ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 326 การหย่าขาดที่น่าตื่นตะลึง
บทที่ 326 การหย่าขาดที่น่าตื่นตะลึง
ลูกชายคนโตของคุณป้าหม่าอยู่ที่ซินเจียงและครอบครัวของเขาไม่สามารถกลับมาได้ ลูกชายคนรองไปอยู่ที่ชนบท เขาเป็นพวกนักศึกษากลุ่มแรกที่ออกไปอยู่ในชนบท ซึ่งมันแน่นอนว่าในเวลานี้เขาไม่ได้เป็นคนหนุ่มอายุน้อยอีกต่อไปแล้ว เขาไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในชนบท
เขาไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่รอแทบไม่ไหวที่จะได้กลับเข้าเมือง แม้ว่าตัวเขาจะต้องการกลับมา แต่เขายังต้องการจะพาภรรยาและลูก ๆ ของเขากลับมาพร้อมกันด้วย
ดังนั้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาจึงยังไม่สามารถกลับเข้ามาในเมืองได้สำเร็จ เนื่องจากยังมีภาระมากมาย
แน่นอนว่าเพราะเขาเป็นคนที่มีจิตสำนึก
ตัวอย่างเช่น ลูกสาวของผู้นำหมู่บ้านโจวเจี่ย หล่อนขโมยจดหมายแนะนำตัวไปให้สามีและยอมให้เขากลับไป
หลังจากนักศึกษาคนนี้กลับไปแล้วก็ไม่มีข่าวคราวกลับมาอีกเลย
จนถึงบัดนี้ลูกสาวของผู้นำหมู่บ้านยังคงเฝ้ารออยู่ด้วยความเจ็บช้ำกับลูก ซึ่งหล่อนจะได้รับสายตาแสดงถึงความเบื่อหน่ายจากพี่สะใภ้ของครอบครัวทางมารดาอยู่บ่อย ๆ
มันไม่ใช่เรื่องที่ดีที่จะไปวิจารณ์เรื่องของคนอื่น แต่สำหรับในเรื่องนี้แล้วเด็กสาวคนนั้นช่างเป็นคนที่โง่เขลาเสียจริง ๆ
เพราะในเวลานั้นเธอเคยได้ยินเรื่องนี้มาจากพี่สะใภ้สามที่มากระซิบเล่าให้เธอฟังว่า ผู้นำหมู่บ้านไม่ได้ต้องการให้ลูกสาวของเขาแต่งงานกับนักศึกษาคนนี้เลย
ตั้งแต่แรกแล้วที่เขาดูเหมือนไก่ขี้โรค ถึงแม้ว่าเขาจะดูดีแต่คนประเภทนี้สำหรับที่ชนบทแล้วถือว่าเป็นพวกคนไร้ประโยชน์
แต่เด็กสาวคนนี้กลับหลงใหลได้ปลื้มเป็นอันมาก เนื่องจากทางพ่อแม่ของหล่อนไม่เห็นด้วย หล่อนจึงยอมทอดกายให้นักศึกษาคนนี้ และเพราะร่างกายอันบริสุทธิ์ของหล่อนถูกมอบให้เขาไปเสียแล้วเฉย ๆ ผู้นำหมู่บ้านจึงทำได้เพียงต้องยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา แม้ว่าตัวเขาจะไม่พอใจเลยก็ตาม
ตอนนี้เมื่อเรื่องกลายเป็นเช่นนี้แล้ว จึงถือได้ว่าหล่อนมีส่วนในการทำร้ายตัวเอง
ดังนั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมความคิดเห็นของครอบครัวมีความสำคัญเมื่อเด็กสาวคนหนึ่งจะหาคู่ครอง เป็นเพราะพวกหล่อนไม่มีประสบการณ์ใด ๆ เลย มันไม่เหมือนกับคนยุคใหม่ในอนาคตที่สังคมเปิดกว้าง ที่ถ้าคนนี้ไม่ดีก็ไปหาคนใหม่ได้
มีแม้แต่คำกล่าวที่ว่า ‘บ๊ายบาย หาคนต่อไปดีกว่า’
แม้แต่ในคนรุ่นหลังก็ยังต้องยอมให้พ่อแม่ของพวกเขาช่วยดูให้อีกทีหนึ่ง ตราบที่พวกท่านไม่ใช่พ่อแม่ประเภทที่ทำร้ายลูกของตัวเองแล้วละก็ พวกท่านมักจะมองคนไม่ผิด ถึงอย่างไรพวกท่านก็มีประสบการณ์
เป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน
ย้อนกลับมาที่เรื่องลูกชายคนรองของคุณป้าหม่า เขาไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งภรรยาและลูก ๆ ของเขาเพื่อจะกลับมาอยู่ในเมืองตามลำพัง ไม่เช่นนั้นมันคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะกลับเข้ามาอยู่ในเมือง การจะพาครอบครัวกลับมาด้วยนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย
เพื่อที่จะให้เขาได้กลับเข้ามาอยู่ในเมืองนั้น ไม่เพียงแต่คุณลุงหม่าต้องยกตำแหน่งงานของตัวเองให้กับลูกชาย คู่สามีภรรยาผู้เฒ่าต้องใช้สายสัมพันธ์ทางหน้าที่การงานของคุณลุงหม่าและเงินอีกเป็นจำนวนมากในการย้ายใบทะเบียนบ้านกลับมา
ก่อนหน้านี้ที่หลินชิงเหอสามารถย้ายครอบครัวของเธอทั้งหมดมาที่นี่ได้ นั่นเป็นเพราะทางมหาวิทยาลัยต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างมาก นอกจากนี้องค์ประกอบของทางครอบครัวของเธอก็ดีด้วย แม้แต่ลูก ๆ ของเธอก็ถูกคาดหวังไว้ว่าจะเป็นคนที่มีอนาคตไกลและอื่น ๆ อีก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมทางมหาวิทยาลัยถึงไม่ลังเลใจในการช่วยเหลือเธอ
สรุปก็คือไม่ว่าอย่างไรลูกชายของคุณป้าหม่าก็กำลังจะกลับมา
“นี่เป็นเรื่องที่หนักสำหรับคุณป้าเลยนะคะ ต่อไปฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้เป็น 30 หยวนนะคะ”
คุณป้าหม่ารีบพูดว่า “ไม่จำเป็นหรอกจ้ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ มีคุณป้าคอยช่วยอยู่ที่ร้านแล้วทำให้ฉันสามารถวางใจได้” หลินชิงเหอตอบกลับ จากนั้นเธอก็ลดเสียงพูดไปเป็นน้ำเสียงที่ซ่อนเร้นว่า “ตอนที่ฉันไปหาคุณป้าสวีให้ตัดเสื้อผ้าให้ ฉันได้ยินมานิดหน่อยค่ะ จางเหมยเหอของครอบครัวจางเพื่อนบ้านหย่ากับสามีแล้วค่ะ”
ใช่แล้ว คือจางเหมยเหอคนที่จ้องจับโจวชิงไป๋เมื่อปีที่แล้วและก็แต่งงานไปเมื่อปีที่แล้วนั่นละที่หย่าร้างในปีนี้
หลินชิงเหอนั้นงานยุ่งมากในช่วงนี้ เธอต้องไปทั้งที่มหาวิทยาลัยหรือร้านเสื้อผ้าหรือร้านเกี๊ยว เมื่ออยู่ที่บ้านเธอก็นอนและซักผ้าเท่านั้น
เธอบังเอิญได้เจอจางเหมยเหอเมื่อสองวันก่อน แต่ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก คิดแค่ว่าหล่อนกลับมาเยี่ยมครอบครัว ใครจะรู้ว่าเธอกลับเจอหล่อนสองวันติดกัน
เมื่อเธอเอารูปภาพร่างแบบเสื้อผ้าไปให้แม่เฒ่าสวี เธอจึงเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งนี้แม่เฒ่าสวีก็รู้เรื่องนี้ด้วย
จากนั้นเธอได้ยินแม่เฒ่าสวีเล่าว่าจางเหมยเหอกลับมาพร้อมทั้งได้หย่าร้างแล้ว
ไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไรแต่หล่อนกลับมาในฐานะแม่ม่ายที่หย่าร้างกับสามีแล้ว
นี่เป็นคนไร้ยางอาย ถ้าคุณป้าหม่าไม่ได้อยู่ที่ร้านด้วยแล้วละก็ หลินชิงเหอคาดได้เลยว่าหล่อนจะอาจจะมาที่ร้านอย่างหน้าด้าน ๆ เป็นแน่
ดังนั้นการขึ้นเงินเดือนแน่นอนว่าต้องการจะช่วยเหลือคุณป้าหม่า การที่ลูกชายนางจะกลับมาทำให้มีภาระไม่ใช่น้อยและคุณลุงหม่าจะไม่มีงานทำอีกต่อไปแล้วด้วย
เหตุผลอีกประการหนึ่งคือการให้คุณป้าหม่าคอยช่วยดูแลสอดส่อง คุณป้าหม่าเป็นคนกระตือรือร้น นางจะไม่ยอมให้จางเหมยเหอมาสร้างปัญหาให้อย่างแน่นอน
“ถึงแม้ว่าเธอไม่จะขอให้ฉันทำ ฉันก็ต้องคอยสอดส่องให้เธออยู่แล้วละ เธอไม่ต้องมาเพิ่มเงินเดือนให้ฉันหรอกจ้ะ” คุณป้าหม่ากล่าว
“คุณป้ารับไว้เถอะค่ะ ไม่ต้องเกรงใจฉันนะคะ” หลินชิงเหอยิ้ม
คุณป้าหม่าไม่ได้พูดอะไรต่อ และจากนั้นก็พูดว่า “คืนนี้ฉันจะกลับไปสืบเรื่องนี้ดู การแต่งงานในครั้งนี้จบลง การหย่าร้างมันไม่ได้จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ หรอกจริงไหม?”
