ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 583 เจ้ารองผู้หล่อเหลา
บทที่ 583 เจ้ารองผู้หล่อเหลา
ยายเฒ่าเจียงถือตะกร้ากลับไปแล้ว คุณแม่กัวจึงออกมาจากบ้าน เมื่อมองเห็นลูกสาวตัวเองยืนอยู่คนเดียวก็อดพูดขึ้นไม่ได้ “เมื่อกี้เขาออกมาแล้วไม่ใช่เหรอ แสดงว่าต้องออกไปเดินเที่ยวรอบ ๆ แน่ แล้วทำไมลูกถึงไม่ไปกับเขาด้วย?”
กัวเมี่ยวจวินเม้มปาก “เขาไม่ได้เชิญหนูนี่คะ”
คุณแม่กัวพูด “นี่มันยุคไหนแล้ว? ลูกเอาแต่ยืนซื่ออยู่อย่างนี้ เขาไม่เชิญลูกไป ลูกก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนเขาไปเดินเที่ยวแค่นี้ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
หล่อนคิดว่าลูกสาวซื่อตรงเกินไปแล้ว จึงพูดต่อ “เขาเพิ่งจะมา ยังไม่ชินกับเส้นทางที่นี่ นี่ก็คือโอกาสของลูก ทำไมลูกถึงไม่รู้จักคว้ามันเอาไว้?”
“แม่ ทำไมแม่พูดอย่างนี้ล่ะคะ? เมื่อก่อนแม่บอกหนูว่าเขาจะชอบหนูแท้ ๆ ถ้าหนูออกตัวแรงแบบนี้จะไม่เสียราคาแย่เหรอคะ?” กัวเมี่ยวจวินพูด
คุณแม่กัวมองค้อนหล่อนแล้วพูด “ช่างมันเถอะ ลูกก็รู้ว่าตระกูลโจวอยู่ที่ไหน อีกทั้งแม่ยังดูออกว่าสองสามีภรรยานั่นจะต้องมีลูกเกินมาแน่ ถึงได้มาฝากครรภ์ที่นี่ยังไงล่ะ ต่อไปพวกเขาจะต้องกลับปักกิ่งแน่ ลูกไม่อยากไปปักกิ่งเหรอไง?”
ตอนนี้ท้องของหลินชิงเหอนับวันยิ่งใหญ่ขึ้น ๆ ใครจะไม่รู้บ้าง? แต่พวกเขาไม่ได้เป็นคนที่นี่แจ้งความไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงไม่มีใครสนใจ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาสนิทกับตระกูลเจียงด้วยแล้ว การเข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้มีแต่จะทำให้เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์
เพียงแต่จะว่าไปแล้วมันก็ตรงกับความคิดของคุณแม่กัวพอดี ให้ลูกสาวเกี่ยวดองกับตระกูลโจวเสีย แล้วบ้านหลังนี้ก็จะต้องตกเป็นของพวกหล่อน!
“ลูกจะต้องพยายามให้มากกว่านี้เข้าใจไหม? อีกอย่างลูกจะรับมือยังไง? หนุ่มคนนั้นทั้งหน้าตาดี ครอบครัวก็มีเงิน แถมบ้านยังอยู่ปักกิ่งด้วย ลูกอย่าคิดที่จะรับมือแบบคนอื่น ๆ สิ ไม่อย่างนั้นเกิดเขากลับปักกิ่งไปแล้ว แม่จะดูสิว่าลูกจะร้องไห้ไหม!” คุณแม่กัวพูดอย่างอารมณ์เสีย
พอกัวเมี่ยวจวินได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกร้อนรนขึ้นเล็กน้อย “แม่คะ เราไปนั่งเล่นบ้านยายเฒ่าเจียง แล้วก็สอบถามจากหล่อนดีไหมคะ?”
“ตอนนี้ยังไปถามไม่ได้หรอก รอลูกกับเขาคบหากันก่อน ถึงตอนนั้นค่อยพูดก็ยังไม่สาย ไปตอนนี้จะถามเรื่องอะไรได้?” คุณแม่กัวพูด
บ้านตระกูลเจียงจะทำให้เรื่องยิ่งแย่ลง เรื่องบ้านเมื่อก่อนหน้านี้ก็เป็นแบบนั้น หล่อนไม่คิดว่าจะปรองดองกับตระกูลโจวมาก่อน ทั้งยังคิดว่าจะเอาหลานสาวที่อยู่ไกลออกไปมาก่อกวนดีไหม?
