ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 501 ไม่สงบสุข
บทที่ 501 ไม่สงบสุข
ไข่เค็มที่พี่สะใภ้ใหญ่ดองเอาไว้มีรสเค็มกว่าไข่เค็มของหลินชิงเหอเป็นเท่าตัว อีกทั้งพี่สะใภ้ใหญ่ยังเลี้ยงเป็ดเอาไว้ในคลอง ได้กินทั้งกุ้งหอยปูปลาตัวเล็ก ๆ ตลอด ดังนั้นไม่ต้องพูดก็รู้ว่าไข่ของมันมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ
หลังจากแบ่งให้ท่านพ่อโจวไปแล้วชุดหนึ่ง หลินชิงเหอยังแบ่งไว้ให้โจวซานนีและหลี่อ้ายกั๋ว พวกเขาสองคนปรุงอาหารกินกันเอง ส่วนคนอื่นก็กินด้วยกันที่นี่
“อารองบอกกับหนูว่าเขาดีใจมากที่อาสะใภ้สี่กับอาสี่ให้ซานนีกับหลี่อ้ายกั๋วมาที่นี่น่ะค่ะ ” โจวเอ้อร์นีพูด
“ทำไมอารองพูดอย่างนี้กับหนูล่ะ?” หลินชิงเหอถามต่อ
โจวเอ้อร์นีไม่ใช่คนขี้นินทา พอได้ยินก็พูดออกมาอย่างละอายใจ “ก็เพราะอาสะใภ้รองพูดกับอารองอยู่ตลอดว่าอาสี่กับอาสะใภ้สี่ไม่ดูแลบ้านรองเลย หนูเองก็ทนฟังไม่ไหวเหมือนกันค่ะ”
หล่อนอยู่ระหว่างทั้งสองบ้าน พอหวังหยวนกลับไปแล้วหล่อนก็ไปที่บ้านเก่าตระกูลโจว หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงอาสะใภ้รองบ่นกับอารองของหล่อนดังออกมาถึงหน้าประตูบ้านพอดี
พูดว่าดูแลหลานสาวบ้านใหญ่จนได้ไปทำงานถึงปักกิ่งบ้างล่ะ พูดว่าดูแลบ้านสามและซื้อร้านค้าในอำเภอให้บ้างล่ะ
โจวเอ้อร์นีฟังไปได้สักพักก็ทนไม่ไหวเดินเข้าไปในห้อง ซึ่งหล่อนก็ย่อมต้องพูดเรื่องที่โจวซานนีกับหลี่อ้ายกั๋วได้ไปปักกิ่งด้วยเป็นธรรมดา
ไม่ใช่แค่สองสามีภรรยาโจวซานนีกับหลี่อ้ายกั๋ว ยังมีโจวเซี่ยลูกชายคนโตของบ้านรองอีกคนที่ตอนนี้อยู่ที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์ในเมือง นั่นทำให้เขาสามารถทำเฟอร์นิเจอร์เองได้แล้ว
เมื่อก่อนนั้นเป็นโจวชิงไป๋อาสี่คนนี้ที่ติดต่อให้เขาได้เข้าไปทำงาน
ได้ยินอาสะใภ้รองพูดโดยไม่กระพริบตาแบบนี้ โจวเอ้อร์นีเองก็อดไม่ไหวเหมือนกัน
หลังจากที่สะใภ้ใหญ่รู้เข้า หล่อนก็มาเพื่อพูดเรื่องนี้เป็นพิเศษ และอธิบายให้คนทั้งคู่เข้าใจว่าโจวซานนีมีสุขภาพไม่ดี หล่อนถูกพาไปเมืองหลวงก็เพื่อไปรักษา
เพียงแต่เรื่องนี้หล่อนไม่ได้บอกกับบ้านรองก็เท่านั้น
พอพี่ชายรองได้ยินว่าโจวซานนีไม่สบายจนอาจมีลูกไม่ได้ก็นิ่งอึ้งไป สะใภ้รองเองก็เช่นเดียวกัน เดิมทีพวกเขายังไม่เชื่อ แต่สะใภ้ใหญ่บอกให้พวกเขาไปถามพี่ชายสามและสะใภ้สามดูเอาเอง!
