ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 419 อากาศช่างไม่เป็นใจ
บทที่ 419 อากาศช่างไม่เป็นใจ
ค่าใช้จ่ายนี้เป็นจำนวนเงินที่ชนชั้นแรงงานทั่วไปรู้สึกลำบากใจที่จะจ่าย แต่สำหรับคนกลุ่มนี้แล้วมันยังเป็นราคาที่รับได้อยู่
โจวชิงไป๋รู้สึกพอใจมาก
เขาตัดสินใจจะพาภรรยามาที่นี่ มันเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ เป็นสถานที่ที่วิเศษนัก
แถวนี้ยังมีโรงแรมที่พวกเขาสามารถค้างคืนได้ หากมันมืดค่ำเกินกว่าจะกลับไปพวกเขาก็สามารถค้างอยู่ที่นี่ได้ และแถว ๆ นี้ยังมีภัตตาคารมากมายด้วย
“ที่นี่…ที่นี่…กำลังจะพัฒนา…เป็นเมืองท่องเที่ยว…เหรอครับ?” แม้แต่ซูต้าหลินยังอดถามไม่ได้
“แน่นอนครับว่าจะพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยว ผมประเมินแล้วว่าในอนาคตธุรกิจที่นี่จะเติบโต คนอื่น ๆ เริ่มมาแย่งกันจับจองเป็นเจ้าของแล้วล่ะครับ”
บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้อยู่ในสัญญาร่วมกันของสามตระกูลใหญ่ แม้ตระกูลหวังของพวกเขาจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สามารถจับจองมันได้
ซูต้าหลินพยักหน้า เขาเองก็รู้สึกเช่นกันว่าสถานที่แห่งนี้ดีเยี่ยมนัก ติดข้อเสียอย่างเดียวคือมันอยู่ไกลเกินไป
แน่นอนว่าเป็นเพราะน้ำแข็งกับหิมะมหาศาลที่ทำให้รถไม่สามารถขับเคลื่อนได้เร็วนัก มันจึงใช้เวลาเดินทางถึง 3 ชั่วโมง ซึ่งโดยปกติแล้วมันใช้เวลา 2 ชั่วโมง
จะว่าไกลก็ไม่ใช่
หลังแช่น้ำร้อนแล้วก็เป็นธรรมดาที่จะหิวง่าย พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปกินอาหารมื้อหนึ่งที่ภัตตาคาร จากนั้นจึงพากันกลับบ้าน
โจวชิงไป๋เป็นคนขับรถตลอดขากลับ
“ผมไม่ยักรู้เลยว่าคุณอาสี่จะขับรถเป็นด้วย” หวังหยวนยิ้ม
“อาสะใภ้สี่ของนายก็ขับเป็นเหมือนกันนะ” โจวชิงไป๋เลิกคิ้ว
คราวนี้ไม่เพียงแค่หวังหยวนจะรู้สึกประหลาดใจ แม้แต่เฒ่าหวัง ท่านพ่อโจว และซูต้าหลินก็พากันประหลาดใจด้วย
“ภรรยาเธอขับยานพาหนะนี่เป็นด้วยเหรอ?” เฒ่าหวังถาม
“หล่อนเคยเรียนตอนอยู่ทางใต้น่ะครับ แค่ไม่ได้ไปสอบใบขับขี่เท่านั้น” โจวชิงไป๋ตอบด้วยท่าทางสงบ
“สุด…สุดยอด!” ซูต้าหลินเอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้
นี่ไม่ใช่จักรยาน แต่เป็นรถยนต์ เขาไม่คิดเลยว่าพี่สะใภ้สี่จะขับรถยนต์เป็น หล่อนมีความสามารถมากเกินไปแล้ว
แต่ผู้หญิงแกร่งอย่างหลินชิงเหอสร้างความประทับใจแบบนี้ได้ตลอด ทุกคนจึงประหลาดใจไปครู่หนึ่งก่อนจะสงบลงหลังจากนั้น
“รถคันนี้ราคา 36,000 หยวน ถ้าคุณอาเก็บเงินพอก็ซื้อสักคันนะครับ ผมจะแนะนำคนให้ คุณอาจะได้ซื้อในราคาที่ถูกลงมากกว่านี้” หวังหยวนยิ้ม
เขาซื้อรถคันนี้ด้วยตัวเอง และยังซื้อบ้านใกล้กับท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวด้วย ซึ่งมันมีพื้นที่กว้างขวางอย่างยิ่ง ชายหนุ่มนับว่าเป็นคนประเภทที่มีบ้านมีรถด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่ได้พึ่งพาครอบครัวของเขาเลยสักนิด
“ไว้อนาคตค่อยว่ากัน” โจวชิงไป๋พยักหน้า
รถยนต์คันนี้แพงกว่ารถบรรทุกหลายเท่า เพราะมันหรูหรากว่ารถบรรทุกมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีรถบรรทุกแล้วคันหนึ่ง มันจะห่างไกลไปไหมหากครอบครัวเขาจะมีรถยนต์สักคัน?
