ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 87 วายร้ายเฉินซาน
บทที่ 87 วายร้ายเฉินซาน
ไม่นานนักก็เข้าสู่เดือนกันยายนที่เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงจะเริ่มต้นตอนปลายเดือนนี้และดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเดือนพฤศจิกายน
เรื่องนี้เป็นโครงการใหญ่มาก เท่ากับการใช้แรงงานในการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนถึงสามเท่าตัวเลยทีเดียว เป็นดังนี้แล้วก็เพียงพอที่จะเข้าใจได้เลยว่าการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นเรื่องลำบากยากเข็ญขนาดไหน
ถึงอย่างนั้นหลินชิงเหอก็ไม่ยอมทำงานในไร่นา
นับตั้งแต่การเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงในปลายเดือนกันยายน หลินชิงเหอก็ทำอาหารกลางวันไปส่งให้สามีที่แปลงนาทุกวัน เพราะเธอรู้สึกเห็นใจโจวชิงไป๋ที่ต้องแบกรับภาระหนักนอกบ้าน ขณะที่เธอทำงานบ้านทั้งหมดที่บ้าน
เธอจึงทำงานทุกอย่างที่บ้าน แม้แต่เล้าหมูก็ถูกทำความสะอาดก่อนที่สามีจะกลับมาถึงบ้าน โจวชิงไป๋ที่ทำงานหนักจึงไม่ต้องเก็บกวาดมูลหมูและมูลไก่เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว
ส่วนเรื่องอาหารกลางวัน หลินชิงเหอก็ทุ่มเทความคิดสร้างสรรค์ทั้งหมดลงไป
เป็นต้นว่า ซาลาเปายักษ์ หมั่นโถวกับหมูทอด หรือไม่ก็หมั่นโถวข้าวโพดกับหมูตุ๋น
ที่สำคัญคืออาหารทุกมื้อจะต้องมีผักในปริมาณมาก อย่างเช่น ซุปมะเขือเทศและซุปถั่วแขก
เธอนำอาหารกลางวันทั้งหมดไปให้โจวชิงไป๋ด้วยการปั่นจักรยานไป หญิงสาวไม่สนใจว่าบ้านตระกูลโจวจะว่าอย่างไร แม้ว่าสะใภ้ใหญ่จะเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ หลินชิงเหอก็ปฏิเสธไปอย่างไม่ลังเล
ทุกครอบครัวมีหน้าที่ของตัวเองต้องทำ อย่าเหมารวมกัน เป็นเช่นนี้แล้วจะไม่มีใครถูกว่ากล่าวได้
ใช่แล้ว หลินชิงเหอยังเคืองเรื่องที่ท่านแม่โจวเข้ามายุ่งเรื่องในครอบครัวของเธอ หญิงสาวไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องเป็นฝ่ายทรมานใจ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะไม่ดูแลคนครอบครัวตระกูลโจวเสีย
ในคราวเก็บเกี่ยวช่วงฤดูร้อนนี้ เธอได้ส่งถั่วเขียวต้มน้ำตาลหรือของบางอย่างให้ครอบครัวตระกูลโจว แต่พอเป็นการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ ทางบ้านนั้นกลับไม่ได้รับของกินอะไรจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว หลินชิงเหอรู้แน่ว่าพวกเขาอาจไม่พอใจ แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยล่ะ?
หญิงสาวมีความคิดที่แสดงออกอย่างเห็นชัดว่าเธอเป็นคนมีสิทธิ์ในเรื่องทุกอย่างของครอบครัวเธอ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้ามายุ่ง ต่อให้ฝ่ายนั้นจะเป็นแม่สามีอย่างท่านแม่โจวก็ตาม ถึงนางจะหวังดีแต่นางก็ไม่ควรเข้ามายุ่ง
เธออาจจะดูทำเกินกว่าเหตุ แต่ตัวเธอก็เป็นคนแบบนี้แหละ
โจวชิงไป๋รู้สึกถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนเช่นกัน ขณะที่เขาทานถั่วเขียวต้มน้ำตาลนั้น เขาก็แอบชำเลืองมองภรรยาไปด้วย
หลินชิงเหอรู้สึกตัวจึงหรี่ตามองเขา “คุณมีอะไรจะพูดหรือเปล่าคะ?”
