ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 679 คอนโดมิเนียม
บทที่่ 679 คอนโดมิเนียม
พี่ใหญ่โจวและสะใภ้ใหญ่โจวกลับไปในวันที่ห้าของปีใหม่ คนอื่น ๆ ก็กลับไปด้วยเหมือนกัน
หลินชิงเหอเตรียมของฝากให้เอากลับไปด้วยเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งคนเป็นลูกเขยอย่างหวังหยวนก็เตรียมของฝากไว้มากมาย ส่วนเวิงกั๋วต้งก็เตรียมไว้ส่วนหนึ่งเหมือนกัน
เรียกได้ว่ากลับกันไปพร้อมกับของเต็มกระบุง
หลังจากพวกเขากลับกันไปแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าเจ้าใหญ่โจวข่ายและเวิงเหม่ยเจี่ยไม่มีเวลาว่างมากนัก เพิ่งจะเข้าวันที่เจ็ด ทั้งสองก็ต้องกลับไปที่กองทัพแล้ว
โจวข่ายต้องกลับไปฝึก ส่วนเวิงเหม่ยเจี่ยต้องไปทำงาน
เนื่องจากเป็นโรงพยาบาล ปกติหล่อนจึงแทบไม่มีวันหยุดเลยทั้งปี แถมยังเป็นหัวหน้าพยาบาลที่นู่นด้วย
ครั้งนี้เป็นวันหยุดปีใหม่บวกวันหยุดแต่งงาน และหยุดได้นานแค่นี้
หลินชิงเหอไม่ได้เตรียมอะไรอย่างอื่นมากนัก แต่ก็เตรียมบรรดาของที่ทำจากน้ำผึ้งไว้ให้เวิงเหม่ยเจี่ยเยอะอยู่
มีมะนาวดองน้ำผึ้ง ส้มโอดองน้ำผึ้ง ผลไม้รวมดองน้ำผึ้ง ซึ่งเธอมอบให้หล่อนทั้งหมด
และช่วงปีใหม่เอง หลินชิงเหอได้ให้เวิงเหม่ยเจี่ยบำรุงตัวเองด้วยกรดโฟลิคทุกวัน และบอกข้อมูลการเตรียมตัวเป็นว่าที่คุณแม่อีกมากมาย ต่อให้ไม่รู้ว่าจะท้องหรือไม่ เพราะเวลาที่มีให้กันนั้นน้อยเกินไป แต่ในเมื่อสุขภาพของทั้งสองคนไม่มีปัญหา ถ้าไม่ผิดพลาดเดือนนี้ก็น่าจะมีลูกกันแล้ว
ต้องบำรุงด้วยกรดโฟลิคได้แล้ว
ถ้าไม่มียาเม็ดกรดโฟลิคก็กินผลไม้เยอะ ๆ แทน ซึ่งแอปเปิลเป็นผลไม้ที่เวิงเหม่ยเจี่ยกินทุกวัน
ตอนแรกบรรยากาศที่บ้านดูคึกคักเป็นพิเศษ แต่หลังจากพวกเขาออกไปกัน ทั้งบ้านก็เงียบเหงาลง
เจ้ารองโจวเฉวี่ยนและเหอเหมียนเหมียนกลับไปบ้านพ่อตาล่วงหน้าตั้งแต่วันที่สอง ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย และฝั่งเขาก็เริ่มยุ่งแล้ว ทางนี้จึงไม่ได้ไปว่าอะไรเขา ขอให้เขาดูแลตัวเองให้ดีก็พอ
โจวชิงไป๋บอกอยู่เสมอว่า “ดีนะที่พวกเรามีลูกสาวคนหนึ่ง”
พวกลูกชายพึ่งไม่ได้สักคน โตแล้วโบยบินออกไปข้างนอกกันหมด
หลินชิงเหอได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ นึกในใจว่านั่นก็เพราะตอนนี้ลูกสาวคุณยังเล็ก เธอโตเมื่อไรก็รอดูเลยว่าเธอจะโบยบินออกไปข้างนอกไหม
ในปีนี้หลินชิงเหอตั้งใจจะเปิดห้องทำงาน เธอวางแผนไว้ว่าในฤดูกาลจบการศึกษาปีนี้จะไปรับสมัครนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมาทำงานแปลให้
และในขณะเดียวกัน เธอก็คืนหนี้ได้จำนวนไม่น้อยหลังจากไปทำงานที่ธนาคาร มันเป็นหนี้เธอที่ติดค้างไว้ตอนซื้อที่ดินแถบชานเมือง แม้จะคืนไปก้อนหนึ่งแล้ว แต่หลังจากนั้นก็สร้างหนี้อีกไม่น้อย ทว่าดูจากรายได้ต่อเดือนของที่บ้านตอนนี้แล้ว เธอก็คิดว่าปีนี้น่าจะคืนได้หมด