โจวชิงไป๋ยังคงมั่นใจในเรื่องนี้อยู่
สิ้นปีของปีที่แล้วเขาได้สรุปรายได้ประจำปีไว้ พบว่ารายได้ประจำปีมีจำนวนมากกว่า 38,000 หยวน ยังไม่รวมรายได้จากการขายต่อสินค้าในช่วงวันหยุดฤดูร้อน
วันนี้เขาไม่ได้เปิดร้าน แต่ไปกินข้าวที่บ้านของท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวแทน
ขณะเดียวกัน หลินชิงเหอและคนอื่น ๆ ก็กำลังเบิกบานใจขณะนั่งบนรถไฟเช่นกัน
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่ฉันได้ออกมาข้างนอกด้วยตัวเอง ยิ่งกว่านั้นยังไปที่ที่ไกลขนาดนี้ด้วย” คุณแม่เวิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มขณะถือไพ่ในมือ
“ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาข้างนอกเป็นเรื่องดีแล้วล่ะค่ะ” หลินชิงเหอบอกผ่านและตอบอย่างร่าเริง
โจวกุยหลายวางไพ่ต่อ ขณะกังจือขอผ่าน
ทั้งสี่คนกำลังเล่นไพ่กัน โดยมีหู่จือกับเอ้อร์นีดูอยู่ข้าง ๆ ส่วนโจวเฉวี่ยนนั้นกำลังอ่านหนังสือภาษาอังกฤษอยู่
ด้วยความที่มีคนจำนวนมาก พวกเขาจึงไม่รู้สึกเบื่อเหงาขณะเดินทาง
พวกเขาเดินทางไปยังฮาเอ๋อร์อย่างมีความสุขตลอดทาง
ที่นี่หนาวจนแทบแข็งจริง ๆ พวกเขาหาบ้านพักรับรองจนเจอหลังที่เหมาะสมที่หนึ่งจึงทำการลงชื่อเข้า หลินชิงเหอถึงกับเอ่ยขึ้นมา “ดีนะคะเนี่ยที่เราเตรียมตัวใส่เสื้อผ้ากันหนาวมาเต็มที่ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่กล้าออกมา”
“ใช่เลย ที่นี่หนาวกว่าบ้านเราอีกนะคะ” คุณแม่เวิงตอบ
พวกเขาจองห้องพักสองห้อง โดยที่หลินชิงเหอ โจวเอ้อร์นี กับคุณแม่เวิงอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนเด็กหนุ่มทั้งสี่อยู่อัดกันในห้องคู่
พวกเขาสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้ เมื่อทางหลินชิงเหอพักผ่อนพอแล้ว พวกเขาก็ได้ซื้ออาหารขึ้นไปกินบนห้อง
“ม้า พนักงานต้อนรับข้างล่างบอกว่าเราออกไปไม่ได้ครับ พยากรณ์อากาศบอกว่าพรุ่งนี้กับมะรืนนี้จะมีลมและหิมะหนักจนทำให้รถประจำทางหยุดเดินรถทั้งหมดเลย” โจวเฉวี่ยนบอก
“หยุดหมดเลยเหรอ?” หลินชิงเหออึ้งไป
“บังเอิญจังเลย เราเพิ่งมาถึงที่นี่แต่กลับไปไหนไม่ได้” คุณแม่เวิงเอ่ยเช่นกัน
