ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 75 ไม่ควรท้าทาย
บทที่ 75 ไม่ควรท้าทาย
เธอไม่ขอเล่ารายละเอียดแล้วกันว่าแผนการของเธอมันผิดจากที่วางไว้ขนาดไหน
ในขณะที่สติสัมปชัญญะกำลังจะหลุดลอย หลินชิงเหอก็คว้าโอกาสนี้ต่อต้านโจวชิงไป๋ในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มและบีบให้เขาเห็นด้วยกับการขายต่อเนื้อหมูได้สำเร็จ
ตอนนั้นโจวชิงไป๋มีเหงื่อท่วมทั้งตัว ภรรยาไม่ยอมปล่อยให้เขาถึงสวรรค์เลย เธอใช้ช่วงเวลานี้เองบีบบังคับให้เขาต้องพยักหน้าสัญญาว่าจะปล่อยให้เธอได้ทำในเรื่องที่อยากทำ
มีวีรบุรุษคนไหนบ้างที่สามารถต้านทานการทรมานจากโฉมงามได้ในช่วงเวลาวิกฤตแบบนั้น?
ไม่มีเลย
โจวชิงไป๋เองก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาเหมือนกัน เขาไม่สามารถต้านทานการยั่วเย้าจากภรรยาของเขาได้หรอก
แม้เขาจะถูกบังคับให้เห็นด้วยจนสำเร็จ แต่บทลงโทษที่ตามมาก็ทำให้หลินชิงเหอต้องเสียใจว่าไม่น่าท้าทายผู้ชายคนนี้เลย
หญิงสาวจำไม่ได้แล้วว่าเธอตื่นขึ้นและนอนสลบอย่างหมดแรงไปทั้งหมดกี่ครั้งในคืนนั้น เขาทำกับเธอไม่หยุดเลย จนถึงกลางดึกนั่นแหละเขาถึงจะหยุด
หลินชิงเหอตื่นในตอนแปดโมงของเช้าวันต่อมา เมื่อหญิงสาวตื่นขึ้นและนึกถึงศึกสงครามเมื่อคืนได้ เธอก็รู้สึกหวาดผวาเล็กน้อย
เธอไม่ควรท้าทายผู้ชายที่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดสตรีเพศมานาน
ในตอนนี้เองเธอก็ได้ยินเสียงของเจ้ารองกับท่านแม่โจวด้านนอกห้องนอน เวลานี้เจ้าใหญ่ไปโรงเรียนแล้ว และโจวชิงไป๋ก็ออกไปทำงานเรียบร้อย
หลินชิงเหอจึงลุกขึ้นจากเตียงเตาอย่างรวดเร็ว
เมื่อคืนนี้เธอนอนสลบไปด้วยความอ่อนเพลีย เป็นโจวชิงไป๋เองที่ทำความสะอาดและสวมเสื้อผ้าให้เธอ แต่หลังลุกจากเตียงเตาได้ หญิงสาวก็ถึงกับขาอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงที่จะเดิน!
หลินชิงเหอถึงกับหน้าแดงเมื่อนึกถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่โจวชิงไป๋ทำกับเธอเมื่อคืนนี้
ต้องยอมรับว่านับจากนี้ไปเธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความสุขทางเพศรสไปทั้งชีวิตแล้ว ผู้ชายของเธอช่างแข็งแกร่งดุดันได้ใจเหลือเกิน
หลังความคิดอันสุขสมผุดขึ้นมา หญิงสาวก็จัดการอาบน้ำแต่งตัว
ตอนนี้ท่านแม่โจวกำลังกะเทาะถั่วลิสงอยู่ที่ลานบ้านพร้อมกับพูดคุยกับเจ้ารองและเจ้าสามไปด้วย
“คุณแม่มาแล้วเหรอคะ” หลินชิงเหออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอาย ทำไมเธอนอนตื่นสายได้ขนาดนี้กันนะ? เป็นเพราะเรื่องที่โจวชิงไป๋ทำกับเธอเมื่อคืนนี้แท้ ๆ ถ้าจะโทษก็โทษโจวชิงไป๋เถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ
“ตื่นได้สักทีนะ” ท่านแม่โจวขุ่นเคืองนิด ๆ อย่างเห็นได้ชัด สามีของหล่อนต้องออกไปทำงาน ส่วนลูก ๆ ก็ยังเล็กอยู่ แต่หล่อนกลับตื่นสายโด่งขนาดนี้ เป็นแม่บ้านประสาอะไรกัน?
