ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 615 ปีที่งดงาม
บทที่ 615 ปีที่งดงาม
ปีนี้กิจการร้านอาหารทะเลแห้งนับว่าดีมาก และยังดีกว่าปีที่แล้วมาก ๆ ด้วย
โจวกุยหลาย โจวเฉวี่ยนสองพี่น้องที่มาช่วยงานในร้านตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงได้กลับมากินข้าวเที่ยงกัน แล้วเจ้าสามก็พูดขึ้น “ม้าครับ พ้นปีนี้ไปแล้วพวกเราควรไปหาร้านผลิตกล่องของขวัญโดยเฉพาะเถอะครับ ใส่ถุงแบบนี้ดูไม่ค่อยมีระดับเลย”
“เอาสิ ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปก็ไปสั่งมาล็อตหนึ่ง ม้าให้ลูกเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้นะ” หลินชิงเหอพูด
“ให้พี่รองไปหาเถอะครับ” โจวกุยหลายทำท่าอิดออด
“ในเมื่อลูกอยากทำธุรกิจ เรื่องพวกนี้ลูกก็ควรเรียนรู้เอาไว้ พี่รองของลูกไม่ได้มาทางนี้เสียหน่อย” หลินชิงเหอพูด
โจวกุยหลายพูดไม่ออกทำได้เพียงน้อมรับแล้ว
กิจการทุกอย่างมีเพียงร้านเครื่องดื่ม แล้วก็ร้านอาหารทะเลแห้งร้านนี้ที่ยังเปิดอยู่ ร้านอื่นนั้นพวกเขาปิดไปหมดแล้ว
ตอนไหนควรหยุดก็หยุด ควรให้เงินเพิ่มก็ให้เพิ่ม ในเมื่อทำงานยุ่งมาตลอดจนถึงวันที่สามสิบก็ควรพอได้แล้ว
ตอนเช้ายังมีร้านเปิดอยู่บ้าง แต่พอผ่านเที่ยงวันไปแล้ว ปกติก็จะไม่มีร้านไหนเปิดกันเลย
ดังนั้นหลี่อ้ายกั๋วกับโจวซานนีจึงจัดการเก็บกวาดร้าน แล้วพาพั่งพั่งลูกชายของพวกเขามาทานอาหารฉลองปีใหม่ที่บ้านของท่านพ่อท่านแม่โจว
ปีนี้เวิงกั๋วต้งกับโจวซื่อนีกลับไปชนบทกัน ในบ้านจึงเหลือแค่คุณพ่อคุณแม่เวิงแล้วก็เวิงเหม่ยเจี่ย แน่นอนว่าพวกเขาต้องมากินอาหารพร้อมกันที่นี่อยู่แล้ว
ยิ่งคนเยอะบรรยากาศก็ยิ่งสนุกสนาน โดยพวกเขามากินข้าวกันที่ร้านเกี๊ยวแห่งนี้
พร้อมกันนั้นก็ส่งเจ้ารองไปกินข้าวที่บ้านคุณปู่คุณย่าของเขา ในฐานะตัวแทนของบ้านทางนี้
“ปีที่แล้วฉันก็มาฉลองปีใหม่ที่นี่ ปีนี้ก็ยังเป็นที่นี่อีกแล้ว ทำฉันประหยัดหมดแล้วค่ะ” คุณแม่เวิงดื่มน้ำพลางเอ่ยยิ้มแย้ม
“ฉันอยากให้ทุก ๆ ปีเป็นแบบนี้จังค่ะ แบบนี้สนุกกว่าเยอะพี่ว่าไหมคะ?” หลินชิงเหอพูด
“ถ้าได้ล่ะก็ ฉันก็อยากเหมือนกันจ้ะ” คุณแม่เวิงพูดอย่างมีความสุข
“คำพูดของคุณป้าเวิงเนี่ย ขอเพียงคุณป้าต้องการ ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ” โจวกุยหลายดื่มเหล้าเป๊กหนึ่งก่อนกระแทกแก้วลงแล้วพูดอย่างพึงพอใจ
สิ้นปีนี้เขาก็อายุ 18 ปีแล้ว หลินชิงเหอจึงไม่ขวางเขาแล้วเช่นกัน ให้เขาดื่มสักหน่อยก็คงจะได้ เนื่องจากต่อไปพอทำธุรกิจแล้วเขาจะต้องเข้าสังคมอีกเยอะ ชนแก้วสานสัมพันธ์ทางธุรกิจอีกไม่น้อย
“เจ้าสาม เธออย่าดื่มเยอะเกินไปนักนะ” คุณแม่เวิงยิ้ม
“ผมไม่ดื่มเยอะอยู่แล้วครับ แต่คุณลุงคุณป้าเวิง ผมขอดื่มคารวะพวกคุณเป๊กหนึ่งนะครับ ขอให้พวกคุณสมดั่งหวัง ยิ่งอยู่ยิ่งเด็ก” โจวกุยหลายพูด
