ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 558 คนที่ซื่อตรง
บทที่ 558 คนที่ซื่อตรง
หลินชิงเหอมองความลำเอียงของเขา ก็ตัดสินใจว่าจะไม่พูดกับเขาเรื่องนี้ในตอนนี้อีก อีกอย่างนี่ก็ยังเร็วเกินไป
ยังเร็วเกินไปนัก อย่าเพิ่งพูดเรื่องไกลตัวอย่างนั้นเลยดีกว่า
แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เธอได้เห็นด้านดื้อรั้นของผู้ชายอกสามศอกคนนี้
หลินชิงเหอลูบท้องของตัวเอง พูดได้เลยว่าลูกสาวคนนี้ต่อไปไม่ลำบากแน่แล้ว
โจวชิงไป๋นอนกอดภรรยาหลับไป สำหรับความลำเอียงอะไรนั้นย่อมต้องมีอยู่แล้ว เขารอลูกสาวคนนี้มาหลายสิบปี จะไม่ให้เขาลำเอียงได้อย่างไร?
เขาไม่เคยติดค้างอะไรกับลูก ๆ ทั้งสามคนเสียหน่อย? ไม่พอใจอะไร? งั้นก็เชิญไปตามทางของตัวเองเถอะ อย่ามายุ่งกับเขาเลย
เหตุผลก็คือเขาโหดร้ายไม่ฟังเหตุผลอื่นเช่นนี้แหละ
หลังจากนอนหลับฝันดีไปอีกหนึ่งคืน วันถัดมาหลินชิงเหอลุกขึ้นมาในตอนเช้า โจวชิงไป๋ก็ไปซื้อซาลาเปาที่ร้านของซูต้าหลินมาให้แล้ว เป็นซาลาเปาไส้หมูสับแครอทกับหมูสับเห็ดหอมที่ภรรยาของเขาชอบที่สุด
ตอนนี้หลินชิงเหอกำลังตั้งท้องอยู่จึงค่อนข้างที่จะหิวง่าย แม้ว่าครรภ์จะยังไม่ใหญ่ แต่พัฒนาการต่าง ๆ จำเป็นต้องได้รับการบำรุงจากผู้เป็นแม่ หลินชิงเหอย่อมต้องหิวง่ายเป็นธรรมดา
พอลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเธอก็เริ่มกินมื้อเช้าในทันที
ปฏิเสธไม่ได้ว่าฝีมือของซูต้าหลินนั้นดีมากจริง ๆ เขาเรียนสูตรนี้มาจากป้าของเขา และก็มาดัดแปลงรสชาติเป็นของตัวเองอีกที จนสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ด้วยฝีมือทำอาหาร
ซูต้าหลินเป็นคนตรงไปตรงมา ไส้ซาลาเปาเขาก็ให้เต็มที่ ในปีนี้สิ่งของอะไรพากันขึ้นราคาหมด ซาลาเปาร้านของเขาก็ย่อมต้องขึ้นราคาด้วยเช่นกัน แต่ว่าเขากลับขึ้นราคาไม่มากนักทั้งยังได้ซาลาเปาลูกใหญ่ด้วย
ร้านของซูต้าหลินจึงมีชื่อเสียงในย่านนี้ขึ้นมาทันที
เพียงนึกถึงซาลาเปาทุกคนก็จะเลือกร้านซาลาเปาที่มีเจ้าของร้านพูดติดอ่างร้านนี้
แม้ว่าจะถูกเรียกว่าร้านซาลาเปาติดอ่าง แต่ซูต้าหลินก็ไม่ได้สนใจ กลับยิ้มกลับไปด้วยซ้ำ
ตอนที่โจวเสี่ยวเหมยได้ยินชื่อนี้หล่อนก็หน้าเสียทันที แต่ยังคงเป็นซูต้าหลินที่ให้เหตุผลหล่อน บอกหล่อนว่าเดิมทีเขาก็เป็นคนติดอ่าง คนรอบข้างจะเรียกอย่างไรก็ให้พวกเขาเรียกไปเถอะ อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ถูกคนเรียกขานอย่างนั้นกลับเป็นการเรียกให้คนเข้ามากินด้วยซ้ำไป
โจวเสี่ยวเหมยได้ยินเหตุผลของซูต้าหลินจึงค่อยสงบลง แต่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน
แต่ผู้คนกลับชอบที่จะมาพูดคุยกับซูต้าหลินด้วยความยินดี และกล่าวว่าคนติดอ่างไม่เลวเลย ทั้งจริงใจ และอ่อนโยน เพียงแค่เสียพลังงานตอนพูดเล็กน้อย นอกนั้นไม่มีอะไรไม่ดีเลย
หลินชิงเหอกินซาลาเปาแล้วพูด “วันนี้ฉันจะไปนั่งเล่นที่ร้านนั้นกับเสี่ยวเหมยนะคะ”
“ให้ผมไปส่งไหมครับ” โจวชิงไป๋พูด