และในตอนนั้น ที่ปักกิ่งก็มีข่าวออกมาว่ามีการเปิดขายคอนโดมิเนียมอีกแล้ว
คอนโดมิเนียมนี้เปิดขายตั้งแต่เมื่อสมัยต้นปี 1986 แต่ปีนี้ถือเป็นการเปิดขายให้กับบุคคลภายนอกจริง ๆ
มีสองเขตที่ทำการเปิดขายคอนโดมิเนียม แต่ราคาไม่ถูกเท่าไรนัก เขตเฉาหยางขายตารางวาละ 2,500 หยวน ส่วนเขตไห่เตี้ยนขายตารางวาละ 2,100 หยวน
หากเทียบกับราคาบ้านแสนแพงในยุคหลังจากนั้น ราคาคอนโดมิเนียมในตอนนี้ไม่ถือว่าสูงนัก แต่ด้วยมาตรฐานเงินเดือนในปัจจุบัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าราคานั้นจะสูงลิบลิ่วถึงเพียงไหน
ตารางวาละ 2,000 กว่าหยวน คิดเป็นร้อยตารางวาก็ 200,000 หยวน ต่อให้เป็นห้องเล็ก ๆ ขนาด 70 ถึง 80 ตารางวา ก็ต้องใช้เงินแสนกว่าหยวน
แม้จะเป็นยุคปลายทศวรรษ 80 แล้ว แต่จะให้ควักเงินออกมาแสนกว่าหยวนในคราวเดียวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่โลกนี้ขาดแคลนน้อยที่สุดก็คือคนรวย เพราะหลังจากเปิดขายคอนโดมิเนียม บรรดาห้องชุดทั้งหลายก็ถูกกว้านซื้อจนเกลี้ยงตั้งแต่ล็อตแรก
กังจือวิ่งไปดูเหตุการณ์นี้ เมื่อกลับมาถึงจึงเล่าภาพเหตุการณ์อันน่าตื่นตาให้ฟัง
“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน บางคนต่อแถวมาทั้งคืนยังซื้อไม่ได้เลยใช่ไหม?” เจ้าสามโจวกุยหลายเอ่ย
“อื้ม แพงขนาดนั้นแต่ก็ยังแย่งกันซื้อ” กังจือพยักหน้าพลางเอ่ย
มันแพงมากจริง ๆ ขนาดตอนนี้เขามีเงินเก็บไม่น้อยแล้วยังไม่พอจะซื้อเลย แม้แต่ห้องที่ขนาดเล็กที่สุดก็ซื้อไม่ได้
แน่นอนว่าหลินชิงเหอก็ได้ยินมาเหมือนกัน ประกอบกับเห็นจากหนังสือพิมพ์ด้วย “ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบหรอก เธอตั้งใจหาเงินไป อีกหน่อยยังมีเหลือให้ซื้อได้อยู่”
คอนโดมิเนียมในยุคนี้ถือว่าเป็นสิ่งขาดแคลน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในปีแรกราคาของมันจะแพงมหาโหดเพียงไหน ไว้ 2-3 ปีหลังจากนั้นค่อยซื้อจะคุ้มกว่า ไม่ต้องรีบร้อนไป
ในเมื่อที่ปักกิ่งเปิดขายคอนโดมิเนียมแล้ว ที่เซี่ยงไฮ้ในปีนี้จะไม่มีเช่นกันหรือ? ตอนโทรคุยกับเซวียเหม่ยลี่ก็พูดถึงเรื่องนี้อยู่
“เธอบอกอู่นีไปว่าให้หล่อนอยู่ที่บ้านไป ไม่ต้องสนเรื่องพวกนี้ ไว้ค่อยซื้อวันหลังนะ” หลินชิงเหอกล่าว
“รีบร้อนไปตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ล่ะค่ะ แพงออกขนาดนั้น ที่ถูกที่สุดก็เกินหนึ่งแสนขึ้นไปแล้ว” เซวียเหม่ยลี่เอ่ย
“แล้วเธอซื้อสักห้องให้เสี่ยวเกิงหรือเปล่าจ๊ะ?” หลินชิงเหอพูดยิ้ม ๆ
“ซื้อไหวที่ไหนล่ะคะ? มันแพงเกินไป อนาคตค่อยว่ากัน ไว้รอดูว่าราคาจะลงอีกสักหน่อยไหม” เซวียเหม่ยลี่บอก