ก่อนที่โจวชิงไป๋จะมีโอกาสได้พูดออกมา เจ้าใหญ่ก็พูดแทนพ่อของเขาเสียก่อน “แม่ครับ แม่อยากจะส่งของอะไรไปให้คุณปู่คุณย่าไหมครับ?”
“ถ้าทางบ้านคุณปู่คุณย่าอยากจะกิน พวกเขาก็มีถั่วเขียวให้ต้มกินอยู่นี่? ในเมื่อพวกเขาไม่ได้ต้มถั่วเขียวก็หมายความว่าพวกเขาไม่อยากกิน” หลินชิงเหอตอบเสียงเรียบ
“ถ้างั้นป้าสะใภ้รองต้องว่าแม่แน่เลยครับ” เจ้ารองแสดงความเห็น
“แล้วป้าจะว่าอะไรแม่ได้ล่ะ! ถ้าป้ามีความกล้าพอจะมาพูดต่อหน้าแม่ แม่ก็จะให้บทเรียนดี ๆ ไปสักบท” หลินชิงเหอแค่นเสียง
โจวชิงไป๋รู้สึกอับจนขึ้นมาทันที
“รีบกินแล้วรีบนอนพักกันซะนะ” หลินชิงเหอออกคำสั่ง
โจวชิงไป๋เคี้ยวอาหารของตัวเอง เช่นเดียวกับเจ้าใหญ่และเจ้ารอง หลังทานอาหารเสร็จแล้วพวกเขาก็นอนงีบอยู่บนถุงกระสอบพลาสติก
พวกเขามีเวลาพักจำกัด แต่ก็จะพยายามงีบหลับให้ได้มากเท่าที่จะทำได้
หลินชิงเหอพาเจ้าสามปั่นจักรยานกลับบ้าน แล้วเธอก็เจอสะใภ้สามที่กำลังเดินทางกลับบ้านเหมือนกัน
“อย่าขุ่นเคืองใจนานนักเลยนะ” สะใภ้สามแนะนำ
หลินชิงเหอหัวเราะ “ฉันขุ่นเคืองใจเรื่องอะไรเหรอคะ? ทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง ก่อนหน้านี้ก็เป็นแบบนี้กันไม่ใช่เหรอคะ?”
“เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ตอนนี้ก็คือตอนนี้ ตอนนี้น้องเขยสี่เองก็อยู่ที่บ้าน เธอทำตัวแบบนี้อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจนะ” สะใภ้สามบอก
หลินชิงเหอไม่ตอบอะไรทั้งที่ในใจบ่นพึมพำ ‘อย่างน้อยฉันจะทำให้โจวชิงไป๋ป่วยใจได้อย่างไรล่ะ?’
แต่หญิงสาวก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก มันมีช่องว่างระหว่างวัยอยู่ บางเรื่องพูดไปก็ไม่เข้าใจกันหรอก
เธอแยกตัวจากสะใภ้สามและกลับมาถึงบ้าน จากนั้นก็พาเจ้าสามเดินเข้าไปในบ้าน ในตอนนี้เองก็มีชายหนุ่มคนเมืองมีการศึกษาคนหนึ่งแวะมาหา “พี่สะใภ้สี่โจว ผมขอยืมจักรยานหน่อยได้ไหมครับ? ผมกำลังจะไปที่แปลงนา พี่ชายสี่โจวกับเด็ก ๆ จะได้ขี่กลับมาในตอนเย็นได้”
หลินชิงเหอย่นคิ้ว “นายเป็นใครน่ะ?”
