ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 589 ซื่อนีผู้รู้สึกต่ำต้อย
บทที่ 589 ซื่อนีผู้รู้สึกต่ำต้อย
หลินชิงเหอดูออกว่าเวิงกั๋วต้งเขาจริงจังมากเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรจะว่าในจุดนี้ได้
หลังจากเวิงกั๋วต้งกับโจวซื่อนีตื่นขึ้นมาจากการงีบพักแล้ว ทั้งคู่ก็เริ่มเตรียมอาหารเย็นกัน
โจวชิงไป๋พาเวิงกั๋วต้งทำกับข้าวด้วยกัน และให้โจวซื่อนีอยู่เป็นเพื่อนคุยกับอาสะใภ้สี่ของหล่อน
หลินชิงเหอไม่ได้รีบพูดเรื่องเวิงกั๋วต้งเช่นกัน รอให้เวิงกั๋วต้งกลับไปแล้วเธอค่อยพูดก็ยังไม่สาย
“อาสะใภ้สี่คะ รถยนต์คันนั้นซื้อที่นี่เหรอคะ?” โจวซื่อนีถาม
“จ๊ะ อาสี่ของเธอชอบหาเรื่อง อาจะว่าอะไรเขาก็ไม่ได้ จากที่นี่ไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้ไกลอะไรเลย” หลินชิงเหอพูด
โจวซื่อนียิ้มขำ “ก็อาสี่เขาเป็นห่วงอาสะใภ้สี่นี่ค่ะ” หลังจากนั้นหล่อนก็เอาขาของอาสะใภ้สี่ยกขึ้นมา “เดี๋ยวหนูนวดให้อาเองค่ะ อากำลังท้องอยู่คงรู้สึกไม่สบายเท่าไหร่”
หล่อนเคยนวดให้พี่สาวใหญ่ แล้วก็พี่สาวรองของหล่อนมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาหากจะนวดให้อาสะใภ้สี่ของหล่อนด้วย
“เดี๋ยวกั๋วต้งมาเห็นแล้ว เขาคงจะทำใจไม่ได้แน่” หลินชิงเหอพูด
“เขาจะไปเข้าใจอะไรพวกนี้คะ” โจวซื่อนีส่ายหน้าพูด
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ถ้าอารู้สึกไม่สบายก็ให้อาสี่ของเธอช่วยก็พอ เป็นเธอซะอีกที่รอบนี้ต้องลาหยุดเรียนภาคค่ำยาว ๆ อีกแล้ว” หลินชิงเหอพูด
“หนูเอาหนังสือมาอ่านด้วยค่ะ ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจไว้หนูจะถามอาสะใภ้สี่ได้” โจวซื่อนีพูดอย่างไม่ใส่ใจ
หลินชิงเหอพยักหน้า โจวซื่อนีจึงพูดขึ้น “แถวนี้มีตู้โทรศัพท์สาธารณะไหมคะ? หนูจะโทรกลับไปหาที่บ้านน่ะค่ะ เพิ่งนึกขึ้นได้”
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะ ตอนที่เธอนอนหลับอยู่ คุณอาสี่ของเธอโทรกลับไปแล้ว” หลินชิงเหอพูด
โจวซื่อนีพูด “คุณปู่คุณย่าแล้วก็คุณตาหวังคิดถึงกันหมดเลยค่ะ เมื่อวันก่อนนี้คุณย่ายังจะฆ่าไก่ด้วยตัวหนึ่ง แต่ว่าถูกคุณปู่หยุดเอาไว้ก่อน กลัวว่าเอามาที่นี่แล้วมันจะเสียก่อน และอีกอย่างที่นี่ก็ใช่ว่าจะไม่มีด้วย”