คุณพ่อเวิงยิ้มและชนแก้วกับเขา “ฉันก็ขอให้เธอหาแฟนให้ได้เร็ว ๆ เช่นกัน”
คุณแม่เวิงดื่มน้ำแทน และแสดงคำอวยคำเล็กน้อยเช่นกัน ก่อนจะยิ้มแล้วดื่มตาม
โจวข่ายพูดขึ้น “ป๊าครับ ถ้าเจ้าสามเรียนจบแล้ว งั้นก็ให้เขาออกไปทำธุรกิจของตัวเอง ให้เขาฝึกฝนเยอะ ๆ เป็นไงครับ”
“แน่นอนอยู่แล้ว รอผมเรียนจบ พี่ใหญ่ไม่ต้องบอกผมก็จะไปฝึกฝนด้วยตัวเองอยู่พอดี” โจวกุยหลายพูด
“ต่อไปเจ้าสามอยากทำงานอะไรเหรอ?” คุณพ่อเวิงถาม
“ผมอยากเปิดโรงงานเกี๊ยวครับ” โจวกุยหลายพูด
“โรงงานเกี๊ยวอย่างนั้นเหรอ? น่าจะมีธุรกิจนี้อยู่แล้วนะ และก็ไม่ได้แปลกอะไรด้วย” คุณแม่เวิงอดพูดไม่ได้
“ครับไม่แปลก ดังนั้นมันจึงทำไม่ง่ายเลย ต้องค่อย ๆ วางแผน ผมก็คิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ ต้องดูว่าต่อไปจะมีแผนการไหนที่เหมาะกว่านี้หรือเปล่า ทั้งหมดนี้ผมยังไม่แน่ใจเลย” โจวกุยหลายพูดโม้
“ฉันว่าทำร้านเสื้อผ้าก็ดีนะ ทำไมถึงไม่ทำอันนี้ล่ะ?” คุณแม่เวิงพูด
“กำไรของคุณป้าเวิงปีนี้เป็นอย่างไรบ้างเหรอครับ?” โจวกุยหลายพูดยิ้ม ๆ
คุณแม่เวิงยิ้มเช่นกัน “ไม่เลวเลยล่ะ แต่ฉันก็มีแค่ร้านเดียวนี้แหละจ๊ะ สู้แม่ของเธอที่มีตั้งกี่ร้านนั้นไม่ได้หรอก”
“ทำเหมือนกันก็ไม่ดีอีกเหมือนกันครับ ไม่เพียงจะรายได้ไม่ดีแล้ว แรงกดดันก็มาก ดังนั้นต้องพัฒนากิจการอีกหลาย ๆ อย่างด้วย ถึงอันนี้ไม่ดีก็ยังมีอีกหนึ่งหรือสองทางเลือก เราจึงจะสามารถประคองกิจการไว้ได้” โจวกุยหลายพูด
คำพูดนี้ทำให้หลินชิงเหอถึงกับหันไปมองทางเจ้าสามอย่างแปลกใจ
เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความคิดถึงขนาดนี้ ทั้งยังมองการณ์ไกลเสียด้วย
“อย่าฟังเขาคุยโม้เลยครับ กินเยอะ ๆ นะครับ” โจวชิงไป๋ที่อุ้มลูกสาวในอ้อมแขน ทักทายคุณพ่อคุณแม่เวิง
คุณพ่อเวิงยิ้มแล้วชนแก้วเขาหนึ่งแก้ว
พวกเขากินอาหารมื้อนี้กันอย่างอิ่มหนำสำราญ กินไปได้ครึ่งทางเจ้ารองก็กลับมาและมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน
ครอบครัวใหญ่นั่งกินข้าวฉลองปีใหม่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
หลังกินเสร็จโจวข่ายก็พาเวิงเหม่ยเจี่ยออกไปเดินเล่นแล้ว โดยมีโจวเฉวี่ยน โจวกุยหลายช่วยกันเก็บกวาดกันสองคน หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋พาคุณพ่อคุณแม่เวิงมาดื่มชาดูพิธีฉลองปีใหม่ด้วยกันที่บ้าน
คุณแม่เวิงรับมี่มี่มาอุ้มแล้วพูดขึ้น “เดิมทีฉันคิดว่าคนอายุใกล้สี่สิบคลอดลูกแล้วความกดดันต้องไม่น้อยแน่ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้การมีลูกสาวก็ดีเหมือนกันนะคะ”
“จะว่าดีก็ดีหรอกค่ะ แต่นี่ก็เป็นความรับผิดชอบที่ไม่เล็กอย่างหนึ่ง คนอื่นสามารถบินออกจากรังได้แล้ว เด็กคนนี้เพิ่งฟักออกมาจากไข่เอง” หลินชิงเหอพูด
