ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 654 หน้าตาของตระกูลโจว
บทที่ 654 หน้าตาของตระกูลโจว
ของแบบนี้ใช่ว่าพวกเขาไม่มีเงินซื้อ แต่มันมีคุณค่าทางจิตใจ และช่วยกระตุ้นยอดขายของร้านอาหารทะเลแห้งด้วย จากการซื้ออาหารทะเลแห้งที่นั่นได้ในราคาพิเศษ
โดยรวมแล้วลูกค้ารายใหญ่เหล่านี้ไม่ค่อยไปร้านคนอื่น
“เป็นต้นอ่อนที่ไม่เลว สอนเขาเยอะ ๆ หน่อยแล้วกัน” หลินชิงเหอกล่าว
เจ้าสามรับคำ และเปลี่ยนไปพูดเรื่องของหลี่อ้ายกั๋ว “ผมดูทรงแล้วพี่เขยสามน่าจะอยากไปบริหารร้านเขาเองน่ะครับ”
“ม้าเคยถามพี่ซานนีของลูกแล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่ค่อยมีเงินเท่าไหร่ ไม่ได้รีบมากหรอก” หลินชิงเหอบอก
ก่อนหน้านี้ซานนีและหลี่อ้ายกั๋วมายืมเงินเธอเพื่อซื้อร้านนี้ไว้ เพิ่งจะคืนจนหมดในปีนี้นี่เอง ตอนนี้สองสามีภรรยาน่าจะเก็บเงินลงทุนอยู่ ปีหน้าไม่ก็ปีมะรืนคงได้ออกไปเปิดเอง
คนเราอยากขึ้นที่สูงทั้งนั้น ขอแค่พวกเขามีใจใฝ่ดี และเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง หลินชิงเหอไม่ห้ามหรอก
แต่จะให้ใครมาเฝ้าร้านอาหารทะเลแห้งนี่สิเป็นปัญหา
ที่นู่นขายดี ร้านใหญ่ด้วย ไม่ใช่คนของตัวเองเธอก็ไม่ไว้ใจจริง ๆ
วันรุ่งขึ้น เวิงกั๋วต้งขับรถพาโจวซื่อนีเข้ามา
ตอนนี้ท้องของโจวซื่อนีไม่เล็กเท่าไรแล้ว หลินชิงเหอจึงว่าหล่อน “ท้องโตขนาดนี้แล้ว จะมาอีกทำไม?”
“อาสะใภ้สี่ระวังเกินไปแล้วล่ะค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หนูไม่ได้หน่อมแน้มขนาดนั้นหรอกค่ะ” โจวซื่อนีพูดอย่างอ่อนใจ
“เธออย่าชะล่าใจให้มาก เรื่องที่ต้องละเอียดอ่อนก็ต้องละเอียดอ่อน เข้าใจไหม?”หลินชิงเหอเอ่ย
เธอก็เคยท้องและเคยคลอดลูก ตอนท้องยังเล็กอยู่ก็ไม่เท่าไรหรอก แต่พอท้องโตขึ้นมาจะชะล่าใจได้ที่ไหนกัน ต้องระมัดระวังให้มาก
“เดี๋ยวนี้ย้ายไปอยู่บ้านสวัสดิการแล้วเป็นไงบ้าง อยู่ไหวไหม?” หลินชิงเหอถาม
โจวซื่อนียิ้ม “กว้างมากค่ะ เตาแก๊สก็ใช้สะดวก”
สมัยนี้มีเตาแก๊สแล้ว แค่ราคาไม่ถูก แต่ใช้ดีมากจริง ๆ ด้านหลินชิงเหอก็ใช้แล้วเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ได้ใช้แค่เตาถ่าน
“อาเพิ่งคุยโทรศัพท์กับแม่เธอเมื่อไม่กี่วันก่อน แม่เธอถามว่าอีกหน่อยตอนเธออยู่ไฟจะให้แม่เธอมาที่นี่ไหม อาเลยบอกไปว่าถึงตอนนั้นจะจ้างแม่บ้านที่มีประสบการณ์มาช่วย เธอจะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนี้” หลินชิงเหอบอก
“ผมติดต่อไว้แล้วครับ คลอดเมื่อไหร่จะไปช่วย” เวิงกั๋วตงกล่าว