“ไม่เป็นไรค่ะ” หลินชิงเหอไม่อยากให้เขาตามไปด้วย ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะมองเธอด้วยสายตาเหมือนเธอเป็นตัวประหลาด เพราะผู้ชายคนนี้ชอบทำเกินกว่าเหตุ เขาแทบจะประคองเธอเดินทุกฝีก้าวอยู่แล้ว…
โจวชิงไป๋พูด “ดื่มน้ำเต้าหู้เสียหน่อยนะครับ ต้าหลินเขาลุกขึ้นมาต้มแต่เช้าเลย”
“น้ำเต้าหู้ต้องเคี่ยวกี่รอบคะกว่าจะดื่มได้” หลินชิงเหอพูด
“ผมรู้ นี่เป็นน้ำเต้าหู้ของต้าหลินคุณไม่ต้องห่วง” โจวชิงไป๋พูด
หลินชิงเหอกินซาลาเปาไปด้วยดื่มน้ำเต้าหู้ไปด้วย ซึ่งมันก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเดิมทีน้ำเต้าหู้จะกินเข้ากับปาท่องโก๋มากที่สุด แต่เธอกลับชอบกินซาลาเปากับน้ำเต้าหู้มากกว่า
กินเสร็จแล้วหลินชิงเหอก็มาหาโจวเสี่ยวเหมย
ซูต้าหลินไม่ได้อยู่ในร้าน เป็นโจวเสี่ยเหมยที่อยู่ ช่วงเวลานี้กิจการของพวกเขากำลังเป็นไปด้วยดี มีคนเข้าออกร้านประจำ แต่โจวเสี่ยวเหมยกลับสุขุมและปรับตัวกับการซื้อขายได้ ด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วมาก
“พี่สะใภ้สี่ ว่างมาเที่ยวเล่นได้ยังไงคะ?” พอเห็นพี่สะใภ้สี่ของหล่อน โจวเสี่ยวเหมยก็หัวเราะและพูดขึ้น
“ตอนนี้ฉันว่างทุกวัน” หลินชิงเหอพูด
นอกจากสอนภาษาอังกฤษแล้ว เธอก็ไม่ได้ยุ่งอะไรอย่างอื่นอีก โจวชิงไป๋ไม่ว่าอะไรก็ไม่ให้เธอทำ ขอเพียงให้เธอมีความสุขก็พอแล้ว
โจวเสี่ยวเหมยทอนเงินให้กับลูกค้าเสร็จก็นั่งพักแล้วพูดขึ้น “พี่สี่มาเอาซาลาเปากับน้ำเต้าหู้กลับไป พี่สะใภ้สี่ได้กินหรือยังคะ”
“กินแล้วจ๊ะ” หลินชิงเหอเห็นลูกค้าเข้าร้านมาอีกแล้ว จึงไปหาที่นั่งด้วยตัวเอง ให้โจวเสี่ยวเหมยทำงานไป
เมื่อทำงานไปสักพัก โจวเสี่ยวเหมยถึงค่อยได้มีเวลาว่างพูด “ตอนเช้าก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ มีแต่คนเข้า ๆ ออก ๆ ”
“ก็เพราะซาลาเปาอร่อยไงละจ๊ะ ปริมาณก็เป็นธรรม ฉันลองไปร้านซาลาเปาอื่นแถว ๆ นี้ ไม่มีร้านไหนเหมือนที่นี่เลยสักร้าน” หลินชิงเหอพูดตามตรง
ถนนเส้นนี้มีร้านซาลาเปาไม่น้อยเลย ตอนนี้ก็ไม่ใช่ยุคต้น ๆ ของปี 80 แล้ว แต่เป็นช่วงยุคกลางของปี 80 ร้านค้าเอกชนก็ผุดขึ้นไม่น้อย
ทั้งยังมีคนไม่น้อยที่เลิกลี้ภัยทางทะเลแล้ว
ถนนเส้นนี้มีร้านซาลาเปาอยู่ 4 ร้านให้เห็น แต่ไม่มีร้านไหนขายดีเท่ากับร้านของโจวเสี่ยวเหมยเลย
หลินชิงเหอพอเห็นช่วงที่คนบางตาลงก็ฉวยโอกาสพูดเสียงเบา “ต้าหลินซื่อตรงขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่าขายได้กำไรน้อยหรอกนะ”
เดิมทีกำไรของร้านของชิงไป๋ก็ไม่ได้สูงมากเช่นกัน แต่ว่าพอเรียกเจ้าสามโจวกุยหลายมาดูแลร้าน 2-3 ครั้ง ทุกครั้งก็จะขึ้นราคา ปีนี้เธอก็ท้องลูกสาวอีก ราคาเกี๊ยวก็เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
อย่ามองว่านี่เป็นเพียงร้านเกี๊ยวเล็ก ๆ ตอนนี้ในหนึ่งเดือนมีรายรับเข้ามาถึง 700-800 หยวน ซึ่งแต่เดิมก็ไม่มีปัญหาอะไร
“กำไรไม่เยอะมากค่ะ แต่ต้าหลินบอกว่าเขาไม่รีบ อยากทำธุรกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป” โจวเสี่ยวเหมยบอก หล่อนเองก็รู้สึกจนปัญญาเช่นกัน
