ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 499 คิดคำนวณมาอย่างดี
บทที่ 499 คิดคำนวณมาอย่างดี
ท่านแม่โจวไม่ต้องการจะสร้างปัญหาให้กับตัวเองในช่วงเทศกาลปีใหม่ นางจึงยังทำตัวสุภาพด้วย แม้นางจะไม่อยากเจอแม่เฒ่าจูเลยก็ตาม
แม่เฒ่าจูเพิ่งเห็นโจวชิงไป๋ขับรถมารับท่านพ่อโจวและคนอื่น ๆ ซึ่งได้ยินว่าพวกเขาจะไปบ่อน้ำพุร้อนกัน
มันน่าสนุกมากจริง ๆ
ดังนั้นแม่เฒ่าจูจึงมาหาทันที นางรู้ว่าท่านแม่โจวไม่อยากจะเจอหน้าตน อันที่จริงนางก็ดูถูกท่านแม่โจวหญิงชราจากชนบทผู้นี้ แต่ถึงอย่างไรนี่เป็นสิ่งที่นางทำเพื่อหลานชายของตนเอง
ได้เกี่ยวดองกับครอบครัวเช่นนี้ อนาคตของหลานชายนางต้องสดใสแน่
แม่เฒ่าจูไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการจับคู่ขึ้นในทันที นางคุยกับท่านแม่โจวถึงเรื่องซุบซิบต่าง ๆ ท่านแม่โจวไม่ได้พูดอะไรมากนัก แค่ตอบเป็นครั้งคราวเท่านั้น ทีท่าแสดงออกมานั้นกล่าวได้ว่าชัดเจนมาก
ดังนั้นแม่เฒ่าจูจึงไม่สามารถพูดเรื่องที่นางอยากจะพูดออกมาได้ เมื่อกลับไปที่บ้านจึงได้บอกเรื่องนี้กับเฒ่าจู
“ฉันไปอวยพรปีใหม่ด้วยความปรารถนาดีแท้ ๆ หล่อนก็ยังทำท่าไม่สนใจฉันอีก อุตส่าห์ให้หน้าแต่กลับไม่ยอมรับไว้!” แม่เฒ่าจูด่า
“พอแล้วน่า ในเมื่อหล่อนไม่สนใจคุณ คุณก็ไปที่นั่นให้มันน้อยลง แล้วเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นมาจากอะไรล่ะ?” เฒ่าจูตอบ
“จะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะคะ? ฉันอยากจะจับคู่ให้หลานชายของเรากับหลานสาวจากชนบทของหล่อนนี่น่า” แม่เฒ่าจูปฏิเสธ
เฒ่าจูตะลึงงันไปชั่วขณะ เขาไม่รู้เลยว่าภรรยาของตนมีความคิดพวกนี้อยู่ด้วย จึงเอ่ยอย่างท้อใจ “ลืมมันไปซะเถอะน่า”
หลานชายคนนั้นตอนนี้เป็นลูกจ้างชั่วคราว เขายังไม่มีหน่วยงานประจำอยู่ อีกทั้งหน้าตาของเขาก็ดูไม่ดี หากครอบครัวตระกูลโจวชายตามองมาที่เขาก็คงจะเป็นเรื่องที่แปลกแล้ว
นางไม่เห็นหลานเขยของพวกเขาหรือ? เขาก่อตั้งโรงงานของตัวเองเชียวนะ
“อะไรคะ? เกิดอะไรขึ้น? นี่คุณไม่ชอบหลานชายของเรามากขนาดนั้นเลยหรือคะ? เขามีอะไรไม่ดี? เขามีงานมีการทำและก็มีทะเบียนบ้านอยู่ในปักกิ่งด้วย เด็กสาวคนนั้นมีทะเบียนของชนบทนะคะ!” แม่เฒ่าจูตอบอย่างไม่พอใจ
เฒ่าจูไม่ต้องการจะพูดกับนางอีกต่อไปแล้ว กลับกันเขาถามว่า “พูดถึงแต่เรื่องทะเบียนบ้านชนบท ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงอยากแนะนำหล่อนให้หลานชายตัวเองเล่า?”