ในที่สุดพ่อโคแก่นี่ก็ได้กินหญ้าอ่อนเสียที ก่อนหน้านี้แม่เขากังวลเรื่องการแต่งงานของเขามาก ตอนนี้แต่งงานจนมีลูกใกล้คลอดแล้ว เขาก็ดูแตกต่างจากเดิมมาก
แต่หลินชิงเหอพึงพอใจกับเขาพอสมควร
เขามีงานมั่นคง ถือว่าได้เงินแน่นอนตลอด สถานะทางสังคมก็สูง บอกใครเขาก็ต้องยกยอ ที่สำคัญเลื่อนขั้นแล้วได้บ้านสวัสดิการมาด้วย และแน่นอนว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นคนดูแลครอบครัวดี
ตั้งแต่โจวซื่อนีเริ่มท้องโต เขาก็เริ่มเรียนทำอาหาร จากที่โจวซื่อนีเล่า ก็ได้ความว่าเขาเรียนมาตั้งนานทำเป็นแค่ต้มบะหมี่ แต่นั่นถือว่ายากสำหรับเขาแล้ว
เมื่อก่อนท่านชายคนนี้ทำอะไรไม่เป็นเลย ตอนนี้ถึงจะไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้ แต่เขาก็ใส่ใจแล้วจริง ๆ
“เมื่อก่อนอาสะใภ้สี่บอกว่าพี่ซานนีและพี่เขยสามอยากออกไปเปิดร้านของตัวเองไม่ใช่เหรอคะ แล้วมีคนคอยเฝ้าร้านอาหารทะเลแห้งให้ไหมคะ” โจวซื่อนีพูดเรื่องร้านอาหารทะเลแห้ง
“ตอนนี้ยัง” หลินชิงเหอมองเธอแล้วพูด “เธอสนใจเหรอ?”
“สนค่ะ” โจวซื่อนีดวงตาเป็นประกาย
เวิงกั๋วต้งทำหน้าเหมือนพ่อหม้าย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมภรรยาตัวเองถึงอยู่ว่าง ๆ ไม่ได้เลยนะ? อยู่บ้านเลี้ยงลูกไม่ดีเหรอ ทำไมต้องออกไปทำงานด้วย เหนื่อยออกขนาดนั้น
อีกอย่างถ้าไปทำงาน แล้วลูกจะทำยังไง
หลินชิงเหอก็คิดแบบนี้ “เธอไปดูร้านแล้วใครเลี้ยงลูกล่ะ?”
“พวกพี่ซานนีคงไม่เปิดร้านใหม่เร็วขนาดนั้นหรอกค่ะ ถึงตอนนั้นลูกน่าจะอายุได้ขวบนึงแล้ว โตขนาดนั้นน่าจะหย่านมแล้วค่ะ แถมคุณแม่ก็ยินดีช่วยเลี้ยงให้” โจวซื่อนีกล่าว
คุณแม่เวิงเคยรับปากแบบนั้นจริง ๆ ถึงเวลาถ้าหล่อนอยากออกไปทำงานก็เอาลูกไปไว้ที่ร้านของหล่อนได้ ร้านเสื้อผ้าของหล่อนมีเด็กสาวสองคนช่วยดู ถือว่าว่างพอสมควร
“เรื่องทำอาหารกินข้าวก็เป็นปัญหา” เวิงกั๋วต้งปริปาก
“เรื่องนั้นจะไปยากอะไร ถึงเวลาคุณก็ขี่จักรยานไปที่นู่น ฉันทำไว้ที่นู่นแล้วคุณค่อยเอาไปให้พ่อกับแม่ก็ได้ แค่เสียเวลานิดหน่อยเท่านั้น” โจวซื่อนีมองเขาพลางเอ่ย
เรื่องนี้ไม่ได้คุยกันถึงรายละเอียดต่อ แค่พูดไว้ตอนนี้เท่านั้น หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นนั้นยังไม่รู้
วันนี้เวิงกั๋วต้งอุตส่าห์ลาหยุด ทั้งสองมาเยี่ยมที่นี่แล้วจึงได้ไปเยี่ยมท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวต่อ
ตอนนี้ท่านแม่โจวเห็นหลานสาวทั้งสามอย่างโจวเอ้อร์นี โจวซานนีและโจวซื่อนีแล้วสบายใจมาก แต่ละคนมาอยู่ปักกิ่งกันหมด นับเป็นเรื่องดีจริง ๆ