“ผมชื่อเฉินซาน เป็นนักศึกษาในเมืองที่มาจากเมืองจิน พี่สะใภ้สี่โจวโปรดดูแลผมด้วยนะครับ” นักศึกษาคนเมืองนามเฉินซานกล่าวแล้วก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
สีหน้าของหลินชิงเหอยังคงไม่เปลี่ยนจากเดิม ขณะที่ในใจรู้สึกประหลาดใจ เมื่อหายตกใจแล้วเธอก็แค่นเสียงหึ
เฉินซาน?
นี่มันชายชั่วที่มาเกี้ยวพาเจ้าของร่างเดิมในพล็อตเรื่องเดิมไม่ใช่เหรอ?
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้เผชิญหน้ากันโดยบังเอิญ ตอนนี้เธอได้เจอกับเขาแล้ว!
“นักศึกษาเฉิน เราไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนแต่นายก็ยังจะกล้ามายืมจักรยานจากฉันงั้นเหรอ นายเอาหน้ามาจากไหนกัน? คิดว่าตัวนายเองเป็นนักศึกษาจากเมืองจินแล้ววิเศษวิโสนักเหรอไง?” หลินชิงเหอหัวเราะ แต่สิ่งที่พูดกับเขาไม่ต่างอะไรจากคำปรามาสอันเย็นชา
ชายชั่วคนหนึ่งกล้ามาหาเธอแล้วแสร้งทำตัวสูงส่งงั้นเหรอ?
เฉินซานได้ฟังแล้วก็ยังคงวางท่าทางสง่างามเช่นเดิม “คำพูดของพี่สะใภ้สี่โจวฟังเหมือนกำลังดูถูกคนอย่างผมอยู่นะครับ นักศึกษาคนกรุงที่เดินทางมายังชนบทไม่ได้แตกต่างจากทุกคนเลย”
“นายจะเรียกว่าเป็นการดูถูกก็ได้นะ แต่คนบางคนที่ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นน่ะทำให้คนชมไม่ได้หรอก แน่นอนว่านักศึกษาเมืองกรุงส่วนใหญ่น่ะดีจริงไม่เถียง แต่มันก็มีพวกขี้เกียจสันหลังยาวบางส่วนที่ไม่เคยทำงานจนกระทั่งถึงตอนนี้นี่แหละ!” หลินชิงเหอกลั้วหัวเราะแล้วก็หันหลังกลับจูงเจ้าสามเดินจากไป
แม้หญิงสาวจะมีคำปรามาสอยากจะสาดใส่เขามากกว่านี้ แต่เธอต้องไม่ล้ำเส้นเกินไปและไว้หน้าเขาบ้าง เพราะลูก ๆ ทั้งสามคนของเธอยังเล็กอยู่
“สวยออกขนาดนี้แต่กลับแต่งงานกับชายชนบทป่าเถื่อนเนี่ยนะ แล้วสักวันคุณจะต้องเสียใจ แล้วผมจะรอให้คุณหนีตามผมมาในวันที่คุณเสียใจแล้วกัน!” สายตาของเฉินซานฉายแววกระหายอยากเอาชนะขณะมองแผ่นหลังของหลินชิงเหอ
จากสายตาการประเมินขั้นสูงของเฉินซาน ภรรยาของโจวชิงไป๋นับว่าเป็นเพชรเม็ดงาม ทรวงทรงองค์เอวของหล่อนมีส่วนโค้งเว้าชัดเจน แถมดวงหน้านั้นก็ดูอิ่มเอิบมีน้ำมีนวล
ต่อให้ค้นหาภายในสิบลี้แปดหมู่บ้านก็ไม่อาจหาหญิงสาวแบบนี้ได้เลย ถึงหล่อนจะมีลูกชายสามคนแล้ว แต่หล่อนก็ยังงดงามมีเสน่ห์มากนัก
ไม่ช้าก็เร็ว คุณจะต้องร้องขอความเมตตาใต้ผม!