หลินชิงเหอยิ้ม “คุณย่าของเธอมีน้ำใจแล้ว” แม้ว่าแม่สามีของเธอคนนี้จะเป็นคนจู้จี้จุกจิก แต่นางก็ไม่แย่อะไรขนาดนั้น ทั้งยังคิดถึงเธอด้วย
โจวซื่อนีลุกขึ้นเดินไปหยิบเงินแล้วพูด “คุณย่าให้เงินหนูมา 200 หยวน บอกให้หนูเอามาให้คุณอาสะใภ้สี่ค่ะ”
หลินชิงเหอยิ้มแล้วพูด “ทางนี้ยังจะขาดแคลนเงินทองอะไรอีกล่ะจ๊ะ”
“คุณย่าบอกว่าท่านเป็นแม่สามีแต่กลับไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยสักนิดเดียว ท่านรู้สึกไม่ดีน่ะค่ะ เลยมอบเงินนี้มาให้อาสะใภ้สี่เอาไว้ซื้อของกินดี ๆ” โจวซื่อนีพูด
หลินชิงเหอพยักหน้า แล้วก็รีบเงินนั้นมา
คุณลุงหวังก็ให้มาแล้ว 1,000 หยวน แม่สามีเธอให้มาอีก 200 หยวน ซึ่งเธอก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงินแต่อย่างใด ทั้งหมดนี้เป็นความตั้งใจจริง ๆ ของผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นคุณลุงหวังยังให้มาเยอะเกินไปแล้วด้วยซ้ำ เงิน 200 หยวนที่แม่สามีเธอให้ก็คงไม่ได้เอาออกมาใช้อะไรแล้ว
“แล้วช่วงนี้ไม่มีเรื่องอะไรอื่นเลยเหรอจ๊ะ” หลินชิงเหอถาม
“ไม่มีเรื่องอะไรค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี” โจวซื่อนีพูด
หลินชิงเหอพูด “สองมังกรหงส์กับพ่างพ่างของซานนีล่ะ?”
“เลี้ยงไม่ง่ายเลยค่ะ ทำของพังไปทั่วเลยค่ะ” โจวซื่อนีส่ายหน้าเผลอยิ้มออกมา
พ่างพ่างของซานนีตอนนี้อายุ 1 ขวบปีแล้ว ฝาแฝดสองคนอายุน้อยกว่าหน่อย แต่ก็ไม่ห่างกันมาก ตอนนี้ก็ประมาณ 11 เดือนแล้ว แต่กลับซนปีนป่ายไปทั่ว อย่างที่พอเผลอมองคนหนึ่งแป๊บเดียวอีกคนก็ปีนหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ทำให้ต้องค่อยดูเอาไว้ตลอด
หลินชิงเหอสามารถนึกภาพนั้นในหัวได้ ได้ฝาแฝดก็เป็นเรื่องดี แต่ความลำบากก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเช่นกัน
เพราะเด็กในตอนนี้เทียบกับเด็กเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว
เด็กที่เกิดในตอนนี้ก็เป็นปลายปี 80 แล้ว ลูกทั้งสามคนของเธออยู่ในยุคของปี 60 ตอนปลายกันหมด
ต่างกันประมาณ 1 รุ่น
ไม่นาน โจวชิงไป๋ก็พาเวิงกั๋วต้งทำกับข้าวจนเสร็จ เขาเมินเฉยเวิงกั๋วต้งที่ทำอาหารอะไรไม่เป็นสักอย่าง