เก้าในสิบส่วนต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
แต่เพราะตอนนี้นางต้องมาทำงานและค่อนข้างจะยุ่ง นางจึงไม่สามารถไปคุยซุบซิบกับบรรดาเพื่อนเก่าได้เหมือนในครั้งก่อน ดังนั้นข่าวสารของนางจึงช้ากว่าหลินชิงเหอไปก้าวหนึ่ง นางจึงยังไม่รู้เรื่องการหย่าของจางเหมยเหอ
เมื่อนางกลับจากงานที่ร้านในช่วงเย็นแล้ว หลังอาหารเย็นคุณป้าหม่าก็ไปเสาะหาข้อมูลในเรื่องนี้จากพวกเพื่อน ๆ ของนาง
และนางก็ได้รู้ความจริง มันทำให้คุณป้าหม่าถึงกับแสดงท่าทางสะอิดสะเอียนออกมา “นี่มันเป็นเรื่องที่ไร้ยางอายเกินไปแล้ว”
“นี่ไม่ถูกต้องเลยละ แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นพ่อม่าย การที่มีลูกชายและลูกสาวแล้วก็เป็นเรื่องดี คนอย่างหล่อนที่ไม่สามารถจะมีลูกได้สามารถแต่งงานออกไปได้ เกือบจะถือว่านี่เป็นเรื่องที่ได้รับผลประโยชน์เลย แต่หล่อนก็ยังไปมีชู้” แม่เฒ่าชุ่ยนับได้ว่าเป็นผู้สันทัดกรณีในทุกเรื่องราวในอะพาร์ตเมนต์นี้ ถ้าใครที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ให้ไปหานาง
ดูสิว่านางรู้เรื่องข่าววงในจริง ๆ
หลังจากนั้นหลินชิงเหอจึงได้รู้เรื่องไปด้วย จางเหมยเหอถูกหย่าในครั้งนี้เพราะหล่อนประพฤติตัวไม่ดีหลังจากแต่งงานไปแล้ว หล่อนไปมีความสัมพันธ์กับชายที่เป็นเพื่อนบ้านกับบ้านสามีของหล่อน
พูดกันว่าพวกเขาออกไปเปิดห้องกัน และถูกภรรยาของผู้ชายคนนั้นจับได้
จากนั้นจึงความแตกออกมา
อีกทั้งหลังจากที่แต่งงานไปแล้วจางเหมยเหอก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อลูกชายและลูกสาวของสามีให้เหมือนกับเป็นลูกของตนเอง หล่อนมักจะทารุณเด็กทั้งสองคนอยู่บ่อย ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่เคารพตัวเอง ดังนั้นเขาจึงยุติชีวิตการแต่งงาน
จางเหมยเหอควรจะได้รับเงินสินเดิมของหล่อนคืน แต่เพราะหล่อนถูกจับได้ว่ามีชู้ จางเหมยเหอจึงไม่กล้าเรียกร้องเอาเงินคืน
ดังนั้นหล่อนจึงกลับมาและได้เจอกับหลินชิงเหอสองวันติดกัน
“มีคนทุกประเภทจริง ๆ ที่อยู่ข้างนอกนั่น” หลินชิงเหอถอนหายใจ ผู้หญิงอย่างจางเหมยเหอมันมีอยู่จริง ๆ ในโลกใบนี้
เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านในตอนค่ำ หลินชิงเหอก็เล่าเรื่องนี้ให้โจวชิงไป๋ฟัง
โจวชิงไป๋ขมวดคิ้ว ชายคนนี้เป็นคนที่อดทนอดกลั้นได้มาโดยตลอด แต่หลังจากที่ได้ยินเรื่องของจางเหมยเหอ แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ
หลินชิงเหอรู้สึกพอใจมากเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของเขา เธอจึงให้รางวัลด้วยการจูบเขา “ถ้าหล่อนอยากจะได้คุณนักก็ช่างหล่อน ปล่อยให้หล่อนน้ำลายหกจนตายไปเลย!”
เธอไม่รู้หรอกว่าเป้าหมายของหัวขโมยจะเป็นใคร แต่เธอจะต้องป้องกันสามีของเธอด้วยตัวเธอเอง
โจวชิงไป๋มีสีหน้าอ่อนใจ
“หล่อนยังไปตอแยคุณอยู่หรือเปล่า?” หลินชิงเหอถาม
“ไม่ครับ” โจวชิงไป๋ส่ายหน้าอย่างจริงใจ ครั้งหนึ่งเขาบังเอิญเจอกับจางเหมยเหอ หล่อนแค่มองมาที่เขาด้วยแววตาอ่อนโยนน้ำตาเอ่อซึ่งเป็นการสื่อคำพูดอย่างเงียบ ๆ
ยังไงซะ โจวชิงไป๋ไม่ได้เหลือบตามองหล่อนเป็นพิเศษอีกเลย
…………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อวสานสายหมวกเขียวเลยทีเดียว ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเป็นสมัยปี 60-70 จางเหมยเหอกับชายชู้คงโดนโกนหัวแห่ประจานทั่วหมู่บ้านอย่างที่หวังหลิงโดนแน่ๆ
แม่ระวังผู้หญิงคนนี้ให้ดี ๆ นะคะ อย่าได้เผลอเลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)