“แหม ก็ครอบครัวโจวฐานะดีไม่ใช่หรือคะ? แถมพี่สาวของเด็กคนนั้นก็กำลังจะแต่งงานกับเถ้าแก่ใหญ่ด้วย งานของหลานชายเราตอนนี้ก็ยังไม่มั่นคงนัก ถ้าเขาได้อยู่กับหล่อน แล้วพี่เขยของหล่อนจะไม่แนะนำงานต่อไปให้เขาหรอกหรือคะ?” แม่เฒ่าจูอธิบาย
เฒ่าจูไม่ได้คิดไปถึงเรื่องนี้เลยจริง ๆ อันที่จริงก็มีเหตุผล ถ้างานนี้สำเร็จได้ก็คงจะดีทีเดียว ในความเห็นของเขาแล้ว เขาก็อยากเกี่ยวดองเป็นญาติกับครอบครัวตระกูลโจวเช่นกัน อย่างไรครอบครัวตระกูลโจวก็นิสัยดีมากจริง ๆ ไม่เหมือนพวกเจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อนเหล่านั้น
“ไปคุยกับพี่สะใภ้หูไหม?” เฒ่าจูถาม
ไม่ใช่ว่าแม่เฒ่าจูไม่เคยไปหาแม่เฒ่าหู แต่หญิงชราผู้นั้นยังขุ่นเคืองกับคำพูดของหล่อนเรื่องการจับคู่ของเจินเจินในคราวก่อนอยู่ แม่เฒ่าหูจึงไม่เต็มใจจะรับหน้าที่นี้
อย่างไรก็ตาม แม่เฒ่าจูเป็นเพื่อนบ้านกับนางมานานหลายปี จะไม่รู้จักนิสัยของแม่เฒ่าหูได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงไปเคาะประตูเรียกพร้อมด้วยของขวัญและสนทนากับแม่เฒ่าหูเป็นอย่างดี หากเรื่องนี้สำเร็จลงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นนางจะไม่ลืมอั่งเปาของแม่เฒ่าหูแน่
เพียงเท่านั้นแม่เฒ่าหูก็ขยับตัวและแสดงท่าทางออกมาว่าหากมีเวลาจะช่วยถามให้ ส่วนเรื่องอั่งเปาหรืออะไรนั้นไม่จำเป็น
แม่เฒ่าจูยืนกรานว่าอย่างไรก็จะต้องให้อั่งเปาด้วย ด้วยเหตุนี้แม่เฒ่าหูจึงแสดงความสุภาพมากขึ้นและพูดคุยกับนาง จากนั้นก็ร่ำลากันตอนส่งนางกลับไป
เฒ่าหูก็อยู่ที่บ้านด้วย เขาพูดอย่างงุนงง “เป็นภาพที่หาได้ยากจริง ๆ ครอบครัวของหล่อนไม่ได้ดูถูกทะเบียนบ้านในชนบทหรอกเหรอ?”
ครั้งก่อนแม่เฒ่าหูอยากจะจับคู่หู่จือกับจูเจินเจิน เฒ่าหูก็รู้เรื่องนี้ด้วย อันที่จริงตามความเห็นของเฒ่าหู หู่จือเป็นเด็กหนุ่มที่ดีมากจริง ๆ ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ ในอนาคตจะต้องไม่ย่ำแย่แน่
ทว่าแม่เฒ่าจูกลับไม่เห็นด้วยและดูถูกว่าหู่จือมีทะเบียนบ้านอยู่ในชนบท
ทำไมตอนนี้หล่อนกลับไม่รังเกียจแล้วล่ะ?
“จูเจินเจินแต่งงานออกไป หลานชายของหล่อนแต่งคนเข้ามา แน่นอนว่ามันต่างกันสิคะ” แม่เฒ่าหูตอบ
ถ้าหล่อนแต่งออก ทะเบียนบ้านของปักกิ่งก็จะกลายเป็นของชนบท และหากเขาแต่งคนเข้ามา ทะเบียนของชนบทก็จะกลายเป็นของปักกิ่งไป
“แต่มันก็เป็นเพราะพี่สาวของหงเสียกำลังจะแต่งงานกับพี่เขยที่ร่ำรวยด้วยแหละค่ะ หล่อนถึงอยากจะเกี่ยวดองกับครอบครัวนี้” แม่เฒ่าหูกล่าวต่อ
ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนบ้านกันมาเกือบจะทั้งชีวิตของพวกเขา ใครจะไม่รู้ความคิดของอีกฝ่าย
เฒ่าหูเดาะลิ้น “ช่างคิดคำนวณมาอย่างดีจริง ๆ”
แม่เฒ่าหูเต็มใจที่จะช่วยพูดให้พวกเขา หากเรื่องนี้สำเร็จลงได้ก็คงยอดเยี่ยมมาก แถมนางยังจะได้ประโยชน์บางอย่างด้วย และสามารถเข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะที่เป็นแม่สื่อของพวกเขา นับเป็นการสร้างความสัมพันธ์ได้อีกทางหนึ่ง
ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่ได้มีผลอะไรมากนัก ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่หลานชายของนางที่ถูกผู้อื่นปฏิเสธ
หลังจากนั้นท่านแม่โจวก็รู้สึกได้ว่ากิริยาท่าทางของแม่เฒ่าทั้งสองที่แสดงต่อนางนั้นดีขึ้น แต่นางก็ไม่ได้คิดอะไรมากในเรื่องนี้
ระยะหลัง ๆ มานี้โจวซื่อนีต้องเรียนหนักมากทุกวัน เนื่องจากเมื่อไหร่ที่โรงเรียนเปิดภาคเรียนในปีนี้ หล่อนจะได้ไปเข้าเรียนพร้อมกับกังจือด้วย
เดิมทีมีโจวซานนีรวมอยู่ด้วย แต่ตอนนี้หล่อนกำลังตั้งครรภ์ ฉะนั้นย่อมจะไปเรียนด้วยไม่ได้แล้ว
พื้นฐานของซื่อนีค่อนข้างจะอ่อน ดังนั้นหลังจากที่มาถึงปักกิ่งแล้ว หลินชิงเหอจึงไม่ได้จัดการให้หล่อนไปเรียนในโรงเรียนภาคค่ำอยู่เป็นเวลานาน หล่อนกำลังเรียนหนังสือด้วยตัวเองอยู่
โจวเอ้อร์นีจะคอยช่วยสอนหล่อน รวมทั้งหลินชิงเหอด้วย
ในช่วงนี้เธอไปบ่อน้ำพุร้อนอยู่บ่อย ๆ และรู้สึกว่าร่างกายของตนเปลี่ยนแปลงไป
“ปีนี้พอโรงเรียนภาคค่ำเปิดแล้ว หนูก็ไปเข้าเรียนได้แล้วนะจ๊ะ” หลินชิงเหอพูดในขณะที่ตรวจดูการบ้านของหล่อน หลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จแล้ว
โจวซื่อนียกยิ้ม เห็นได้ชัดว่าหล่อนดีใจมาก “อาสะใภ้สี่คะ หนูจะสามารถเรียนถึงระดับของพี่สาวหนูได้ไหมคะ?”
