ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 567 เห็นลูกชายสำคัญกว่าลูกสาวเป็นความคิดที่ไม่ดีเลยนะ
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
- บทที่ 567 เห็นลูกชายสำคัญกว่าลูกสาวเป็นความคิดที่ไม่ดีเลยนะ
บทที่ 567 เห็นลูกชายสำคัญกว่าลูกสาวเป็นความคิดที่ไม่ดีเลยนะ
โจวเซี่ยกับเจ้ารองโจวเฉวี่ยนเกิดปีเดียวกัน ทั้งสองจึงมีอายุเท่ากัน
ปีนี้ก็อายุ 19 ปี แต่กลับจะแต่งงานแล้ว
หลินชิงเหอจึงโทรศัพท์กลับไปหาสะใภ้ใหญ่เพื่อสอบถาม และได้รู้เรื่องนี้
“นี่ก็ต้องแสดงความยินดีกับสะใภ้รองด้วยนะ หลายปีมานี้ไม่เห็นหล่อนมีความสุขขนาดนี้เลย แต่เพียงแค่สะใภ้คนนี้ไม่ค่อยน่าคบหาเท่าไหร่” สะใภ้ใหญ่พูดทางโทรศัพท์
นิสัยของสะใภ้ใหญ่นั้นไม่เลว หล่อนไม่ได้เป็นแม่สามีที่ชอบรังแกสะใภ้ แต่ถึงแม้จะไม่ใช่แม่สามีแบบนั้น แต่หล่อนก็ไม่ได้เป็นคนที่เลียหน้าเลียตาชื่นชมเยินยอสะใภ้
แฟนของโจวเซี่ยคนนี้ชื่อว่าหม่าเหมียวเหมียว และเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ สะใภ้ใหญ่โจวนึกว่าคนอื่นพูดโม้เกินเหตุ ที่ไหนได้ท่าทางที่หล่อนแสดงออกมานั้นใช้ไม่ได้จริง ๆ
หล่อนคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะยังคบกันต่อ ปีนี้ถึงกับจะแต่งงานเข้าบ้านแล้วด้วย
สะใภ้ใหญ่คิดถึงท่าทางของสะใภ้รองแล้วรู้สึกแทบจะมองไม่ได้ “หล่อนนี่แทบจะกราบไหว้บรรพชนอยู่แล้ว”
“หล่อนมีความสุขก็พอแล้วค่ะ” หลินชิงเหอหัวเราะ
“ฉันล่ะไม่เข้าใจอะไรแบบนี้เลยจริง ๆ ลูกสะใภ้ก็ต้องอยู่ในเมืองแบบนี้เหรอ? แบบนี้ต่อไปจะสามารถพึ่งพาได้ยังไง” สะใภ้ใหญ่พูดออกมาตามตรง
หล่อนเป็นผู้หญิงที่เกิดและโตที่ชนบทคนหนึ่ง และลูกชายจะต้องคอยเลี้ยงดูพ่อแม่ตอนแก่เฒ่า
ลูกชายแต่งงานกับลูกสะใภ้แบบนี้ ตอนนี้ยังอายุน้อยอยู่ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่หากแก่ไปเล่าจะสามารถตั้งความหวังอะไรกับพวกเขาได้บ้าง?
“ที่บ้านพวกเขายังมีอยู่อีกคนนี่คะ” หลินชิงเหอพูด
“หวังพึ่งไม่ได้หรอก อย่าเอาไปเทียบกับพี่ชายหล่อนเลย หล่อนเรียนรู้จากแม่ของหล่อนมาหลายสิบปีแล้ว” สะใภ้ใหญ่โจวพูด หลังจากนั้นหล่อนก็เปลี่ยนเรื่องพูด “พี่ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เธอกับน้องสี่เป็นยังไงบ้าง”
“พวกฉันอายุตั้งเท่าไหร่แล้วคะ พวกเราดูแลตัวเองได้ค่ะ แต่ว่าเรื่องที่เซี่ยเซี่ยแต่งงานพี่สะใภ้ใหญ่ช่วยใส่ซองของฉันให้เขาสัก 20 หยวนทีนะคะ” หลินชิงเหอพูด
“ได้จ้ะ” สะใภ้ใหญ่โจวพยักหน้า
นี่เป็นสิ่งที่สมควรทำ เธอคิดไว้ว่าจะใส่ซองให้เขา 20 หยวน
สำหรับสะใภ้ที่โจวเซี่ยเลือกมานั้นจะดีหรือไม่ดี พวกหล่อนได้แต่ว่ากล่าวกันเองก็พอไม่จำเป็นต้องเข้าไปก้าวก่าย เพราะว่าคนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันไม่ใช่พวกหล่อน จะให้ไปก้าวก่ายมากมายขนาดนั้นก็ไม่ใช่เรื่อง ถือเสียว่าให้มันผ่านไปเถอะ
หลินชิงเหอวางสายแล้วค่อยกลับมาเล่าเรื่องนี้ให้โจวชิงไป๋ฟัง
โจวชิงไป๋พูด “อายุสิบเก้าสามารถแต่งงานได้แล้ว” ที่ชนบทนั้นอายุ 18 ปีก็แต่งงานได้แล้ว บางทีอายุ 17 ปีก็ยังมีเลย
หลินชิงเหอกลอกตามองเขา และพูดด้วยความดีใจนิด ๆ ว่า “โชคดีที่ครอบครัวเราไม่ได้คิดที่จะแต่งงานเร็วขนาดนี้” ไม่อย่างนั้นคงจะรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลก ๆ
คุณย่าที่ท้องพร้อมกับลูกสะใภ้ เรื่องนี้เธอไม่อยากจะนึกถึงเลยจริง ๆ
โจวชิงไป๋กำลังเชือดไก่อยู่ แต่ก็พอจะเข้าใจความหมายของภรรยาตัวเองเช่นกัน จึงยิ้มแล้วพูดว่า “เย็นนี้กินผัดเนื้อไก่กันไหมครับ? แล้วก็ตุ๋นซุปไก่ด้วยเป็นไง?”