ด้วยความคิดนี้ของคุณแม่กัว หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ หรือแม้กระทั่งบ้านตระกูลเจียงก็ไม่รู้ว่าสรุปแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ยายเฒ่าเจียงพบกับหล่อนมาแล้วสองสามรอบ และเห็นกัวเมี่ยวจวินแต่งเนื้อแต่งตัวออกมาอวดโฉม พอเจอหลินชิงเหอนางก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
หลินชิงเหอก็พูดขึ้นมาเช่นกัน “หรือว่าช่วงนี้บ้านกัวจะรวยขึ้นมากันคะ หน้าตาถึงได้สดใสมีชีวิตชีวาไม่เหมือนเดิม”
ไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด เมื่อวันก่อนยายเฒ่ากัวยังมองบนใส่เธอกับชิงไป๋อยู่เลย มาวันนี้กลับมีท่าทีอ่อนโยนลงเสียอย่างนั้น
เมื่อวานตอนเดินผ่านกัน นางถึงกับถามว่าเธออยากกินมะเขือเทศไหม?
หลินชิงเหอรู้สึกหวาดหวั่น แม้เธอจะชอบกินมะเทศเทศเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ แต่ตลอดมามักจะกินของที่เด็ดมาจากบ้านตระกูลเจียงเท่านั้น ของของบ้านนี้เธอไม่มีทางกินแน่นอน
แต่เรื่องราวต่าง ๆ มันทำให้คนรู้สึกคาดไม่ถึงจริง ๆ นั้นแหละ
คิดแล้วหลินชิงเหอก็ไม่เข้าใจจนไม่อยากจะคิดอีกแล้ว ก่อนเอ่ยขึ้นมาว่า “เมื่อเช้าชิงไป๋ซื้อปลาทะเลกลับมาไม่น้อย คุณป้ารอเอากลับไปสักสองสามตัวด้วยนะคะ”
“เธอเก็บไว้กินเถอะ เช้านี้ฉันซื้อมาแล้วตัวหนึ่ง พวกฉันสองคนกินกันแค่นี้ก็พอแล้ว” ยายเฒ่าเจียงพูด
หลินชิงเหอมองนางทำงานฝีมือแล้วพูด “คุณป้าคะ งานฝีมือแบบนี้ได้เงินไหมคะ?”
ที่ยายเฒ่าเจียงกำลังทำอยู่คือทอหมวก แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นการทอเช่นกัน นางใช้การสอดเข้ารูทีละรู อีกทั้งยังทำด้วยความเร็วที่เร็วมาก
แถมยายเฒ่าเจียงที่อายุ 50 ปีแล้วยังสามารถทอหมวกใบหนึ่งเสร็จภายใน 1 วันได้
ยายเฒ่าเจียงหัวเราะแล้วพูด “ฉันอยู่ว่าง ๆ น่ะก็เลยไปเอากลับมาทำที่บ้าน ไม่ถือว่ามีรายได้มากมายอะไร หนึ่งเดือนได้สิบกว่าหยวนเอง แต่ก็พอกับค่าใช้จ่ายแล้วล่ะ”
แน่นอนว่าลูกชายของนางก็ได้ให้เงินไว้ให้สองสามีภรรยาใช้เช่นกัน แต่ว่าในแต่ละเดือนพวกเขาใช้เงินกันน้อยมาก หลังบ้านของตัวเองก็มีแปลงผักอยู่แล้ว มีแค่บางครั้งที่จะไปซื้อไข่ซื้อปลามากินบ้าง
แต่ที่สำคัญคือพวกเขาอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ต้องหาอะไรทำ พอมีอะไรให้ทำแล้วก็รู้สึกดี ต่อให้ไม่ได้เงินเลยก็ตาม
หลินชิงเหอพยักหน้าแล้วจึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
“ฉันได้ยินเสี่ยวเกิงพูดว่าจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ปักกิ่งสินะ เจ้าเด็กดื้อคนนี้น่าจะชอบตอนที่ไปครั้งที่แล้วแน่เลย ถ้าได้ไปจริง ๆ ล่ะก็ ชิงเหออย่าถือสาเขาเลยนะ อะไรที่ควรสั่งสอนได้ก็สั่งสอนเขาด้วย” ยายเฒ่าเจียงพูด
“เสี่ยวเกิงเป็นเด็กนิสัยเปิดเผยจริงใจ ต่อไปเขาจะต้องมีอนาคตแน่ค่ะ คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงเขานะคะ” หลินชิงเหอพูด
ยายเฒ่าเจียงยิ้มแล้วพูด “ฉันก็จะเคยเฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ แค่เขาเหมือนกับพี่รองกับพี่สามเขาได้ ฉันก็ไม่เป็นห่วงเขาแล้วล่ะจ้ะ”