เดิมทีเขาไม่สนใจอยู่แล้ว เมื่อก่อนเขาก็ทำได้เพียงห่อเกี๊ยวเหมือนกัน หลังจากมาที่ปักกิ่งทำให้เขาต้องฝึกฝนทำอาหารโดยไม่มีอาจารย์สอน แค่ตัวเองสามารถทำอาหารได้ก็พอ
“ฉันได้ยินว่าเธอย้ายมาอยู่ตัวคนเดียวแล้วเหรอ?” บนโต๊ะอาหาร โจวชิงไป๋คีบปลาหนึ่งชิ้นให้ภรรยาเขา แล้วก็พูดกับเวิงกั๋วต้งไปด้วย
“ครับ” เวิงกั๋วต้งพยักหน้า
“ถ้าแต่งงานไปแล้วมีบ้านจัดสรรหรือเปล่า?” โจวชิงไป๋ถาม เขามองความสัมพันธ์ของทั้งสอง แล้วก็คิดว่าน่าจะสำเร็จได้ เขาก็เหมือนผู้ใหญ่ถามคำถามที่ควรจะถามคนหนึ่งเช่นกัน
“ในอนาคตจะมีการจัดสรรบ้านให้อยู่แล้วครับ แต่ผมมีค่าเปลี่ยนตำแหน่ง แล้วก็มีเงินเดือนเหมือนกัน ผมจะลองดูว่าถ้ามีบ้านดี ๆ ก็จะซื้อเก็บเอาไว้” เวิงกั๋วต้งพูด
ตอนนี้เขาเป็นหนุ่มโสดอยู่ ทางหน่วยงานจึงไม่ได้จัดสรรบ้านไว้ให้เขา แต่ถ้าแต่งงานไปแล้ว ก็ไม่แน่ว่าทางหน่วยงานจะจัดสรรบ้านให้ได้ และอาจจะได้ไม่ดีก็เป็นไปได้ไม่น้อย
ดังนั้นเขาจึงมีแนวโน้มว่าจะซื้อเองสักหลัง
โจวชิงไป๋จึงพยักหน้า สำหรับเรื่องพวกจะแต่งงานกันเมื่อใดอะไรนั่น เขาไม่จำเป็นต้องถามแล้ว
เขาอยู่ที่นี่ 3 วัน หลังจากนั้นจึงจะนั่งรถไฟกลับไป
โจวชิงไป๋ขับรถมาส่งเขาที่สถานีรถไฟ หลินชิงเหออยู่ที่บ้านกับโจวซื่อนีก็ถามถึงเวิงกั๋วต้ง เธออยากจะถามว่าโจวซื่อนีคิดอย่างไร
โจวซื่อนีรู้สึกกระอักระอวนเล็กน้อยพูด “อาสะใภ้สี่คะ ที่จริงหนูก็คิดไม่ต่างจากอาเลยค่ะ หนูคิดว่าหนูกับเขาคุยกันไม่ได้หรอก เพราะเขามีการศึกษาสูงถึงเพียงนั้น หนูเพิ่งจะเรียนกี่ปีเอง? อีกทั้งหนูเกิดและโตในชนบท เทียบกับเขาที่เป็นผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างนั้นแล้วพวกเราต่างกันเกินไปจริง ๆ ค่ะ”
“แต่ท่าทางของผู้ชายสมบูรณ์แบบคนนั้นเป็นอย่างไร? เขาเดินทางมาหลายพันลี้เพื่อมาส่งด้วยตัวเอง จนหายห่วงแล้วถึงกลับไปทำงานเลยนะ” หลินชิงเหอพูดยิ้ม
โจวซื่อนีพูด “เขาหมายถึงอะไรหนูรู้ค่ะ แต่หนูรู้สึกว่าพวกเราสองคนยังต้องคบกันต่อไปอีกหน่อยเท่านั้น อีกทั้งครอบครัวของหนูก็ยังไม่เคยเจอเขา บางทีอาจจะไม่ชอบเขาก็ได้?”
หากบอกว่าหล่อนไม่รู้สึกอะไรกับเวิงกั๋วต้งเลยก็คงจะไม่ใช่ หล่อนรู้สึกดีกับเขาเช่นกัน แต่ก็จำกัดแค่ความรู้สึกดีกับเขาเท่านั้น เขาเป็นผู้ชายที่มั่นคงหนักแน่น แล้วหล่อนจะไม่รู้สึกดีกับเขาได้ยังไง?