ต่อให้ไม่รู้ว่าเจ้าหนูผีนี่คิดอะไรอยู่ หลินชิงเหอก็ยังดูถูกเขา
ความจริงแล้วเจ้าของร่างเดิมไม่ได้หลงรักชายคนนี้เลย แต่หล่อนถูกเฉินซานล่อลวงหลังจากที่ถูกบีบจนมุม แม้ดูจากภายนอกแล้วจะเห็นว่าหล่อนถูกล่อลวง มันก็ยังเป็นเพราะความจริงที่ว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ได้มีหลักการของตัวเองสูงนัก
แต่เธอไม่เหมือนกับเจ้าของร่างเดิม เพราะในความคิดของเธอแล้ว โจวชิงไป๋ก็ยังเหนือกว่าในทุกแง่มุม ดังนั้นเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
ไม่ว่าพล็อตเรื่องจะทรงพลังขนาดไหน แต่ในเมื่อเธออยู่ที่นี่แล้ว มันก็เป็นการตัดสินใจของเธอเอง!
“แม่ ผมง่วงนอน” เจ้าสามเอ่ยในทันทีที่เข้ามาในบ้าน
“แม่เองก็ง่วงนอนเหมือนกัน” หลินชิงเหอยิ้มกริ่มและเข้านอนพักกลางวันพร้อมกับลูกชาย
พวกเขาหลับไปจนกระทั่งถึงบ่ายสองครึ่ง หลินชิงเหอถึงได้ตื่นนอน เมื่อเจ้าสามได้นอนพักเพียงพอแล้ว หญิงสาวก็ปล่อยให้เขาเล่นกับเฟยอิง จากนั้นก็ลุกออกจากห้องนอนไปนวดแป้งเตรียมทำหมั่นโถว ขณะรอให้แป้งขึ้นตัว เธอก็เริ่มทำความสะอาดมูลหมูกับมูลไก่ในเล้า
ในเมื่อโจวชิงไป๋เหนื่อยล้าเกินไป เธอก็จะช่วยงานด้านนี้โดยไม่ปริปากถาม หากเป็นเจ้าของร่างเดิมล่ะก็ คงเป็นไปไม่ได้หรอกที่ครอบครัวนี้จะได้เลี้ยงหมู เธอเชื่อว่าเธอทำดีกว่าเจ้าของร่างเดิมเยอะมาก แต่ถึงอย่างนั้นท่านแม่โจวก็ยังคอยวิจารณ์ ถึงเธอจะมีความตั้งใจเดิมว่าจะใจดี แต่เรื่องนี้เธอก็รับไม่ได้
ดังนั้นอย่าหาว่าเธอทำเกินไปเลย สิ่งที่เธอต้องการแสดงให้เห็นก็คือเธอไม่ต้องการให้ใครแม้กระทั่งแม่สามีมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัวของเธอ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กก็ตาม
เธอจะไม่ยอมรับการประนีประนอมใด ๆ ตราบใดที่ท่านแม่โจวยังแสดงความเห็นหรือมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันก็ไม่มีทางที่จะคืนดี
ต่อให้โจวชิงไป๋จะต้องอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด แต่เธอก็จะไม่ทำให้ตัวเองไม่สบายใจ เขาชอบที่จะมีปัญหานักก็ปล่อยให้เขามีปัญหาไปแล้วกัน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เอาแล้วค่ะ แม่เริ่มฟาดกลับแล้ว ท่านแม่โจวและคนบ้านใหญ่ควรถอยนะคะหากไม่อยากโดนระเบิดลง
ฝันไปเถอะเฉินซาน ชิงเหอคนนี้จะไม่ยอมถูกนายล่อลวงหรอก สามีเขาแซ่บกว่านายเยอะ
พ่อแย่แล้วค่ะ อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนกลางระหว่างศึกแม่สามีลูกสะใภ้เฉยเลย พ่อจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ บ้านโจวจะโดนแม่ถล่มหรือเปล่า ติดตามตอนหน้าค่ะ
ไหหม่า (海馬)