่นบ้าง” โจวชิงไป๋ตอบ
“เดี๋ยวอีกสองสามวันนี้ฉันจะเข้าอำเภอไปหาซื้อมาเพิ่มแล้วกันค่ะ ที่บ้านไม่มีอะไรดี ๆ ให้กินเลย” หลินชิงเหอบอก
ในช่วงที่เธอกับโจวชิงไป๋ไม่อยู่บ้าน ท่านแม่โจวไม่ได้ใช้จ่ายเงินเลย อาหารและเครื่องดื่มล้วนทำมาจากของที่อยู่ในบ้าน และตอนนี้เด็กชายทั้งสามก็กินจุขึ้นทุกวัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ของกินจะหมดไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อวานนี้เธอทั้งเหนื่อยและตื่นตระหนกเนื่องจากอยู่ในรถมาตลอดทั้งวัน ในยุคนี้กลิ่นควันรถเหม็นมากจนเกือบจะฆ่าคนได้ จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมหลินชิงเหอถึงไม่แวะซื้อข้าวของเครื่องใช้กลับมาด้วยขณะยังอยู่ในตัวอำเภอ
“งั้นเราไปด้วยกันเถอะ” โจวชิงไป๋เสนอ
“ตกลงค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
อาหารมื้อเย็นของวันนี้เป็นเกี๊ยวไส้หมูใส่ผักดอง
ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวต่างกินกันจนปากมันแผลบทั้งคู่
“ที่บ้านยังมีเนื้อเหลืออยู่ไหม?” ท่านแม่โจวถามขึ้น
หลินชิงเหอตอบด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน เพราะเธอออกไปรับเนื้อในตอนเช้าแล้ว “แค่เอาส่วนที่เหลืออยู่มาใช้น่ะค่ะ”
ท่านแม่โจวได้ยินแล้วก็ไม่ว่าอะไร
ตอนนี้อากาศหนาวเย็นลงในทุกวัน หลินชิงเหอจึงชอบซุกตัวอยู่กับโจวชิงไป๋ยามนอนด้วยกันตอนกลางคืน ชายคนนี้ตัวอุ่นเหลือเกิน ราวกับเตาผิงตัวใหญ่ตัวหนึ่ง
“เมื่อคืนนี้คุณทำหลายครั้งมาก ดังนั้นพักผ่อนเถอะค่ะ” ไม่นานหลังจากนั้น หลินชิงเหอก็รู้สึกถึงความปรารถนาของชายหนุ่มที่มีต่อเธอ
เขาไม่ใช่คนหนุ่มอีกต่อไปแล้ว แต่ความสนใจในเรื่องนี้กลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย เขายังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมเลย
ถ้าเธอไม่ปฏิเสธที่จะขยับในทันที เขาก็จะทำมันอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวัน ความต้องการของเขานับว่าสูงจริง ๆ
“แค่ครั้งเดียวนะครับ” โจวชิงไป๋เอ่ยเสียงทุ้มพร่า
ถึงมันจะเป็นครั้งเดียว แต่ก็กินเวลานานเกือบชั่วโมงตั้งแต่เริ่มยันจบ
หลินชิงเหอไม่อยากจะเชื่อผู้ชายคนนี้เลย เขาทำตัวอย่างกับว่าไม่เคยกินเนื้ออย่างนั้นแหละ
หลังทำเสร็จชายหนุ่มก็สุขใจ ในขณะที่หลินชิงเหอหมดแรง
ใน 2-3 วันต่อมา หลินชิงเหอก็ได้แวะไปหาเม่ยเจี่ยทุกวันเพื่อรับเนื้อ หลังสะสมเนื้อได้ 10 ชั่ง เธอก็พาโจวชิงไป๋เข้าไปในอำเภอ
เด็กชายทั้งสามอยากติดสอยห้อยตามไปด้วยแต่ก็ถูกหญิงสาวห้ามไว้
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้รับลูกกวาดกับนมอัดเม็ดจึงว่าง่าย แต่พวกเขามีพวกมันอยู่มากมายจึงไม่อยากได้ของพวกนี้แล้ว
พวกเขาจึงอยากตามพ่อแม่เข้าไปในเมืองแทนที่จะอยากได้ของเหล่านี้
“ลองตามพ่อกับแม่เข้าไปสิแล้วลูก ๆ จะไม่ได้ถ่ายรูปกับดูหนังในวันปีใหม่ ลูกเลือกเองแล้วกันนะ” หลินชิงเหอเอ่ย
คำพูดเหล่านี้ได้ผลอย่างมาก สามพี่น้องเริ่มเสนอคำขอหลากหลายอย่าง
หนังสือเด็ก ลูกแก้ว ลูกอมกระต่ายขาว และนมผงรสมอลต์ พวกเขาอยากได้พวกมันทั้งหมดเลย!