“ไม่ใช่แค่เมืองน้ำแข็ง แต่น้ำพุร้อนก็ไปไม่ได้เหมือนกันครับ รถโดยสารหยุดวิ่งหมดเลย” โจวเฉวี่ยนยกมือทั้งสองขึ้น
“ตอนนี้กินกันก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเราค่อยลงไปถามทีหลังก็ได้” หลินชิงเหอเอ่ยกับคุณแม่เวิง
“อื้อ” คุณแม่เวิงพยักหน้า
หลังกินบะหมี่เสร็จ พวกหล่อนก็ลงมาถามพนักงานต้อนรับ
“พวกคุณเดินทางมาตั้งไกลเพื่อจะมาดูเมืองน้ำแข็งเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นพวกคุณคงมาเสียเที่ยวแล้วล่ะค่ะ” พนักงานต้อนรับบอก “แต่เราไม่มีทางเลือกจริง ๆ ค่ะ พยากรณ์อากาศวันพรุ่งนี้กับวันมะรืนบอกว่ามีพายุหิมะเข้า ตอนนี้รถโดยสารหยุดวิ่งหมดเลย ไม่มีคันไหนไปได้เลยค่ะ”
“แล้วถ้าเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ใกล้ๆ จากที่นี่ล่ะคะ” หลินชิงเหอถาม
“ไปไม่ได้เหมือนกันค่ะ” พนักงานต้อนรับตอบ
หลินชิงเหอไม่เชื่อหล่อน คนในเมืองท่องเที่ยวบางคนชอบหลอกนักท่องเที่ยวต่างถิ่นด้วยวิธีนี้ บอกว่าพวกเขาไม่สามารถไปที่จุดท่องเที่ยวได้ด้วยเหตุผลนี้เหตุผลนั้น ซึ่งความจริงแล้วอยากจะให้บรรดานักท่องเที่ยวเลือกโดยสารไปกับพวกเขาต่างหาก
แต่ในเช้าวันต่อมาหลินชิงเหอก็ต้องเชื่อต่อให้เธอไม่อยากจะเชื่อก็ตาม ในยุคนี้ผู้คนไม่ได้เหลี่ยมจัดแต่อย่างใด เพราะวันต่อมามีหิมะตกหนักมากจริง ๆ
“ฉันคิดว่าหิมะตกคราวนี้คงกินเวลาอีก 2 หรือ 3 วันเลยค่ะ” หลินชิงเหอถอนหายใจ
“ครั้งนี้เรามาเพื่อดูหิมะสินะคะ” คุณแม่เวิงตะลึงงันไปเหมือนกัน
มันเป็นโอกาสหายากยิ่งในการได้เดินทางมาดูเมืองน้ำแข็ง แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าพวกเขาจะไปไหนไม่ได้ พวกเขามาถึงที่นี่เพื่อมาดูหิมะในอีกสถานที่หนึ่งก่อนจะกลับเส้นทางเดิมโดยแท้
ไม่ต้องพูดเลยว่าพวกเขาคงทำได้แค่เดินทางกลับ จะทำอะไรนอกเหนือจากนี้ได้ล่ะ? การขนส่งในยุคนี้ไม่ได้สะดวกสบายนักเมื่อเทียบกับยุคอนาคต ซึ่งในยุคอนาคตคน ๆ หนึ่งก็ยังมีช่วงเวลาที่ดีได้กับการเดินทางไปกลับภายใน 4 หรือ 5 วัน
แต่ในยุคนี้ แค่เดินทางด้วยรถไฟอย่างเดียวก็กินเวลาไปมากแล้ว
มันใช้เวลาราว 2 วันในการเดินทางมาที่นี่ ซึ่งหลินชิงเหอวางแผนว่าจะมาเที่ยว 3 วัน และเผื่อเวลาไว้ถึง 7 วัน เนื่องจากต้องกลับไปสอนภาคการศึกษาใหม่ในวันที่ 16 มกราคม
ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือโจวเฉวี่ยน พวกเขาทั้งคู่ก็ต้องกลับเข้ามหาวิทยาลัย
แต่ถ้ายังต้องเผชิญกับพายุหิมะในอีก 2 วันข้างหน้า ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเที่ยวอย่างสนุกสนาน พวกเขาไม่สามารถกลับไปได้ในทันทีทันใด จึงตัดสินใจรอวันหนึ่ง
และวันต่อมาหิมะก็ยังตกหนัก
“พรุ่งนี้เรากลับกันเถอะค่ะ พายุหิมะครั้งนี้ตกหนักเกินไปแล้ว” คุณแม่เวิงพูด
“ก็ได้ค่ะ เจ้ารอง หู่จือ ทั้งสองคนไปซื้อตั๋วมาทีนะ” หลินชิงเหอสั่ง
มันเป็นแผนท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่น่าเสียดายที่อากาศช่างไม่เป็นใจกับพวกเขาเลย เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไปไหนมาไหนท่ามกลางหิมะที่ตกหนักเช่นนี้
ดังนั้นในวันที่สาม คนกลุ่มนี้จึงเดินทางกลับตามทางที่เคยมา
“เรามาที่นี่เสียเที่ยวจริง ๆ” โจวกุยหลายขึ้นรถไฟแล้วนอนบนเตียงในตู้ขบวนก่อนถอนหายใจ
“ไม่ได้เสียเที่ยวเท่าไหร่หรอก สถานีรถไฟในฮาเอ๋อร์มีความรู้บางอย่างไม่น้อยเลย” กังจือเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ฮาเอ๋อร์เป็นเมืองที่ดีจริง ๆ” โจวเอ้อร์นีพยักหน้า
“เราเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อกลับทางเดิม ไม่ได้เห็นอะไรเลย น่าขายหน้าจริง ๆ” โจวกุยหลายบอก
“นายกลัวขายหน้าเหรอ? หน้านายน่ะหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองอีก” โจวเอ้อร์นีแย้งกลับเป็นเชิงล้อ
“ผมรู้สึกผิดหวังมากเลย แถมเศร้าด้วย” โจวกุยหลายบอก
ถึงอย่างไรก็ตาม คนกลุ่มนี้ก็ทำได้เพียงกลับไปในทางเดียวกับขามา
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ในขณะที่กรุ๊ปทัวร์ไปเช้าเย็นกลับของพ่อได้แช่บ่อน้ำพุร้อน แต่กรุ๊ปทัวร์ของแม่กลับติดพายุหิมะที่เมืองฮาร์บิน สงสารคณะทัวร์ของแม่เลยค่ะ ทริปล่มหมดเลย
แปลตอนนี้แล้วก็นึกถึงตอนไปเที่ยวเมืองซัปโปโรหน้าหนาวกับเพื่อนเลยค่ะ เป็นทริปญี่ปุ่นครั้งที่นรกมาก เจอแต่พายุหิมะ รถไฟดีเลย์หรือไม่ก็หยุดเดินรถกันระนาว ที่วางแผนไว้คือล่มหมด แถมต้องงัดสมองมาคิดกันว่าจะไปไหนได้บ้างท่ามกลางหิมะที่ตกหนักกับอากาศที่เย็นยะเยือกจนหูแทบหลุด
ไหหม่า(海馬)