“ค่ะ พอดีเมื่อคืนนี้พ่อเจ้าสามไม่สบายตัว ฉันก็เลยต้องดูแลรับใช้เขาทั้งคืน กว่าจะนอนหลับได้ก็หลังเที่ยงคืนแล้ว ฉันก็เลยตื่นสายน่ะค่ะ” หลินชิงเหออธิบายโดยไม่มีอาการหน้าแดงและลุกลี้ลุกลนใด ๆ
ท่านแม่โจวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่น้ำเสียงของนางจะอ่อนลง “งั้นก็ลำบากเธอแล้วล่ะ เช้านี้อาสี่ดูดีขึ้นมากเลย”
กลายเป็นว่าเธอตื่นสายด้วยเหตุผลนี้นี่เอง เพราะในช่วงหน้าหนาวจะนอนตื่นสายก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ทำไมเธอถึงตื่นสายนักในช่วงฤดูนี้ได้?
“ตัวเขาเองยังไม่คุ้นชินกับงานทำนาทำไร่เลยไม่ใช่เหรอคะ ฉันบอกเขาว่าวันนี้ลาหยุดเถอะอย่าเพิ่งไปทำงานเลย แต่เขาก็ไม่ฟัง” หลินชิงเหอเอ่ยขึ้น
“หาเลี้ยงครอบครัวหนึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ” ท่านแม่โจวบอก
“แน่อยู่แล้วล่ะค่ะ ฉันเลยให้เขาเลี้ยงหมูกับไก่อยู่ที่บ้านอย่างไรล่ะคะ” หลินชิงเหอพยักหน้า แต่ทำให้ท่านแม่โจวถึงกับสะอึก
“ลูก ๆ ทานข้าวกันหรือยัง?” หลินชิงเหอหันไปถามเจ้ารองกับเจ้าสาม
“เราทานแล้วครับ แม่ไปทานข้าวเถอะครับ” เจ้ารองพยักหน้าหงึก ๆ
อาหารเช้าวันนี้แน่นอนว่าโจวชิงไป๋เป็นคนทำ เขาหุงโจ๊กข้าวฟ่างและมีแค่ผักดองเป็นเครื่องเคียงง่าย ๆ เท่านั้น
เธอแน่ใจเลยว่าหากตนเองไม่ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้ ของกินทุกอย่างก็จะต้องดูเรียบง่ายธรรมดาแบบนี้แน่
หลินชิงเหอไม่สนใจ ขณะทานโจ๊กข้าวฟ่างเคียงกับผักดองก็อดคิดถึงโจวชิงไป๋ไม่ได้ เมื่อคืนนี้เขาใช้พลังงานไปตั้งเยอะแต่ทานอาหารเช้าแบบนี้ เขาจะทนหิวไหวเหรอ?