คุณแม่เวิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้อะไรก็มีพร้อมหมดแล้ว ยุคสมัยก็เปิดกว้างแล้วเช่นกัน คงไม่น่าเลี้ยงยากอะไรนักหรอก ไม่อย่างนั้นก็หาพี่เลี้ยงไว้ก็ดีเหมือนกัน ที่บ้านฉันมีรับจ้างเป็นพี่เลี้ยงอยู่คน เดือนละ 60 หยวน สามารถทำงานบ้านอะไรได้หมดเลย”
“ให้ชิงไป๋เขาเป็นคนทำดีกว่าค่ะ เขายินดีทำมาก” หลินชิงเหอยิ้มพลางตอบกลับ
โจวชิงไป๋พูด “เลี้ยงไม่ยากเหมือนกันครับ ถ้างานไม่ยุ่งอะไร ผมดูให้ก็พอ”
อีกอย่างเขาไม่วางใจให้พี่เลี้ยงมาเลี้ยงลูกตัวเอง และเขาก็ไม่ได้งานยุ่งอะไรมาก รอเข้าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าแล้ว ถึงตอนนั้นลูกสาวเขาก็คงจะโตแล้วรู้ความมากกว่านี้
ไม่นานโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายก็กลับมาแล้ว หลี่อ้ายกั๋วกับโจวซานนียังพาพั่งพั่งมานั่งเล่นที่นี่อีกด้วย
เพราะว่าพรุ่งร้านยังคงต้องเปิดต่อไป ดังนั้นยากจะมีเวลามาที่นี่สักที
“พั่งพั่งถูกพี่ซานนีให้กินตามใจเกินไปแล้วนะครับ” โจวกุยหลายรับพั่งพั่งมาอุ้มแล้วพูด
พั่งพั่งที่ตัวอ้วนกลมดูน่ารักมาก หลี่อ้ายกั๋วจึงรักเจ้าลูกชายคนมาก เขายิ้มขณะพูด “กินจุมากเลยล่ะ พอจะให้กินน้อยลงเขาก็ไม่ยอม”
“รอ 3 ขวบแล้วก็สามารถส่งไปเรียนอนุบาลได้แล้วล่ะ” หลินชิงเหอพูด
“ 3 ขวบไม่เด็กเกินไปเหรอคะ?” โจวซานนีถาม
“ไม่ถือว่าเล็กแล้ว แต่เธอจะส่งไปตอน 4 ขวบก็ได้ อย่าเกิน 5 ขวบก็พอ” หลินชิงเหอพูด
“ค่ะ งั้นรอ 4 ขวบหนูค่อยส่งเขาไป ขอเลี้ยงเขาอีก 2 ปี” โจวซานนียิ้ม
พอคลอดลูกแล้วเธอถึงจะรู้ว่าอะไรคือชีวิตคน มีความห่วงใยมีความเฝ้ารอ แต่ละวันรู้สึกมีพลังมาก
รอใช้หนี้ให้อาสะใภ้สี่ของหล่อนก่อน ถึงตอนนั้นหล่อนกับหลี่อ้ายกั๋วคงสามารถลองทำกิจการของตัวเองดูเพื่อให้รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร
พวกเขาอยู่จนถึงสามทุ่มกว่า โจวเฉวี่ยนจึงขับรถไปส่งพวกเขากลับบ้านไป
หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋เตรียมตัวเข้านอนแล้ว
“ชิงไป๋ ครอบครัวพวกเรานับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ คุณมีอะไรอยากจะพูดไหมคะ?” หลินชิงเหอพูด
“ได้แต่งงานกับภรรยาดี ๆ ทำให้ผมมีความสุขไปสามช่วงชีวิตเลย” โจวชิงไป๋พูด
หลินชิงเหอมองค้อนเขาปะหลับปะเหลือก “ปากหวานจริงนะคะ อย่านึกว่าทำให้ฉันดีใจแล้วจะมีประโยชน์ คืนนี้นอนห่าง ๆ ฉันเลย”
“ผมนอนห่างคุณไม่ได้หรอกนะ พวกเรานอนเตียงเดียวกันนี่” โจวชิงไป๋วางลูกสาวไว้บนเปลเด็กที่สั่งทำให้เธอ ก่อนจะเริ่มถอดเสื้อผ้า
สักพักเขาก็รั้งภรรยามาไว้ในอ้อมแขน หลินชิงเหอกระทุ้งเขาเบา ๆ “แก่แล้วไม่เจียม”
โจวชิงไป๋หัวเราะก่อนที่เขาจะนอนกอดภรรยาแล้วนอนหลับไป
ปี 1985 ก็ผ่านไปอย่างงดงามเช่นนี้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชีวิตแต่ละคนเป็นไปในทางที่ดี น่าชื่นใจจริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะพ่อ ถ้าไม่ได้แม่มาอยู่คงจะจบแบบในนิยายต้นฉบับแน่
ไหหม่า(海馬)