สุดท้ายสะใภ้รองจึงไม่กล้าสู้หน้า และพี่ชายรองก็รู้สึกอับอายแทบรับตัวเองไม่ได้เช่นเดียวกัน ตัวเขาที่เป็นพ่อแท้ ๆ ของหล่อนกลับไม่รู้เรื่องนี้
“นิสัยของอาสะใภ้รองหนูเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ไปทะเลาะกับหล่อนแล้วจะได้อะไรขึ้นมา ลิ่วนีก็เหมือนกับหล่อนนั่นแหละ” หลินชิงเหอพอได้ฟังจบก็พูดปลอบใจเอ้อร์นี
พอพูดถึงลิ่วนี โจวเอ้อร์นีก็เม้มปาก ก่อนพูดขึ้นมาว่า “อาสะใภ้สี่คะ ลิ่วนีแต่งงานแล้วนะคะ”
“หืม?” หลินชิงเหอไม่ค่อยรู้เรื่องของโจวลิ่วนีเท่าไหร่ แต่พอได้ยินแบบนี้ก็อดตะลึงนิด ๆ ไม่ได้
โจวเอ้อร์นีจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
โจวลิ่วนีตั้งครรภ์แล้ว หล่อนท้องทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน ผู้ชายคนนั้นเป็นอันธพาลคนหนึ่งในหมู่บ้าน ซึ่งในตอนแรกนักเลงคนนั้นไม่คิดจะรับผิดชอบ
เพราะเขารู้ว่าโจวลิ่วนีไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเขาแค่คนเดียว เช่นนั้นจะให้เขายอมรับง่าย ๆ อย่างนั้นได้อย่างไร?
แต่สุดท้ายเมื่อกลับมาคิด ๆ ดูแล้ว เขาก็พบว่าโจวลิ่วนีไม่ได้ออกไปไหนไกลนอกหมู่บ้านเลย เดิมทีก็อยู่กับเขาคนเดียว เด็กคนนี้จึงทำให้เขาหนีความรับผิดชอบไม่ได้
เดิมทีโจวลิ่วนียังไม่รู้ แต่ตอนที่กำลังกินเลี้ยงปีใหม่อยู่ดี ๆ หล่อนก็รู้สึกพะอืดพะอมและอาเจียนออกมาจนหมด
ยังไม่ทันที่ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนบ้านที่เคยมาทักทายเป็นครั้งสองครั้งก็เกิดเอ่ยปากพูดขึ้นมาลอย ๆ ประโยคหนึ่งว่า หรือว่าหล่อนจะท้อง?
สะใภ้รองได้ยินดังนั้นก็โมโหแล้วด่ากลับไป
แต่ไม่นานสะใภ้รองก็เริ่มไม่แน่ใจ โดยเฉพาะเรื่องที่โจวลิ่วนีชอบอยู่กับนักเลงคนนั้น และมีคนไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้
หลายคนพากันแอบพูดลับหลัง บางคนถึงกับบอกว่าหล่อนได้เสียกับเหล่านักเลงแล้วในทุ่งนา ภาวนาขออย่าให้หล่อนท้องป่องก่อนแต่งงานก็แล้วกัน!
ผลที่เกิดขึ้นก็คือ เรื่องของตระกูลโจวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว
พวกเขาไม่กล้าพูดอย่างเปิดเผยนัก เป็นเพราะพี่สะใภ้ใหญ่และพี่ชายใหญ่เพิ่งต้อนรับลูกเขยจากปักกิ่งในปีนี้ บวกกับพวกเขาสองสามีภรรยาเป็นคนดีทั้งคู่ ได้รับคำชื่นชมจากคนในหมู่บ้านไม่น้อย จึงมีไม่กี่คนที่ไม่แน่ใจว่าจะบอกเรื่องนี้ดีหรือไม่
แต่ก็ยังมีคนหมั่นไส้สะใภ้ใหญ่กับพี่ชายใหญ่ที่นับวันจะมีชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ พอหวังหยวนไม่อยู่บ้าน พวกเขาก็มาถามสะใภ้ใหญ่อย่างล้อเลียนว่ารู้เรื่องนี้หรือไม่
สะใภ้ใหญ่ได้ยินเข้าก็แข้งขาอ่อนแรงและรีบไปหาสะใภ้รอง สะใภ้รองได้ยินก็โกรธมากและพาลูกสาวตัวเองไปตรวจที่คลินิก ซึ่งถ้าหล่อนไม่ท้องก็ดีไป!
แต่ใครจะรู้ว่าโจวลิ่วนีตั้งครรภ์แล้วจริง ๆ อีกทั้งยังตั้งครรภ์มาหนึ่งเดือนครึ่งแล้ว!