“คุณแม่คะ ที่บ้านไม่มีเนื้อเหลืออยู่แล้ว ฉันเลยจะไปดูว่าจะซื้อเนื้อมาบำรุงให้พ่อของเด็ก ๆ ได้หรือเปล่าน่ะค่ะ คุณแม่ดูแลเจ้ารองกับเจ้าสามให้หน่อยนะคะ” หลินชิงเหอทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว ล้างถ้วยชามจนเสร็จ จากนั้นก็เอ่ยออกมา
“งั้นก็ไปเถอะ” ท่านแม่โจวเองก็เป็นห่วงลูกชายของนางและเห็นด้วยกับเรื่องนี้
วันนี้ท่านแม่โจวไม่ได้ออกไปทำงาน นางมีลูกชายและลูกสะใภ้มากมาย จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรหากหญิงชราคนนี้จะพักงานบ้าง
หลังเสร็จธุระที่บ้านแล้ว หลินชิงเหอก็ปั่นจักรยานไปหาเม่ยเจี่ย
จุดประสงค์หลักที่เดินทางมาในครั้งนี้ก็คือการเริ่มนำเนื้อไปขายต่อในวันพรุ่งนี้ ซึ่งหลินชิงเหอวางแผนไว้หมดแล้วว่าเธอจะเก็บสะสมเนื้อไว้ในมิติของเธอจนกว่าจะถึงจำนวนที่พอเอาไปขายในอำเภอได้ในคราวเดียว ในแต่ละครั้งที่เข้าไปในอำเภอ เธอจะขายเนื้อจำนวนไม่กี่ชั่ง เพราะไม่อยากทำอะไรเสี่ยงเกินตัวนัก
เม่ยเจี่ยดีใจอย่างมากที่เห็นหญิงสาวมาหา ทางฝั่งหล่อนเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว
“พี่คิดว่าสามีของเธอจะไม่เห็นด้วยเสียอีก”
“จริง ๆ แล้วเขาไม่เห็นด้วยหรอกค่ะ เขาเป็นคนเถรตรงเกินไป แต่ในที่สุดฉันก็ทำให้เขาเห็นด้วยจนได้ พอเขาอนุญาต ฉันถึงมาหาเม่ยเจี่ยในทันทีอย่างไรล่ะคะ” หลินชิงเหออธิบาย
“เขาไม่อนุญาตเหรอ?” เม่ยเจี่ยอดไม่ได้ต้องอุทานออกมา
“ตอนนี้เขาอนุญาตแล้วค่ะ ตราบใดที่ทางฝั่งพี่ไม่มีปัญหา ทางฝั่งฉันก็ไม่มีปัญหาเหมือนกันค่ะ” หลินชิงเหอตอบเบา ๆ
“งั้นเธอวางใจได้แล้วล่ะ” เม่ยเจี่ยพยักหน้า
“พรุ่งนี้ฉันจะมารับเนื้อได้กี่โมงเหรอคะ?” หลินชิงเหอถาม
“มาที่นี่ตอนตีสามนะ แล้วเฒ่าเฉินจะรอเธออยู่” เม่ยเจี่ยตอบในทันที
ตีสามเลยเหรอ?
หลินชิงเหอรำพึงในใจ มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
แต่เธอก็ยังคงเห็นด้วย เมื่อกลับไปถึงหมู่บ้านหลังรับเนื้อตอนตีสามของวันพรุ่งนี้มาได้แล้ว มันก็คงจะเกือบตีสี่พอดี นับว่าปลอดภัยอยู่
หลินชิงเหอซื้อของบางอย่างจากนั้นก็ปั่นจักรยานกลับ เมื่อปั่นมาได้ครึ่งทาง เธอก็หยิบเนื้อหมู เนื้อซี่โครง และไข่ออกมาจากมิติในทันทีที่ไม่มีใครเห็น
ที่บ้านเหลือไข่อยู่ไม่มากแล้ว
ทันทีที่เห็นเธอขนของเหล่านี้กลับมาบ้าน ท่านแม่โจวก็เอ่ยขึ้น “งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะ”
หลินชิงเหอพยักหน้าและยื่นเนื้อหนักราว 200 กรัมให้ท่านแม่โจว แต่นางปฏิเสธ “เธอเก็บไว้กินเองเถอะ”
“คุณแม่รับไปเถอะค่ะ นาน ๆ ทีคุณแม่จะมาช่วยฉันดูแลเด็ก ๆ เป็นแบบนี้แล้วทางบ้านตระกูลโจวจะได้ไม่มีใครว่าอะไรได้” หลินชิงเหอยืนกราน
“ฉันดูแลหลานชายของตัวเองนะ จะมีใครกล้าพูดอะไรด้วยเหรอ?” ท่านแม่โจวเอ่ย
“เรื่องนี้ก็อธิบายยากอยู่ค่ะ แต่คุณแม่รับไปเถอะนะคะ ฉันยังมีเหลืออยู่บ้าง” หลินชิงเหอโบกมือ
ท่านแม่โจวอยากจะพูดโน้มน้าวเธอเหลือเกินว่าให้เก็บเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้บ้าง แต่ตอนนี้นางก็ล้มเลิกความคิดนั้น เพราะของพวกนี้ล้วนซื้อมาเพื่อบำรุงลูกชายและหลานชายทั้งสามของนาง
ทันทีที่ท่านแม่โจวกลับมาบ้าน สะใภ้รองก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “คุณแม่คะ ที่บ้านมีอะไรหลายอย่างต้องทำเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ คุณแม่ไปไหนมาเหรอคะ?”
สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว หล่อนน่าจะให้กำเนิดทารกในช่วงฤดูนี้ ดังนั้นหล่อนจึงอยู่แต่ในบ้านแทนที่จะออกไปทำงาน
ส่วนสะใภ้สามนั้นออกไปทำงานนอกบ้าน แม้โจวต้งน้อยจะยังเล็กอยู่ แต่เขาก็อยู่ในความดูแลของสะใภ้ใหญ่ที่บ้าน เมื่อถึงเวลาพักงานหล่อนถึงจะกลับมาให้นมกับเขา
วันนี้สะใภ้รองไม่ได้ออกไปทำงานเหมือนกัน เนื่องจากหล่อนปวดท้องรอบเดือนมากจึงไม่ได้ไปทำงาน
สะใภ้รองจึงไม่ได้ทำงานบ้านเนื่องจากเห็นว่าแม่สามีของหล่อนอยู่บ้านและทำงานบ้านอยู่แล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าแม่สามีของหล่อนจะไปที่บ้านสะใภ้สี่เพื่อคอยดูแลหลาน ๆ บ้านนั้น
“เนื้อนี่สะใภ้สี่ให้มานะ” ก่อนหน้านี้ท่านแม่โจวคิดว่าสะใภ้สี่คิดมากเกินไป แต่ในตอนนี้นางไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว
เห็นปฏิกิริยาของสะใภ้รองแล้ว ท่าทางไม่พอใจของหล่อนนี่มันอะไรกัน?
ทันทีที่เห็นเนื้อชิ้นนี้ สะใภ้รองก็ไม่บ่นอะไรอีก หล่อนมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาทันที “สะใภ้สี่ใจดีจังเลยค่ะที่ให้เนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้มา”
“หล่อนบอกว่าเป็นเพราะฉันช่วยดูแลเจ้ารองกับเจ้าสามน่ะเลยให้เนื้อชิ้นนี้มา” ท่านแม่โจวอธิบาย
พอสะใภ้รองได้ยินดังนั้นก็ปากกระตุกทันที
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ในที่สุดตอนที่หลายคนรอคอยก็ได้มาถึงแล้วค่ะ เขา…ได้…กัน…แล้ว…กรี๊ดดดดดดดดดด!!!
/จุดพลุ เปิดท่อนปิดท้ายเพลง 1812 overture เวอร์ชั่นมีเสียงปืนใหญ่ของ Tchaikovsky เป็นดนตรีแบคกราวด์/
พ่อกินดุเดือดมาก ทำแม่หมดแรงไปหลายยกเลยค่ะ ตอนที่นั่งแปลอยู่ก็พยายามคิดว่าจะแปลอย่างไรให้สมกับความกินโหดกินดุของพ่อดีน้า จริง ๆ อยากใส่ฉากเซอร์วิสเพิ่มอีกหน่อยล่ะค่ะ แต่ด้วยความที่เนื้อหาในต้นฉบับมันมาแค่นี้ จึงต้องเคารพต้นฉบับและใส่คำที่มันดูเร้าใจลงไปแทน หากผู้แปลยังแปลตรงจุดนี้ไม่เร้าใจพอก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
เป็นอันว่าตอนนี้แม่ก็ได้เริ่มธุรกิจที่อยากทำ ส่วนพ่อก็ได้กินแม่จนอิ่มหนำสมใจอยาก วิน ๆ ทั้งสองฝ่าย ยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะคะ ดูท่าจะมีเจ้าสี่ในไม่ช้านี้แล้วค่ะ
ไงล่ะสะใภ้รอง เจอไอเทมเด็ดของสะใภ้สี่เข้าไป หน้าสั่นเลยใช่ไหมคะ อย่าริฟาดกับแม่ค่ะ
ไหหม่า (海馬)