ต้าหลินของหล่อนซื่อตรงเกินไป เนื้อหมูเอยแป้งเอยก็พากันขึ้นราคาหมดแล้ว ร้านซาลาเปาของพวกหล่อนกลับขึ้นราคาเพียงเท่านี้ กำไรย่อมไม่ค่อยจะมีเป็นธรรมดา
ตอนนี้กิจการของพวกเธอกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่ากำไรจะไม่มาก แต่หากพวกเขาสองสามีภรรยาขยันขึ้นมาหน่อย ก็สามารถมีรายได้ 500-600 หยวนได้อย่างไม่ยากอะไรเช่นกัน
ไม่ต้องพูดถึงความดังของร้านที่ส่งกันแบบปากต่อปากเลย เพราะละแวกนี้รู้จักร้านนี้ในชื่อร้านซาลาเปาติดอ่างหมด
“ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปก็ได้จ๊ะ แค่เธอได้อยู่กับต้าหลินก็พอ” หลินชิงเหอพูด
นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างเปิดร้านเป็นของตัวเองกับออกไปตั้งแผงขายของข้างนอก
ตั้งแผงขายของมีความเป็นอิสระ จะปิดหรือเปิดเมื่อไหร่ก็ได้ ป้ายหน้าร้านไม่ต้องมีก็ได้ สามารถเปลี่ยนที่ตั้งไปได้เรื่อย ๆ นี้ก็คือสาเหตุที่สวี่เชิ่งเฉียงยังออกไปเปิดข้างนอกอยู่
แต่เปิดหน้าร้านอย่างเดียวไม่ได้ ป้ายร้านเองก็สำคัญมาก
ที่ร้านของโจวชิงไป๋แม้ว่าจะขึ้นราคาแล้ว แต่เขาก็ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพ ปริมาณของเกี๊ยวก็ไม่ให้น้อยลงไปด้วย สำหรับการที่ต้องขึ้นราคานั้นพวกเธอก็ไม่มีทางเลือก ทุกคนก็ขึ้นราคากันหมด เขาก็ขึ้นราคาเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
เมื่อทำมาเปรียบเทียบกัน ซูต้าหลินดูจะซื่อตรงกว่าเล็กน้อย
“ฉันก็ไม่ได้ว่าเขาหรอกนะ ยุ่งยากนิดหน่อยตรงต้องใช้ความพยายามเท่านั้นแหละค่ะ”โจวเสี่ยวเหมยก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน หล่อนพูดพลางพยักหน้า
ตอนนี้ลูกค้าเข้ามาในร้านแล้ว โจวเสี่ยวเหมยจึงเดินไปต้อนรับ แต่ลูกค้าคนนี้ซื้อไปเยอะเลย เขาหัวเราะแล้วพูด “ตอนฉันซื้อกับสามีของคุณ สามีของคุณแถมให้ฉันหนึ่งลูกตลอด”
“ตอนนี้แถมไม่ได้แล้วค่ะ ข้าวของราคาแพงเกินไป ห่อลูกใหญ่ขนาดนี้ก็เป็นเงินทั้งนั้นนะคุณ” โจวเสี่ยวเหมยพูดอย่างจำใจ
คนคนนั้นเพียงหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร
“ต้าหลินนั่นก็จริง ๆ เลย พอมีคนมาซื้อเยอะ ๆ เข้าหน่อยก็มักจะแถมให้ลูกหนึ่ง ถ้าเป็นฉันนะไม่ให้หรอก” โจวเสี่ยวเหมยพูด
บางครั้งก็ทำให้หล่อนรู้สึกลำบากใจ หากไม่อยากเถียงกับคนอื่น หล่อนก็ทำได้แค่แถมไปเท่านั้น แต่ปกติหล่อนไม่แถมให้หรอก
“เป็นแบบนี้ก็ดีออก คนหนึ่งสบาย ๆ อีกคนหนึ่งเคี่ยว” หลินชิงเหอหัวเราะ
“เดือนหน้าน่าจะสามารถคืนเงินพี่สะใภ้สี่ได้แล้วนะคะ” โจวเสี่ยวเหมยพูดขึ้นอีก
“ไม่รีบ ๆ เอาที่สบายเถอะจ๊ะ” หลินชิงเหอพูด
“สบายแล้วค่ะ อีกอย่างคืนเงินให้พี่กับพี่สี่ก่อนดีกว่า แบบนี้ถึงจะได้ไม่มีเงินให้พี่สะใภ้ของเขายืมได้” โจวเสี่ยวเหมยพูดพลางเบ้ปาก
……………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ผู้ชายบ้านนี้ดูเป็นคนตรง ๆ กันนะคะ ทั้งชิงไป๋ทั้งต้าหลิน
พี่สะใภ้ของต้าหลินจะมาขอยืมเงินอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย
ไหหม่า(海馬)