ความจริงข้อนี้ทำให้สะใภ้รองแทบล้มทั้งยืน โจวลิ่วนีก็เช่นกัน หล่อนคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าตนเองจะท้อง เพราะหล่อนไปซื้อถุงยางอนามัยที่โรงพยาบาลมาใช้ป้องกันไม่ให้ตนเองท้องแล้ว
หลังจากพยายามคิด หล่อนก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อหนึ่งเดือนกว่าที่แล้วหล่อนอยู่กับคนคนหนึ่งข้างกองฟางในลานตากข้าว
แต่พอหล่อนบอกว่าเด็กเป็นลูกใคร ก็ถูกมารดาชกศีรษะและตบหน้าอย่างแรงถึงสองครั้ง
สุดท้ายเรื่องนี้ก็จบที่นักเลงคนนั้นต้องแต่งงานกับโจวลิ่วนี ซึ่งก็คือวันที่แปดเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา
หล่อนแต่งงานหลังผ่านวันที่ 7 ไปแล้ว ในพิธีแต่งงานไม่มีแม้กระทั่งโต๊ะจัดงาน ทั้งหมดเป็นไปด้วยความเร่งรีบ แต่ถึงอย่างนั้นชื่อเสียงบ้านรองของพี่ชายรองก็ฉาวโฉ่ไปแล้ว
ในหมู่บ้านถือว่าเป็นเรื่องไม่ดี ต่อให้ยุคนี้จะหาคู่ได้อย่างอิสระก็ตาม แต่ในหมู่บ้านเป็นสถานที่แบบไหนกัน? หล่อนอายุไม่เท่าไหร่กลับท้องแล้ว?
พวกเขายังมีชื่อเสียงแบบไหนได้อยู่อีก? ยิ่งเป็นบ้านของนักเลงคนนั้นที่ไม่ได้เป็นคนดีอะไรในหมู่บ้านเลยด้วยซ้ำ
โจวลิ่วนีแต่งงานด้วยชื่อเสียงที่ไม่บริสุทธิ์ หล่อนยังจะมีชีวิตที่ดีในอนาคตได้อยู่อีกหรือ
“หวังหยวนรู้เรื่องหรือยัง” หลินชิงเหอฟังตั้งแต่ต้นจนจบแล้วก็ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา ทำเพียงถามกลับ
“หวังหยวนไม่ได้เก็บมาใส่ใจหรอกค่ะ” โจวเอ้อร์นีพูด ก่อนหน้านั้นก็เกิดเรื่องแบบนี้กับสวี่เชิ่งเหม่ย มาคราวนี้เป็นเรื่องของโจวลิ่วนีอีก หากพูดว่าไม่ขายหน้าก็คงเป็นไปไม่ได้
ยิ่งเมื่อแยกบ้านไปแล้วเรื่องราวเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ไม่แน่ชัด แต่แน่นอนว่าต้องมีผลกระทบเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่แล้ว
ยังดีที่หวังหยวนไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ พวกเขาแยกบ้านกันแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับบ้านสายรองจึงไม่ใช่เรื่องที่จะมีผลกับบ้านใหญ่ได้
หลินชิงเหอพยักหน้าก่อนเอ่ยต่อ “เรื่องนี้ไม่ต้องบอกให้คุณปู่คุณย่ารู้นะ”
แม้หลินชิงเหออยากจะโพนทะนาให้แม่สามีรู้ แต่หลังจากคิดดูอีกทีเธอก็ปล่อยผ่าน หญิงชราคนนี้เป็นคนหัวโบราณ แค่เรื่องของสวี่เชิ่งเหม่ยในครั้งก่อนก็ทำให้นางโมโหจนล้มป่วยแล้ว คราวนี้เป็นหลานสาวแท้ๆ ของนาง แถมวีรกรรมของหล่อนยังเป็นที่เลื่องลือไปทั้งหมู่บ้านอีก
น่ากลัวว่าหญิงชราจะไม่มีหน้าให้กลับไปแล้ว
ดังนั้นถือว่าช่างเถอะ ให้นางคิดถึงแต่ชีวิตอันรุ่งโรจน์ตอนกลับไปที่หมู่บ้านน่ะดีแล้ว
โจวเอ้อร์นีเองก็ไม่มีความคิดที่จะบอกกับคุณปู่คุณย่าของหล่อน พูดไปแล้วจะมีความหมายอะไร หาเรื่องกังวลใจให้พวกเขาเสียเปล่า ๆ
ที่หล่อนเอามาบอกอาสะใภ้สี่ก็เพราะอยากให้อาสะใภ้สี่รู้ไว้เท่านั้น
เรื่องนี้หลินชิงเหอจำเป็นต้องปรึกษากับโจวชิงไป๋ก่อน พอโจวชิงไป๋ฟังเรื่องจนจบใบหน้าของเขาก็ดำทะมึน
“ในเมื่อแต่งงานไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะค่ะ” หลินชิงเหอโบกมือขณะพูด
หล่อนตั้งใจเอาเรื่องที่บ้านของชิงไป๋มาบอก เนื่องจากตอนนั้นหล่อนเป็นคนส่งลิ่วนีกลับไปที่บ้านของหล่อนอย่างสุดพลัง
แต่เรื่องนี้ก็ยืนยันได้ว่าความเด็ดขาดของเธอไม่ใช่สิ่งที่ผิดแม้แต่น้อย โจวลิ่วนีผู้นี้เป็นเจ้าแม่แห่งความไม่สงบสุขโดยแท้จริง
……………………………………………………………………………………………………………………