ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 1 ลูกสาวบุญธรรมถอดหน้ากากออกซิเจน
ตอนที่ 1 ลูกสาวบุญธรรมถอดหน้ากากออกซิเจน
ตอนที่ 1 ลูกสาวบุญธรรมถอดหน้ากากออกซิเจน
ห้องพิเศษของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
หลินเซี่ยกำลังนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงผู้ป่วย เบื้องหน้าเธอมีชายหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวดีคู่หนึ่งยืนอยู่ รวมถึงเด็กสาวอีกคนที่อายุประมาณสิบเจ็ดย่างสิบแปดปี
ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเด็กสาวเต็มไปด้วยความจริงจัง หล่อนเงยหน้ามองชายหญิงวัยกลางคน ถามว่า “คุณพ่อ คุณแม่ ตอนนี้เลยเหรอคะ?”
ชายและหญิงวัยกลางคนพยักหน้าเบา ๆ
เด็กสาวจึงก้าวเท้าช้า ๆ ไปยังเตียงผู้ป่วย
หลินเซี่ยลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรงเพื่อมองหล่อน “เจียเจีย มีอะไรหรือเปล่าลูก?”
เด็กสาวคลี่ยิ้มจาง ๆ แต่ประโยคที่หล่อนพูดหลังจากนี้กลับขัดแย้งกับรูปลักษณ์ภายนอกสิ้นดี “แม่ หนูคิดว่าแม่อย่ามัวนอนพะงาบให้เปลืองเงินค่ารักษาอยู่เลย หนูจะช่วยให้แม่ได้ไปเกิดใหม่เร็วขึ้น”
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าแกพูดอะไรออกมา!” หลินเซี่ยมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ แทบไม่เชื่อหูตัวเองว่านี่เป็นสิ่งที่ลูกสาวของเธอจะกล้าพูดออกมา
“หนูไม่ใช่ลูกของคุณ” หลินเจียยังคงยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะมองไปทางชายหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง “จริงไหมคะ? คุณพ่อ คุณแม่”
เมื่อมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ใบหน้าที่ซีดเซียวของหลินเซี่ยพลันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พยายามเปล่งเสียงถามอย่างสุดกำลัง “เธอเรียกพวกเขาว่าอะไรนะ?”
หญิงวัยกลางคนเดินลากส้นสูงเข้ามา มองผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยสีหน้าประชดประชัน พูดว่า “เธอได้ยินถูกแล้ว เจียเจียเป็นลูกสาวของจื้อหมิงกับฉัน ตอนนั้นฉันแอบไปคลอดหล่อนอย่างลับ ๆ แต่เพราะกลัวว่าเธออาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าวงการบันเทิงของฉัน ฉันก็เลยมาหาเธอ ขอให้เธอช่วยรับเลี้ยงไว้เป็นลูกบุญธรรม แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะผลักดันให้เจียเจียเข้าวงการบ้าง หลังจากนี้ฉันจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนของหล่อนอีก”
เมื่อได้ยินคำพูดจากปากหล่อน หลินเซี่ยก็ตกใจมากจนหน้ากากออกซิเจนเกือบหลุด “หล่อนเป็นลูกสาวของเธอกับหลิวจื้อหมิงจริงเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? เธอกับสามีฉันแอบคบชู้กัน แล้วแอบไปคลอดลูกลับหลังฉันเนี่ยนะ?”