หล่อนรู้สึกว่าตอนนี้พี่สาวของตนยอดเยี่ยมมาก ฝ่ายนั้นสามารถทำได้ทุกอย่างเลย
“เรียนให้หนักแล้วหนูจะไม่แย่ไปกว่าพี่สาวของหนูแน่จ้ะ” หลินชิงเหอบอก
โจวซื่อนีพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น หล่อนต้องเรียนให้หนัก การมาที่ปักกิ่งทำให้หล่อนได้รู้ว่าเมืองแห่งนี้เจริญมากเพียงใด หากไม่เรียนให้หนักคงจะไม่สามารถก้าวตามทันได้ แม้แต่เฉิงหยางและเฉิงเยว่ยังเรียนจบจากชั้นมัธยมปลายเลย!
หล่อนเรียนจบชั้นประถมปีที่ 3 เท่านั้น ไม่พอที่จะเอาไปอวดได้เลย
หลินชิงเหอรู้สึกพอใจมากที่เห็นว่าหล่อนตั้งใจเรียนอย่างหนัก เธอจะสนับสนุนหล่อนตราบจนกระทั่งหล่อนรู้วิธีที่จะก้าวหน้าในทางที่เหมาะสม
“พวกเราจะรับสมัครคนเพิ่มอีก 2 คนในปีนี้นะคะ” หลินชิงเหอเชิญหม่าเฉิงหมินมาที่บ้านของพวกเขาและแจ้งข่าว
หม่าเฉิงหมินตะลึงพร้อมกับถามว่า “ตอนนี้มีกำลังคนพออยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ”
“ปีนี้ฉันวางแผนว่าจะให้หู่จือออกไปตั้งแผงขายของริมถนนด้วยตัวเองน่ะค่ะ ให้เขาได้ลองทำคนเดียวตามลำพัง ทางนั้นก็ยังขาดคนอยู่ ฉันเลยจะรับคนเพิ่มอีกคนเพื่อให้มาทำแทนค่ะ” หลินชิงเหออธิบาย
สวี่เชิ่งเฉียงเริ่มออกไปตั้งแผงขายของแล้ว เธอจะยอมให้หู่จือตามหลังเขาได้อย่างไร? นอกจากนี้หู่จือก็ถูกพามาอยู่ที่นี่สักระยะแล้ว อะไรที่ควรจะสอนส่วนใหญ่ก็ได้สอนไปแล้ว แถมตอนนี้เขายังมีคู่หมาย ให้เขาได้ออกไปทำธุรกิจข้างนอกก็ไม่เสียหายอะไร
ในอนาคตเมื่อเขาแต่งงาน เขาจะต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องสนับสนุนทางบ้าน เป็นเวลาที่สมควรจะออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้แล้ว
เธอพาหลานชายและหลานสาวเหล่านี้มาที่นี่ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะผูกติดพวกเขาไว้ตลอดชีวิต หากมีความสามารถพวกเขาก็ออกไปทำอะไรด้วยตัวเองได้ เธอจะสนับสนุนพวกเขาเอง หากไม่มีความสามารถพอ เช่นนั้นก็ปักหลักดูแลร้านให้เธออย่างซื่อสัตย์
หม่าเฉิงหมินพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนี้
“ส่วนภรรยาของคุณ ช่วงที่คุณว่างก็ใช้เวลาร่วมกับหล่อนให้มากขึ้นนะคะ ยังมีเวลาอีก 1 อาทิตย์ก่อนที่จะเริ่มทำงาน ฉันจะให้วันหยุดคุณเพิ่มขึ้นอีก 3 วัน รวมเป็น 10 วัน คุณพาหล่อนกลับไปที่บ้านทางแม่ของหล่อนเพื่อพักผ่อนก็ได้นะคะ” หลินชิงเหอพูด
……………………………………………………………………………………