“ฉันได้ยินจากเจ้าสามมาว่าอีกไม่กี่วันอู่นีก็จะมาแล้วเหรอ?” ท่านแม่โจวเอ่ย
“ใช่ค่ะ หนูเพิ่งมาจากบ้านอาสะใภ้สี่ เมื่อกี้อาสะใภ้สี่ก็บอกเหมือนกัน” โจวซื่อนีพยักหน้า
“เธอแต่งงานมาสามปีแถมลูกก็มีแล้ว อู่นีอายุเท่าเธอแต่ตอนนี้ยังไม่มีแฟนเลย” ท่านแม่โจวกล่าว
“ตอนนี้อู่นีเป็นหลานสาวบ้านเราที่เรียนสูงที่สุดแล้วนะคะ คุณย่ายังจะกังวลเรื่องของหล่อนอีกเหรอ” โจวซื่อนีเอ่ยยิ้ม ๆ
“ยัยนี่เอาการเอางานจริง ๆ แต่ตอนนี้อายุมากแล้ว ควรจะหาแฟนดี ๆ ได้แล้ว มาคราวนี้ให้อาสะใภ้สี่ช่วยหล่อนเลือกหน่อยก็ดี สายตาอาสะใภ้สี่ของเธอเชื่อถือได้” ท่านแม่โจวกล่าว
เรื่องแต่งงานของโจวเสี่ยวเหมยผู้เป็นลูกสาวก็ได้บ้านเจ้าสี่นี่แหละที่บอกว่าดี สองพี่น้องเอ้อร์นีซื่อนีก็เหมือนกัน ขอแค่เป็นคนที่เธอบอกว่าดี ก็ย่อมดีแน่นอน
ดังนั้นท่านแม่โจวจึงเชื่อใจลูกสะใภ้สี่ตัวเองมาก
“แต่จะว่าไป กั๋วตงเอ๋ย ที่ทำงานเธอมีเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันไหม ฉันจะบอกให้นะ ยัยอู่นีนี่ไม่เลวเลย ตัวเองเป็นครูสอนมัธยม ทั้งนิสัยดีแล้วก็กตัญญู เอาอย่างนี้ เธอเองก็ช่วยหาด้วยสิ” ท่านแม่โจวหันไปพูดกับหลานเขย
นางคิดว่าลองหว่านแหตกเขยก็ไม่เลว
“ต้องดูก่อนครับว่าอาสะใภ้สี่แนะนำใครไหม ถ้าไม่มีเดี๋ยวผมค่อยดูให้” เวิงกั๋วต้งเอ่ยขึ้น
ท่านแม่โจวดีใจมาก พูดกับซื่อนี “พวกเธอพี่น้องแต่งมานี่กันหมดย่าจะดีใจมาก มีเวลาว่างจะได้มาหาปู่กับย่า”
ตอนที่สองสามีภรรยากลับไป ท่านแม่โจวก็เอาไข่ไก่ให้ถุงเล็กถุงนึง นางเลี้ยงไก่เองที่สวนหลังบ้าน ซึ่งปีนี้เลี้ยงเยอะสุด คือมีตั้ง 30 กว่าตัว
ทำไมถึงเลี้ยงเยอะขนาดนี้? เพราะปีนี้หลานชายคนโตสุดที่รักของนางจะแต่งงานแล้วน่ะสิ!
พูดถึงหลานชายคนโต อย่าให้พูดเลยว่าท่านแม่โจวภาคภูมิใจในตัวเขาขนาดไหน เรียกว่าเป็นชีวิตของนางเลยก็ว่าได้ นับว่าเป็นหน้าตาของตระกูลโจวโดยแท้จริง!
ส่วนหลานชายคนอื่น ๆ ถัดจากนั้นก็ดีหมดและได้ดีหมด แต่หลายปีมานี้ไม่ว่าจะในใจของท่านพ่อโจวหรือท่านแม่โจว ที่ของหลานชายคนโตอย่างโจวข่ายก็ไม่เคยสั่นคลอน
ขณะกำลังนึกถึงอยู่นั้น หลานสาวผู้เป็นลูกของโจวเสี่ยวเหมยก็วิ่งเข้ามา “คุณย่าคะ พี่รองบอกว่าพี่ใหญ่โทรมา ให้หนูมาเรียกคุณย่าไปคุยค่ะ”
“ไปเดี๋ยวนี้แหละ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” ท่านแม่โจวได้ยินก็ดีใจมาก
…………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เอ็นดูกั๋วต้ง คุณชายที่ไม่เคยทำอะไรเลยกลับต้องมาดูแลภรรยาตอนท้องนี่มันน่ารักจริง ๆค่ะ
โจวข่ายยืนหนึ่งตลอดสำหรับย่าโจวตั้งแต่เล็กจนโตเลย
ไหหม่า(海馬)