การเปิดขายคอนโดล่วงหน้าในปีนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำให้นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ และเพราะเหตุนี้เองหลังจากนั้นเข้ายุค 90 ไปแล้ว อสังหาริมทรัพย์ถึงเป็นที่รุ่งเรืองขึ้นมาจริง ๆ
หลังจากนี้จะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และโอกาสในการเลือกก็จะมีมากขึ้นเยอะ ไม่ถึงกับต้องแย่งกันเหมือนตอนนี้
แต่เรื่องคอนโดมิเนียมนี้ทำให้กังจือฮึกเหิมเหมือนอัดฉีดเลือดไก่มา
เมื่อก่อนเขาเคยได้ยินจากน้าสะใภ้สี่มาเหมือนกัน พอปีนี้ได้เห็นคนแย่งกันขนาดนี้ ก็ต้องเกิดความอยากได้อยู่แล้ว
แถมตอนนี้เงินเก็บของเขายังไม่มากพอ ต้องตั้งใจทำงานถึงจะมีเงินซื้อ
เพราะฉะนั้นเขาในตอนนี้จึงไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะหาแฟน ดังนั้นพอพ้นปีใหม่มาไม่นานและเป็นช่วงที่เสื้อผ้าขายไม่ดี เขาจึงเลิกขายเสื้อผ้า และย้ายไปอยู่กับตายายของเขา
ที่บ้านท่านพ่อโจวยังเหลือห้องอยู่ เขาจึงไปอยู่ที่นั่น ตื่นแต่เช้ามาคอยช่วยน้าและน้าเขยของเขาทำซาลาเปา
ครั้นถึงเวลาฟ้าสางเขาก็ออกไปขายซาลาเปาอีก ซึ่งขายได้เป็นจำนวนมาก ถ้าเขาไม่มาช่วยทำซาลาเปา คงมีไม่พอขายแน่
ปีนี้โจวเสี่ยวเหมยอวบขึ้นเยอะ โดยสาเหตุหลักมาจากความใจกว้างที่ทำให้ตัวขยายตาม
ตอนนี้ร้านซาลาเปามีรายได้มั่นคงแล้ว แต่ละเดือนมีเงินเข้าไม่น้อย แล้วเธอก็ได้ส่วนแบ่งจากร้านขายชาด้วย ส่วนซูเฉิง ซูสวิ่น ซูหย่า ซูเถียนสี่พี่น้องก็เรียนหนังสือเก่งได้คะแนนดี เป็นพวกเอาถ่านทั้งนั้น
อีกอย่างพวกเขาสองสามีภรรยาก็รักกันดี นี่ไงล่ะ สาเหตุที่หล่อนน้ำหนักขึ้นง่าย
ตอนโจวเสี่ยวเหมยมา หล่อนก็เล่าเรื่องที่กังจือมาช่วยงานด้วย แล้วท่านแม่โจวก็ถามหล่อนว่าเขามีแฟนรึเปล่า? ที่สู้ชีวิตขนาดนี้เพราะอยากให้แฟนได้มีชีวิตที่ดีใช่ไหม
“ปีที่แล้วเขายังบ่นอยู่เลยว่าให้ฉันช่วยหาแฟนให้เขาสักคน แต่ปีนี้เขาชิงพูดเองว่าฉันไม่ต้องหาแล้ว เขาไม่รีบ” หลินชิงเหอตอบยิ้ม ๆ
“แล้วทำไมถึงสู้ชีวิตขนาดนี้ล่ะ” โจวเสี่ยวเหมยกล่าว
“ซื้อบ้านไงล่ะ” หลินชิงเหอบอก “ซื้อคอนโดที่ปีนี้ออกหนังสือพิมพ์บ่อย ๆ นั่นแหละ”
“อื้อหือ แพงจะตาย!” โจวเสี่ยวเหมยอดทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่ได้ ตารางวาหนึ่งก็ 2,000 กว่าหยวนแล้ว ถ้าเงินเดือนสูงหน่อย ไม่กินไม่ดื่มทั้งปียังพอซื้อแค่ตารางวาเดียว
ต้าหลินของหล่อนก็เห็นในหนังสือพิมพ์เหมือนกัน รายได้บ้านหล่อนไม่ได้ต่ำ แต่นับเงินเก็บทั้งหมดแล้วก็ยังซื้อขนาดเล็กสุดไม่ได้ ขาดไปกว่าครึ่งเลยล่ะ
“เขามีความมุ่งมั่นแบบนี้นับว่าเป็นเรื่องดี ตอนนี้ยังหนุ่มอยู่ เหนื่อยหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก” หลินชิงเหอบอก
………………………………………………………………………………………………………………………