เธอพยายามยกเปลือกตาขึ้นด้วยความยากลำบาก มองไปที่หลิวจื้อหมิงราวกับจะขอคำยืนยัน
หลิวจื้อหมิงดันแว่นตาให้เข้าที่ ไม่กลัวการจ้องมองอย่างคาดคั้นของหลินเซี่ย แต่กลับจ้องกลับอย่างยั่วยุ “อวี้อิ๋งพูดถูก เจียเจียเป็นลูกของหล่อนกับผม”
หลินเซี่ยรู้สึกว่าในหัวสมองเต็มไปด้วยเสียงโครมคราม ราวกับมันกำลังจะระเบิด
“ใครใช้ให้เธอโง่เองล่ะ? ตอนที่ภูมิหลังของเราสองคนถูกเปิดเผย พ่อแม่ฉันก็รีบส่งตัวเธอกลับไปอยู่บ้านนอก แต่เธอไม่ยอมท่าเดียว กระเสือกกระสนจะกลับเข้ามาในเมืองเหมือนหมาจนตรอก จื้อหมิงกับฉันคบกันได้สักพัก เธอก็กลับมา”
“รู้ไหมว่าทำไมตอนนั้นเธอถึงถูกขายให้กับคนขายเนื้อชื่อหวังต้าจ้วงนั่น?” เสิ่นอวี้อิ๋งขยับเข้าไปใกล้หูของเธอแล้วกระซิบ “เป็นเพราะฉันกับจื้อหมิงร่วมมือกันไงล่ะ เราหาทางกำจัดเธอให้พ้นทาง ทำให้เธอต้องติดอยู่ที่บ้านนอกตลอดไป ใครจะไปรู้ว่าไอ้เฉินเจียเหอนั่นจะช่วยเธอออกมาได้ ฉันจะบอกอะไรให้ ผู้ชายน่าเบื่อคนนั้นรักเธอยิ่งกว่าอะไรดี เขาไม่ยอมแต่งงานใหม่มาหลายปีแล้ว น่าเสียดาย เขากลับมอบความรักให้หมาเลี้ยงไม่เชื่องอย่างเธอ”
“สารเลว!”
ร่างกายของหลินเซี่ยสั่นเทาอย่างรุนแรง เธอไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ว่าความจริงทุกอย่างจะโหดร้ายขนาดนี้
เมื่อสิบห้าปีก่อน เธอพวกค้ามนุษย์จับตัวไปขายให้กับหวังต้าจ้วง คนขายเนื้อในหมู่บ้านของเธอ คืนนั้นเธอเกือบโดนฆ่าตายเพราะพยายามขัดขืนคนขายเนื้อที่สุดแสนจะน่าขยะแขยงคนนั้น ในที่สุดเฉินเจียเหออดีตสามีและแม่แท้ ๆ ของเธอก็บุกเข้ามาช่วยได้ทันเวลา
คืนนั้นยังเป็นคืนเดียวกันกับที่แม่ผู้ให้กำเนิดของเธอถูกหวังต้าจ้วงแทงจนตายคาที่ เหตุการณ์นั้นทำให้เธอมีปมทางจิตใจที่ร้ายแรงตั้งแต่นั้นมา จนไม่สามารถยอมรับการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนได้อีกต่อไป
ถึงอย่างนั้น หลิวจื้อหมิงผู้ที่ฉากหน้าเป็นสามีผู้แสนดีก็ยังคอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
เสิ่นอวี้อิ๋ง พี่สาวที่แสนดีคนนี้เลยถือโอกาสโน้มน้าวให้เธอยอมรับเลี้ยงเด็กหญิงวัยสามขวบคนหนึ่ง
เสิ่นอวี้อิ่งอ้างว่าเด็กคนนี้จะทำให้ชีวิตของเธอสมบูรณ์พร้อมด้วยทุกสิ่ง
ที่ผ่านมาเธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ได้พบกับพวกเขา ตลอดระยะเวลาหลายปีหลังจากนั้น เธอทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามของเสิ่นอวี้อิ๋งแบบถวายหัวทั้งแรงกายแรงใจ สนับสนุนให้เธอได้เข้าสู่แวดวงบันเทิง โดยมีหลิวจื้อหมิงเป็นผู้จัดการส่วนตัวอีกทีหนึ่ง ส่วนเธอเป็นทั้งสไตล์ลิสต์ประจำตัวและพี่เลี้ยง
เธอเคยถูกแมวมองสนใจและติดต่อเซ็นสัญญาด้วย แต่ก็ปฏิเสธโดยไม่ลังเลเพราะเห็นแก่เสิ่นอวี้อิ๋ง
เสิ่นอวี้อิ๋งเองก็รักใคร่หลินเจียเหมือนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองเสมอมา
พวกเขาทั้งสามรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี และทำงานร่วมกันมานานมาก ไม่คาดคิดมาก่อนเลย ทุกคนที่เธอรักรวมหัวกันวางแผนชั่ว วางแผนชั่วมาโดยตลอด!
