ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 626 บ้านแตกสาแหรกขาด
บทที่ 626 บ้านแตกสาแหรกขาด
หลินชิงเหอมองท่าทางนั้นของเขาแล้วก็เกือบกลั้นขำแทบไม่อยู่
ท่าทางเหมือนกลัวเธอจะกินหัวเขานั่นมันหมายความว่าอะไรกัน
“ลองว่ามาก็ได้ค่ะ” หลินชิงเหอพูด
แม้ว่าจะเป็นเรื่องของครอบครัวอื่น แต่ก็สามารถนำมาเป็นบทเรียนในครอบครัวตนเองได้
“ผมได้ยินมาจากคำพูดของคุณแม่ ต้นตอเป็นยังไงผมก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ภรรยาของพี่ชายต้าหลินคนนี้ไม่ค่อยดูแลครอบครัว พี่ชายของเขาจึงออกไปหาภรรยาใหม่จากข้างนอกคนหนึ่ง” โจวชิงไป๋มองภรรยาเขาแล้วพูด
“หลังจากนั้นล่ะคะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
“ก็ไม่ยอมใช้ชีวิตอย่างปกติสุข อยู่ดีไม่ว่าดียังดันทุรังหาเรื่องเข้าจนได้” โจวชิงไป๋พูดไปในทิศทางเดียวกัน
ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาเป็นแม่ลูกกัน ความคิดความอ่านเหมือนกันอย่างกับแกะ
ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ ตอนนี้เฟื่องฟูขึ้นมาได้แล้ว แล้วทีนี้ชีวิตคู่ของสองสามีภรรยาจะยังมีอยู่หรือไม่?
ไก่บินหายไป ไข่แตกเสียหาย [1] ไก่บินเตลิดสุนัขวิ่งพล่าน [2] ไม่เรียกว่าอยู่ดีไม่ว่าดียังดันทุรังหาเรื่องแล้วจะให้เรียกว่าอะไร?
“กว่าครอบครัวเราจะมีอย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมจะทะนุถนอมมันเอาไว้ ใครกล้ามาทำลายครอบครัวเราผมไม่ยอมแน่” โจวชิงไป๋พูด
หลินชิงเหอพอใจท่าทางนี้ของเขามากทีเดียว ให้รางวัลโดยการลูบท้องของเขาแล้วพูด “หิวหรือยังคะ?”
“เพิ่งกินแอปเปิลไปเอง” โจวชิงไป๋มองหล่อนนิด ๆ และพูดขึ้น
“อืม อีกสักพักค่อยทำก็ได้ค่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม
“ปะป๊าต้องทานเยอะ ๆ นะคะ เนื้อของปะป๊าหายไปหมดแล้ว” เด็กน้อยที่กำลังหวีผมตุ๊กตาอยู่เงยหน้ามามองคุณพ่อของเธอแล้วพูดขึ้น
พ่อของเพื่อนร่วมชั้นเธอก็เป็นคนอ้วนมากทีเดียว เขามีเนื้อเยอะมา เธอรู้สึกอิจฉาอยู่นิด ๆ เลย
หลินชิงเหอ “…ปะป๊าของลูกเป็นแบบนี้กำลังดีแล้วนะจ๊ะ”
น้ำหนักของโจวชิงไป๋ตอนนี้อยู่ในมาตรฐานมากแล้ว ไม่อ้วนและก็ไม่ผอมเกินไป มาจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ตอนที่เขาอ้วนที่สุด น่าจะตอนดูแลหล่อนช่วงอยู่ไฟหลังคลอด ตอนนั้นหลินชิงเหอเดาว่าน้ำหนักเขาทำได้สูงที่สุดก็น่าจะเป็น 100 กิโลขึ้นไปเห็นจะได้
แต่ว่าตอนนี้เขาน้ำหนักลดลงมาเหลือ 77.5 กิโลกรัมแล้ว ซึ่งมันก็พอดีกับส่วนสูงของเขา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี
“ไม่มีพุงเลย” สาวน้อยมี่มี่อุ้มตุ๊กตาของเธอขึ้นมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
หลินชิงเหอมองสามีของตัวเองที่ทำท่าคล้ายจะใจอ่อน อยากเพิ่มไขมันเพื่อให้ลูกสาวตัวเองสมปรารถนาอยู่แล้ว
“คุณหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะคะ พอลูกพูดนี่ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้เลยนะ ถ้าคุณอ้วนแบบเมื่อก่อนก็ไม่ต้องนอนเตียงเดียวกับฉันเลย ไปปูฟูกนอนบนพื้นเถอะค่ะ” หลินชิงเหอพูด
“หม่าม้า ปะป๊านอนกับหนูได้” มี่มี่มองเธอแล้วพูด
“งั้นลูกเชิญปูฟูกนอนบนพื้นเหมือนกันไปเลย” หลินชิงเหอพูด
มี่มี่ไม่อยากปูฟูกนอนบนพื้น เธออยากนอนบนเตียง ดังนั้นจึงถอนหายใจพูดว่า “งั้นปะป๊าไม่ต้องกินจนอ้วนแล้วก็ได้ค่ะ”
อย่านึกว่าเธอยังเด็กอยู่ แต่เธอสามารถที่จะสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติได้แล้ว เฉลียวฉลาดมากทีเดียว
“เย็นนี้ลูกควรจะกินตุ๋นซุปไก่เยอะ ๆ หน่อย ปะป๊าไม่ต้องกินจนตัวอ้วน แต่ลูกสามารถกินจนตัวอ้วนได้จ้ะ” หลินชิงเหอพูด
มี่มี่พยักหน้า งั้นเธอจะกินเยอะ ๆ พยายามให้ตัวเองอ้วนให้ได้ จะได้ไม่ต้องอิจฉาคนอื่นอีก
โจวชิงไป๋ยิ้ม ๆ แต่ในใจกลับรู้สึกเต็มตื้น
ชีวิตแบบนี้ผ่านไปอย่างสงบสุข แต่วันเวลาแห่งความสงบสุขแบบนี้ก็ถูกทำลายลงเมื่อคุณลุงและคุณป้าของซูต้าหลินมาถึง
เพราะว่าลูก ๆ โตขนาดนี้แล้ว พวกเขาหย่ากันตอนนี้จะยังจำเป็นต้องหลอกคนทางบ้านอยู่อีกเหรอ?