“ก็ได้ค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
โจวชิงไป๋จึงผัดเนื้อไก่และเด็ดพริกหยวกจากหลังบ้านมาผัดด้วยจนหอม จากนั้นก็เอาเนื้อไก่ไปตุ๋นทำซุปไก่ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
พอทำเสร็จแล้ว หลินชิงเหอก็เปิดทีวีดู ยายเฒ่าเจียงก็มาหาและยังคงเห็นว่าโจวชิงไป๋เป็นคนล้างจานล้างหม้อจึงพูดกับหลินชิงเหอจากใจว่า “ผู้ชายแบบเสี่ยวโจวฉันเพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต เธอนี่โชคดีจังเลยจ้ะ”
หลินชิงเหอพูด “ก็แค่งานบ้านเล็กน้อยเท่านั้นเองค่ะ คุณป้าพูดอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่โตเชียว”
“ตาแก่ที่บ้านฉันน่ะขนาดขวดซีอิ๊วคว่ำเขายังไม่เก็บมันขึ้นมาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงงานบ้าน” ยายเฒ่าเจียงพูด
หลินชิงเหอรินน้ำให้นางแล้วพูด “ฉันทำมาครึ่งชีวิตแล้วค่ะ ให้ฉันได้อยู่อย่างสุขสบายเถอะ”
ยายเฒ่าเจียงหัวเราะ ไม่นานตาเฒ่าเจียงก็เดินมาเช่นกัน พวกเขาสองคนไม่มีทีวี เมื่อเห็นหลินชิงเหอซื้อทีวีสีมาเครื่องหนึ่งจึงมาขอดูด้วยกันที่นี่
อีกทั้งพวกเขามีเรื่องจะพูดกับโจวชิงไป๋ด้วย ส่วนหลินชิงเหอหยิบหนังสือมาอ่านที่ตรงนั้น
ยายเฒ่าเจียงกับโจวชิงไป๋พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ตาเฒ่าเจียงเหลือบมองนิด ๆ ก็เห็นว่าหนังสือที่หลินชิงเหอกำลังอ่านอยู่นั้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เขาอึ้งไปสักพักแล้วถาม “ภรรยาเสี่ยวโจว นี่คือหนังสือภาษาอังกฤษเหรอ?”
“ค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
“หนังสือภาษาอังกฤษเหรอ? อ่านเข้าใจด้วยเหรอจ๊ะ?” ยายเฒ่าเจียงก็พูดอย่างแปลกใจเช่นกัน
“ฉันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษน่ะค่ะ” หลินชิงเหอพูด
ยายเฒ่าและตาเฒ่าเจียงถามกลับอย่างตกใจ “เธอเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเหรอ?”