แต่ถ้าแต่งงานกับเขาล่ะก็ โจวซื่อนีกลับกลัวว่าเขาจะรู้สึกเสียใจภายหลัง เพราะหลังจากแต่งงานกันไปแล้วบางทีอาจจะเกิดเรื่องบางอย่าง ที่ทำให้เขาคิดว่าหล่อนไม่ได้ดีขนาดนั้น
หรือจะให้พูดก็คือ โจวซื่อนีรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเองนั่นเอง
เพราะความรู้สึกต่ำต้อยในตัวเอง ดังนั้นหล่อนจึงต้องปกป้องตัวเองเอาไว้
หลินชิงเหอเข้าใจเรื่องนี้จึงพูดออกมา “ไม่ต้องกังวลหรอกจ้ะ เธอลองดูพี่สาวรองกับสามีของพี่สาวรองเธอสิ พวกเขาสองคนต่างกันมากเลยเห็นไหม? กระทั่งแม่สามีของหล่อนยังไม่ชอบพี่สาวเธอเลย แต่ตอนนี้พี่สาวของเธอยังอยู่กับสามีจนมีสมาชิกในครอบครัวกัน 4 คนได้ แล้วเธอเห็นว่าพวกเขามีความสุขดีไหมล่ะจ๊ะ?”
“พี่สาวของฉันเป็นคนฉลาด อีกทั้งยังสวยด้วย” โจวซื่อนียิ้มพูด
“อาไม่ได้จะพูดอย่างนี้ พี่สาวรองของเธอน่ะเป็นคนฉลาด เธอก็ไม่ต่างกันเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นแม่ของเขาจะพูดถึงเธอกับอาตั้งหลายรอบทำไม? อีกทั้งเธอยังเป็นคนที่ดูแลบ้านเรือนเป็นอย่างดี และกั๋วต้งเขาก็ต้องการคนที่สามารถดูแลบ้านได้เป็นอย่างดีอย่างเธอด้วย ดังนั้นเธอลองเปิดใจให้เขาเถอะนะ ถ้าเขาไม่ดีจริงผู้หลักผู้ใหญ่ก็คงไม่พูดแบบนี้กันหรอกจ้ะ” หลินชิงเหอพูด
เวิงกั๋วต้งและตระกูลเวิงนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่งเข้าครอบครัวแบบนั้นขอเพียงตัวเองไม่ทำอะไรแย่ ๆ ย่อมไม่มีทางลำบาก
โจวซื่อนียิ้ม “หนูต้องเชื่อสายตาของอาสี่กับอาสะใภ้สี่อยู่แล้วค่ะ”
“ปลายปีนี้ก็พากั๋วต้งไปที่บ้านดูนะ ให้พ่อกับแม่ของเธอดูว่าเป็นอย่างไร?” หลินชิงเหอมองหล่อนแล้วพูด
โจวซื่อนีส่ายหน้า “ถึงตอนนั้นน้องสาวคนนี้ของหนูก็ยังเล็กอยู่เลย คงไม่มีเวลาว่างหรอกค่ะ”
“ถึงตอนนั้นเจ้ารองกับเจ้าสามก็ปิดเทอมแล้วล่ะจ้ะ เธอพากั๋วต้งกลับไปเถอะ น้องสาวของเธอไม่ต้องให้เธอเป็นห่วงหรอก” หลินชิงเหอพูด
โจวซื่อนีได้ยินจึงพยักหน้าอย่างลังเล
ในใจก็คิดว่าถ้าได้กลับไปก็คงจะดีเหมือนกัน ถ้าเขาได้ไปเห็นแล้วบางทีเขาอาจจะรู้ว่าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่เขาอยากแต่งด้วยก็ได้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ซี่อนีลองเปิดใจหน่อยนะคะ ถ้าฝ่ายชายเขาไม่รักจริงคงไม่เป็นห่วงตามมาส่งข้ามมณฑลกันแบบนี้หรอกค่ะ
ไหหม่า(海馬)