หลินชิงเหอรู้สึกอยากตีใครบางคนขึ้นมาทันที เธอตามใจเด็กชายตัวเหม็นพวกนี้จนเคยตัวเสียแล้ว
“ฉันไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าจะมีโรงนมอยู่ที่นี่หรือเปล่า” หลินชิงเหอเอ่ยขณะนั่งซ้อนอยู่ด้านหลังโจวชิงไป๋ยามที่พวกเขากำลังเข้าเมือง
โจวชิงไป๋ขี่จักรยานได้นุ่มนวลมาก จึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะกอดเอวของเขาไว้
แน่นอนว่าเธอทำแบบนี้ได้ตอนที่ไม่มีคนอยู่ หากมีคนอื่นอยู่เธอจะต้องนั่งให้เหมาะสม
“คุณอยากดื่มเหรอ?” โจวชิงไป๋ถาม
เขาพอใจอย่างมากที่รู้สึกถึงแขนของภรรยากอดเอวของเขาไว้ เขาชอบการแสดงออกเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ของภรรยามาก
อย่างการจูบเขาเป็นครั้งคราวและทำตัวเป็นเด็กกับเขา
“เด็ก ๆ ต้องดื่มน่ะค่ะ ช่วงอายุนี้เหมาะกับการดื่มนมมากที่สุด” หลินชิงเหอตอบ
ถึงเธอจะพยายามทำอาหารทุกมื้อให้มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน แต่มันก็ยังจำเป็นต้องมี
“ผมจะไปถามเรื่องนี้กับสหายร่วมกองทัพแล้วกันนะ” โจวชิงไป๋ตอบ
หลินชิงเหอพยักหน้า “งั้นคุณค่อยไปถามตอนถึงอำเภอแล้วก็ได้ค่ะ ฉันจะไปซื้อของ ซื้อเสร็จแล้วจะรอคุณอยู่ที่หน้าร้านค้าสหกรณ์ ถ้าคุณไม่เห็นฉันอยู่ที่นั่นก็แสดงว่าฉันซื้อของในห้างสรรพสินค้าอยู่ คุณก็รอฉันอยู่ที่นั่นนะคะ”
“ตกลง” โจวชิงไป๋พยักหน้า
ที่นี่คือในตัวอำเภอ เขาจึงไม่รู้สึกกังวลนักเมื่อเทียบกับโลกใบใหญ่ด้านนอก ในอำเภอนี้เขายังพอจะจัดการอะไรได้อยู่หากว่าเกิดเรื่องอะไรบางอย่างกับเธอ
เมื่อพวกเขามาถึงอำเภอ โจวชิงไป๋ก็ไปจัดการเรื่องที่คุยกัน ขณะที่หลินชิงเหอไปขายเนื้อหมูในทันทีก่อนจะเข้ามาในร้านค้าสหกรณ์ประจำอำเภอ
“ที่นี่มีนมผงขายไหมคะ?” ดวงตาของหลินชิงเหอลุกวาวเมื่อเห็นว่ามันมีนมผงวางอยู่
“เหลือเท่านี้แล้วครับ” พนักงานขายพยักหน้า
“ฉันขอ 2 ถุงค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างไม่มีจริตจะก้าน
นมผง 2 ถุงนี้เป็นนมผงชนิดใหม่ ถุงหนึ่งมีน้ำหนัก 500 กรัมและมีราคาต่อถุงอยู่ที่ 3 หยวน
แน่นอนว่ามันเป็นรสจืด หากมีน้ำตาลอยู่ด้วย มันจะมีราคามากกว่า 3 หยวน
แต่มันเป็นนมผงนะ จะต้องใส่น้ำตาลเข้ามาทำไม? นมผงอย่างเดียวนี่แหละรสชาติดีที่สุดแล้ว
เธอซื้อนมผง 2 ถุงในราคา 6 หยวนโดยไม่ทันได้กระพริบตา
เธอสั่งนมผง 2 ถุง จากนั้นก็ซื้อของอย่างอื่นอีก รวมถึงนมอัดเม็ด เห็ด กุ้งแห้ง สาหร่าย และพุทราจีน
“ยังมีผ้าลดราคาเหลืออยู่นะครับคุณลูกค้า คุณต้องการไหมครับ?” พนักงานขายถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ” หลินชิงเหอส่ายหน้า ที่บ้านยังมีผ้าเหลืออีกเยอะเลย
เมื่อเธอซื้อของเสร็จแล้ว หญิงสาวก็ห่อของทั้งหมดและฝากไว้ที่ร้านค้าสหกรณ์ จากนั้นก็ไปซื้อหนังสือเด็กให้เจ้ารองและลูกแก้วให้เจ้าสาม
เธอไม่ทันสังเกตเลยว่ามีคนคนหนึ่งอยากเห็นว่าเธอซื้ออะไรไปในทันทีที่เธอออกไป
แต่หล่อนก็ต้องชะงักจากเสียงตะโกนของพนักงานขาย “เฮ้ คุณผู้หญิง คุณทำอะไรน่ะครับ? ของนี้ไม่ใช่ของคุณนะ!”
“อย่าเข้าใจผิดนะคะ นั่นพี่สะใภ้ของฉันเองค่ะ” หญิงคนนั้นเอ่ยขอโทษอย่างรวดเร็วและยิ้มให้ในทันที
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พ่อไม่เคยแผ่วกับแม่เลยค่ะ จะตามรอยทุกวันคือทุกวันแบบท่านหลานวั่งจีเหรอคะ
ผู้หญิงคนนั้นคือใคร จะใช่เสี่ยวเม่ยหรือเปล่า ติดตามตอนหน้าค่ะ
ไหหม่า (海馬)