หลินชิงเหอพูดยิ้ม ๆ “ฉันมาฝากครรภ์ที่นี่น่ะค่ะ”
ยายเฒ่าและตาเฒ่าเจียงตกใจอีกครั้ง หลังจากนั้นก็มองไปที่ท้องของหล่อน ตอนนี้ยังไม่ได้เด่นชัดมากนัก แต่ว่าก็สามารถมองออกว่าหลินชิงเหอนั้นมีผิวพรรณอวบอิ่มไม่เลวเลย
หลินชิงเหอคิดว่าบอกไปก็คงไม่เป็นอะไร เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องรู้อยู่ดี ตอนนี้ท้องของเธอยังดูไม่เด่นชัดนัก แต่ถ้ามองตอนอาบน้ำจะเห็นว่าท้องของเธอเริ่มที่จะนูนออกมาแล้ว
“เธอท้องแล้วทำไมถึงเจาะจงมาฝากครรภ์ที่นี่ล่ะ?” ตาเฒ่าเจียงถามอย่างไม่เข้าใจ
“นี่ยังจะต้องถามอีกเหรอ?” ยายเฒ่าเจียงมองค้อนเขาทีหนึ่ง
“มีลูกเกินหรือ?” ตาเฒ่าเจียงนึกขึ้นแล้ว จากนั้นก็พูดอย่างไม่เห็นด้วย “พวกเธออยากมีลูกผู้ชายเหรอ? เห็นลูกชายสำคัญกว่าลูกสาวเป็นความคิดที่ไม่ดีเลยนะ”
หลินชิงเหอหัวเราะ “คุณลุงคิดกลับกันแล้วค่ะ ครอบครัวอื่นเขาเห็นลูกชายสำคัญกว่าลูกสาว ครอบครัวเราเห็นลูกสาวสำคัญกว่าลูกชายค่ะ”
หลังจากอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว เธอก็พอจะรู้ว่าสองตายายเป็นคนอย่างไร จึงพูดอย่างไม่ถือสาเป็นธรรมดา
ต่อจากนี้หากกลับไปปักกิ่งแล้ว พวกเธอยังคิดจะมาอยู่ที่นี่บ่อย ๆ ด้วย
“ที่ปักกิ่งพวกเรายังมีลูกชายอีก 3 คนค่ะ คนโตสุดเรียนจบมหาวิทยาลัยไป 2-3 ปีแล้ว” หลินชิงเหอพูด
“เป็นลูกชาย 3 คนเลยเหรอ?” ตาเฒ่าเจียงถามอย่างตกใจ
“ใช่ค่ะ เขาอยากมีลูกสาว จึงทำได้เพียงลองพยายามดู ไม่อย่างนั้นมีหรือคะที่เขาจะยอมเป็นวัวเป็นม้าให้ฉัน ฉันก็ลำบากเหมือนกัน เพื่อลูกสาวในฝันของเขาฉันต้องลาออกจากงาน” หลินชิงเหอพูด
ตาเฒ่าเจียงถึงได้เข้าใจในที่สุด
ยายเฒ่าเจียงพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็ดีเหมือนกัน อายุขนาดนี้แล้วยังมีได้แสดงว่าต้องเป็นเพราะโชคชะตาแน่นอน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะผลักไสโชคชะตาออกไป”
สิ่งที่นางไม่ได้พูดก็คือ ลูกสะใภ้ของตนก็มีลูกสาวเกินมาคนหนึ่งเหมือนกัน ด้านหน้าเป็นหลานชาย ด้านหลังก็คลอดเป็นลูกสาว คลอดมาผิดเวลาไปหมด แต่ก็ถือว่ามีลูกเกินเช่นกัน แต่หากขึ้นทะเบียนแล้วพวกเขามีความเกี่ยวพันกัน ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร
“เป็นอย่างที่พูดเลยครับ” โจวชิงไป๋พูดเห็นด้วยกับยายเฒ่าเจียง
ยายเฒ่าเจียงหัวเราะ “ชิงเหอสอนเด็กมัธยมต้นหรือว่ามัธยมปลายจ๊ะ”
“หลานชายหลานสาวคุณป้าต้องการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษหรือคะ?” หลินชิงเหอได้ยินแบบนี้ก็ถาม
“หลานชายของฉันเพิ่งจะขึ้นมัธยมปลายปีแรกพอดี คะแนนวิชาอื่นพอใช้ได้ ก็เป็นภาษาอังกฤษเนี่ยแหละที่แย่หน่อย และฉันก็หาที่เรียนพิเศษข้างนอกไม่ค่อยได้ด้วย” ยายเฒ่าเจียงพูดอย่างเกรงใจ “แต่ชิงเหอกำลังท้องอยู่…”
“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ถ้าว่างก็มาเรียนที่นี่ได้ ฉันจะสอนพิเศษให้เขาฟรี ๆ เลย 1 ชั่วโมง” หลินชิงเหอพูด
“ถ้าเธอเต็มใจจะสอนเขาล่ะก็ ฉันคงไม่ให้สอนฟรีหรอกนะจ๊ะ อย่างไรก็ต้องรับค่าสอนด้วย” ยายเฒ่าเจียงพูด
“คุณป้าให้มะเขือเทศฉันเยอะ ๆ ก็พอค่ะ บ้านฉันไม่ได้ปลูกมะเขือเทศเอาไว้เลย เงินน่ะไม่เป็นไรหรอกค่ะ สอนเด็กมัธยมปลายปีหนึ่งไม่ได้ลำบากอะไร” หลินชิงเหอพูด
“ก่อนหน้านี้เธอสอนระดับไหนเหรอ?” ยายเฒ่าเจียงมองเธออย่างแปลกใจ
“ระดับมหาวิทยาลัยน่ะค่ะ” หลินชิงเหอพูด
ยายเฒ่ากับตาเฒ่าเจียงพากันตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าหลินชิงเหอจะเป็นอาจารย์สอนภาษาต่างประเทศให้กับเด็กมหาวิทยาลัย!
เมื่อมองหนังสือในมือหล่อนที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดอีกครั้ง ก็คิดว่ามิน่าล่ะทำไมเธอถึงอ่านเข้าใจทั้งหมดนี้ได้!
……………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทำไมผู้ชายในครอบครัวพี่ชายรองถึงมีชีวิตรันทดกันหมดเลยนะ
พ่อมีลูกชายเยอะแล้วค่ะ ขอลูกสาวบ้าง
ไหหม่า(海馬)