โจวเฉวี่ยนที่ถูกพูดถึงก็กลับมาจากข้างนอกพอดี ทั้งยังพาเสี่ยวเกิงมาด้วย พวกเขาเพิ่งไปเล่นบาสเกตบอลกันมา พอกลับมาถึงเหงื่อก็เกือบจะแห้งหมดแล้ว
“ไม่ต้องมาหาแม่ ตัวมีแต่กลิ่นเหงื่อ ลูกรีบไปอาบน้ำไป” หลินชิงเหอพอเห็นเจ้ารองกำลังเดินมาหา ก็รีบไล่ทันที
โจวเฉวี่ยนจนปัญญา หันไปมองเจียงเกิงแล้วพูด “อีกเดี๋ยวนายก็ต้องไปอาบน้ำเหมือนกัน”
“พี่รองไปอาบก่อนเลย” เจียงเกิงพยักหน้า
“พี่รองของลูกเล่นบาสเป็นยังไงบ้าง” หลินชิงเหอยิ้มแล้วพูด
“เล่นเก่งมากครับ” เจียงเกิงพูดอย่างนับถือไม่ว่าจะโจวเฉวี่ยนหรือว่าโจวกุยหลาย พี่สามโจวกุยหลายนั้นเขาไม่นับเพราะแค่เห็นเขาก็ดูแล้วว่าอีกฝ่ายเก่งเรื่องกีฬาอะไรประเภทนั้น แต่เขาคิดไม่ถึงว่าพี่รองที่ดูเป็นหนุ่มนักวิชาการผู้เรียบร้อยจะเล่นบาสเกตบอลได้เก่งขนาดนี้เช่นเดียวกัน
“ที่สนามมีสาว ๆ มายืนดูไม่น้อยเลยครับ พวกหล่อนต่างก็พากันมาดูพี่รองเท่านั้น ยังมีคุณลุงคุณป้ามาถามด้วยนะรับว่าพี่รองเป็นลูกบ้านไหน” เจียงเกิงพูดถึงตรงนี้แล้วก็หัวเราะ
ก่อนหน้านี้ตอนที่พี่สามมาก็มีคนมาถามเหมือนกัน แต่พี่สามของเขากลับตอกกลับไปว่า ‘คุณลุงอดทนก่อนนะครับ ผมเพิ่งจะสิบเจ็ด เพิ่งจะเข้าเรียนเอง!’
ทำเอาคุณลุงคนนั้นขำไม่หยุด บอกว่าเพิ่งเข้าเรียนก็ไม่เป็นไร อยากจะเจอหลานสาวเขาหน่อยไหม ตกลงกันไว้ก่อนเรียนจบค่อยว่ากันอีกที?
พอถึงคราวพี่รองของเขา พี่รองกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด เขาเพียงจดจ่ออยู่กับการเล่นบาสเกตบอล พอเล่นเสร็จก็กลับ เย็นชาสุด ๆ
หลินชิงเหอหัวเราะ “ฉันยังดูถูกเขาได้อยู่นะ”
“ชายหนุ่มแบบนี้บ้านไหนที่มีลูกสาวอายุสมควรจะออกเรือนแล้วต่างหันมามองกันทั้งนั้นแหละจ๊ะ ถ้าบ้านฉันมีบ้าง ฉันก็คงอยากลองดูว่าจะมีโอกาสได้ดองเป็นญาติกันไหมเหมือนกัน” ยายเฒ่าเจียงหัวเราะแล้วพูด
“คุณป้าอย่าพูดเล่นสิคะ” หลินชิงเหอขำ
ไม่นานโจวเฉวี่ยนก็อาบน้ำเสร็จกลับมาพร้อมกับร่างกายสะอาดสะอ้าน ดูแล้วเขาก็เป็นหนุ่มหล่อจริง ๆ นั้นแหละ ไม่ว่าจะส่วนสูงหน้าตา เทียบกับดาราในโทรทัศน์ได้เลย
สามพี่น้องตระกูลโจวมีทั้งรูปร่างและหน้าตาครบทุกอย่าง
พอเจียงเกิงเห็นเขาอาบน้ำเสร็จแล้วตัวเองก็ไปอาบบ้าง เขามีเสื้อผ้าอยู่ที่นี่ด้วย เพราะว่าช่วงนี้เขาขยันตั้งใจเรียนมาก จึงเอามาเผื่อไว้ที่นี่
เพราะเขาทั้งมาเรียนมากินข้าวที่นี่ แม้ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่บุญธรรม แต่เซวียเหม่ยลี่ก็จะให้เขาเอาผลไม้มาด้วยทุกครั้ง
ตระกูลโจวไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย แต่หล่อนก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
ตอนที่ยายเฒ่าเจียงกับเจียงเกิงอยู่ โจวเฉวี่ยนไม่ได้พูดมากอะไร พอพวกเขาย่าหลานกลับไปแล้ว โจวเฉวี่ยนจึงถามแม่ของเขาขึ้นมา “ม้าครับ ป๊าผมไปไหนเหรอ ทำไมผมเห็นป๊าดูยุ่ง ๆ แบบนี้?”
เขาเห็นพ่อของเขาขับรถออกจากบ้านไปทุกวัน
…………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจ้ารองเสป็คสูงนะ แฟนคลับเพียบด้วย บ้านกัวไหวเหรอ
พ่อคงไปซื้อที่ให้ลูกสาวอีกล่ะมั้งคะเนี่ย ดูทรงแล้วน่าจะใช่
ไหหม่า(海馬)