ดังนั้นไม่ว่าจะคุณลุงคุณป้าของซูต้าหลิน หรือว่าพ่อแม่ของพี่สะใภ้เขา ต่างก็ต้องการไกล่เกลี่ย
แต่ทะเลาะกันมานานขนาดนี้ พี่ชายของซูต้าหลินก็อดทนจนไม่รู้จะอดทนอย่างไรแล้ว ถึงแม้ต้องจากไปตัวเปล่า เขาก็ไม่อยากจะใช้ชีวิตแต่งงานแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว
ครอบครัวพวกเขาย้ายทะเบียนบ้านมาปักกิ่งแล้ว เพิ่งย้ายมาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ใช้เงินมากกว่าซูต้าหลินกับโจวเสี่ยวเหมย 2,000 กว่าหยวน
ดังนั้นเรื่องหย่าร้างอะไรพวกนี้ จึงจำเป็นต้องจัดการทำเรื่องที่นี่ เพราะตอนนี้คนในครอบครัวทุกคนเป็นคนปักกิ่งแล้ว
พี่ชายของซูต้าหลินมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะหย่า เขาถูกกดขี่มาตลอดชีวิต ตั้งแต่ที่เรื่องนี้แดงขึ้นมาเขาก็ไม่มีเส้นทางให้ถอยหลังกลับแล้ว
กลับเป็นภรรยาท่าทางดุร้ายแบบนั้นที่กลายเป็นคนโง่งมไปแล้ว
เพราะอย่านึกว่าที่เห็นหล่อนโวยวายด้วยท่าทางดุร้ายแบบนี้อยู่ทุกวันไม่หยุดนั้น แท้จริงคือหล่อนไม่อยากหย่า หล่อนแค่อยากให้ผู้ชายของตัวเองก้มหัวยอมแพ้
แต่หล่อนกลับคิดไม่ถึงว่าสามีของตนมุ่งมั่นที่จะหย่าถึงเพียงนี้ แม้ว่าพ่อแม่ของเขามาหาตั้งไกล ก็ไม่สามารถขัดขวางเขาได้เลย
ดังนั้นท่าทางที่แข็งกร้าวของเขาทำให้คุณป้าสะใภ้ของซูต้าหลินโมโหจนเป็นลมและถูกหามส่งโรงพยาบาล อีกทั้งยังส่งเข้าห้องฉุกเฉินด้วย
ตอนที่โจวเสี่ยวเหมยกลับมา ใบหน้าหล่อนเต็มไปด้วยความจนใจ
“ทำไมมีเวลามาที่นี่ได้ล่ะ? ป้าสะใภ้เธอดีขึ้นแล้วเหรอ?” หลินชิงเหอถาม
“คนไม่เป็นไรแล้วค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด
ตอนนั้นพวกเขารีบส่งเข้าห้องฉุกเฉินเลยทันที รอจนเข้าไปแล้วถึงค่อยรู้ว่าที่แท้ป้าสะใภ้แค่แกล้งเป็นลม และนั่นทำให้หล่อนถูกหมอที่โรงพยาบาลโกรธจนด่าหล่อนเป็นชุด
แม้จะแกล้งเป็นลมก็ทำให้คนตกใจขวัญเสียได้เช่นกัน แต่มันไม่มีประโยชน์แล้ว พี่ชายของต้าหลินต้องการหย่า การหย่านี้ได้ตกลงกันไว้แล้ว ใครก็ขวางไม่ได้
เขาต้องออกไปตัวเปล่า เงินของเขาทั้งหมดยกให้ฝ่ายหญิง ร้านค้าอะไรเหล่านั้นก็ยกให้หล่อนไปเลย ส่วนเขาจะออกมาทำด้วยเอง
“พวกฉันก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะตัดสินใจแบบนี้” โจวเสี่ยวเหมยพูด
“เขาคงจะอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้วล่ะมั้ง” หลินชิงเหอพูดเรียบ ๆ
เขาตัดสินใจจะออกไปตัวเปล่าโดยไม่คัดค้านหรือแย่งชิงอะไรเลย เรียกว่าภาพลักษณ์ของพี่ชายต้าหลินดีขึ้นในสายตาเธอไม่น้อย
กระทั่งแม่ของตัวเองแกล้งเป็นลมก็ยังทำให้เขาตกใจไม่ได้ กลับตัดใจทำเช่นนี้ เห็นทีว่าเขาคงจะไม่ถอยหลังกลับแล้วล่ะ สามารถบีบบังคับให้คนกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ภรรยาของเขาช่างมีความสามารถจริง ๆ
“ก็ไม่ใช่เพราะอดกลั้นไม่ไหวแล้วหรือคะ แต่ว่าหย่ากันไปก็ดีเหมือนกัน อย่างไรก็อยู่ด้วยกันต่อไปไม่ได้แล้ว” โจวเสี่ยวเหมยพูด
“ลูกล่ะจะจัดการยังไง?” หลินชิงเหอพูด
“พวกเขาโตขนาดนั้นแล้ว และทุกคนก็ไม่คิดจะอยู่กับแม่ของพวกเขาด้วยเหมือนกัน ก็จะแบ่งเงินส่วนหนึ่งวางแผนว่าจะไปหาร้านสักร้านและก็บ้านสักหลัง ทำธุรกิจของตัวเองแทนค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด
ครอบครัวนี้บ้านแตกสาแหรกขาดกลายเป็นเช่นนี้ พ่อแม่แยกกันอยู่ ลูก ๆ ที่โตแล้วก็ไม่มีใครอยากอยู่ด้วย กลายเป็นต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างหาเงินเอง
“ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่ เธอก็ช่วยดูแลพวกเขาหน่อยนะจ๊ะ” หลินชิงเหอพูด
“เรื่องนี้ฉันรู้ค่ะ นิสัยพวกเขาก็ไม่ถือว่าแย่อะไร” โจวเสี่ยวเหมยพยักหน้า
“ผู้เฒ่าสองคนนั่นยากที่จะมาที่นี่สักครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะมาเพราะเรื่องน่าเศร้าแบบนี้ แต่เรื่องนี้มันเกิดแล้วก็ให้มันผ่านไป พาพวกเขาออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อย อาจจะดีกว่าการต้องแยกจากกันทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนี้นะ?” หลินชิงเหอพูด
“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะให้เฉิงเฉิงพาคุณลุงกับคุณป้าสะใภ้ของเขาไปเที่ยวเล่นสักหน่อย” โจวเสี่ยวเหมยพูด
เรื่องของพี่ชายของซูต้าหลิน ตระกูลโจวไม่ได้รับผลกระทบมากมายอะไรนัก และก็ลงเอยอย่างที่เห็น แต่ผลกระทบจากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็มีไม่น้อย
อย่างเช่นคู่สามีภรรยาที่แต่งงานแล้วต่างก็ต้องกลับมาพิจารณาตัวเอง ไม่อย่างนั้นเกิดพวกเขาต้องอยู่ในสถานการณ์หย่าร้างเช่นกัน จุดจบคือบ้านแตกสาแหรกขาด มันจะไปมีประโยชน์กับใครกัน? คำตอบก็คือไม่มีประโยชน์กับใครเลย!
ดังนั้นตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองและใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ดีที่สุด
หลังจากโจวเอ้อร์นีเรียนขับรถกับหวังหยวนได้หนึ่งสัปดาห์ หล่อนก็ไปสอบใบขับขี่ และในตอนที่หล่อนไปสอบใบขับขี่ หวังหยวนก็ไล่นักบัญชีสวย ๆ คนนั้นออกแล้ว
เจ้าสามกลับมาก็พูดเรื่องนี้ให้ฟัง
หลินชิงเหอดื่มชาอยู่ถาม “ทำไมไล่ออกล่ะ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………..
[1] 鸡飞蛋打 ไก่บินหายไป ไข่แตกเสียหาย แปลว่า จับปลาสองมือสุดท้ายไม่ได้อะไรเลย
[2] 鸡飞狗跳 ไก่บินเตลิดสุนัขวิ่งพล่าน หมายถึง ก่อเรื่องจนวุ่นวายไปหมด
สารจากผู้แปล
อยู่ไม่ได้ก็หย่ากันไป น่าจะเป็นทางออกสุดท้ายที่ลงตัวที่สุดแล้ว
คิดจะมาเป็นมือที่สามก็โดนเด้งสิคะแม่สาวบัญชี เถ้าแก่เนี้ยคนนี้เถ้าแก่หวังเค้าใช้เวลานานมากเลยนะกว่าจะจีบติดแล้วได้แต่งงานด้วยน่ะ
ไหหม่า(海馬)