ประมาณหนึ่งเดือนก่อน ลูกศิษย์คนหนึ่งแยกตัวเธอออกไปคุยด้วยตามลำพัง บอกว่าตัวเองบังเอิญได้ยินเสิ่นอวี้อิ๋งกับหลิวจื้อหมิงแอบคุยกันว่าทำอย่างไรเธอถึงจะหายไปจากโลกนี้ จึงมาเตือนให้เธอระวังตัว
แต่ตอนนั้นเธอกลับคิดว่าลูกศิษย์คนนี้กำลังสร้างความขัดแย้ง เธออยู่กับเสิ่นอวี้อิ๋งมานานหลายปี รู้ทุกความลับเบื้องหลังอันสกปรกทั้งหมดของอีกฝ่าย และมั่นใจว่าตัวเองรับมือกับเสิ่นอวี้อิ๋งได้ ดังนั้นหลังจากฟังคำเตือนของลูกศิษย์แล้ว เธอก็ยังไม่ได้ใช้มาตรการตอบโต้ใด ๆ
ใครจะไปคิดว่าตัวเองจะมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างกะทันหันเข้าเสียก่อน
เธอคิดว่าต่อให้เสิ่นอวี้อิ๋งหาข้ออ้างมาไล่เธอออกจริง ๆ ก็คงไม่พ้นเหตุผลว่าเธอรู้ความลับส่วนตัวต่าง ๆ มากเกินไป
ที่ไหนได้ เธอเป็นฝ่ายเลี้ยงดูอุ้มชูลูกชู้ของสามีตัวเองเสียเอง
ความไร้ยางอายของผู้หญิงคนนี้ ช่างชั่วช้าเหนือจินตนาการ!
อุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ได้คร่าชีวิตเธอก็จริง แต่ลูกสาวที่เลี้ยงมากับมือแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะถอดหน้ากากออกซิเจนของเธอออก
“ตลกสิ้นดี ฉันอุตส่าห์เลี้ยงดูลูกแทนพวกแก ตอนนี้พวกแกกลับรวมหัวกันเพื่อมาฆ่าฉันเหรอ?”
เสิ่นอวี้อิ๋งตอบกลับเบา ๆ “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอตาย ถึงยังไงเธอก็ทุ่มเททำงานอย่างหนักมาหลายปีโดยที่ไม่เคยได้รับเครดิตอะไรกับใครเขา แต่เป็นเพราะเธอโชคดีเกินไป เธอมันก็แค่คนโง่คนหนึ่งที่มีพ่อเป็นบุคคลทรงอิทธิพลก็เท่านั้น”
“ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลย ฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอได้เจอเขาเด็ดขาด สมบัติทุกอย่างของเขาที่ควรเป็นของเธอ ฉันจะทำให้มันตกเป็นของฉันทั้งหมด อย่าหวังเลยว่าชาตินี้เธอจะมีโอกาสได้ปีนข้ามหัวฉันไป” ใบหน้าที่บอบบางและสวยจัดของเสิ่นอวี้อิ๋งเต็มไปด้วยความดุร้ายน่ากลัว
หลินเจียผลักหล่อนออกไป “คุณแม่คะ หยุดพูดไร้สาระกับหล่อนเถอะ หนูจะถอดหน้ากากออกซิเจนเดี๋ยวนี้”
หลินเซี่ยเฝ้าดูการเติบโตของลูกสาวที่เธอฟูมฟักทะนุถนอมมาสิบห้าปี เวลานี้กรงเล็บปีศาจของอีกฝ่ายกลับยื่นออกมาหมายปลิดชีพ ทำให้เธอตัวสั่นด้วยความโกรธ พ่นคำสาปแช่งอย่างดุเดือด “นังปีศาจเลี้ยงไม่เชื่อง!”
หลินเจียแสยะยิ้มให้เธอ “แม่ หนูจะเรียกคุณว่าแม่เป็นครั้งสุดท้าย อย่าโทษหนูเลย หนูก็อยากพาตัวเองเข้าวงการบันเทิงเหมือนกัน แต่หนูจะต้องมีครอบครัวที่มีฐานะดี มีพ่อแม่ที่มีชื่อเสียง เป็นสิ่งที่ชาตินี้คุณไม่มีวันมอบให้หนูได้”
หลังจากที่หลินเจียพูดจบ หล่อนก็กางนิ้วมือทั้งห้าดึงหน้ากากออกซิเจนออกทันที
การหายใจของหลินเซี่ยเริ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ เธอมองไปทางเสิ่นอวี้อิ๋ง จากนั้นใบหน้าซีดเซียวก็แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย พยายามเปล่งเสียงพูดออกมาเฮือกสุดท้าย “เสิ่นอวี้อิ๋ง ฉันก็มีอะไรอยากบอกเธอเหมือนกัน หลายปีที่ผ่านมา ฉันเก็บรวบรวมรูปถ่ายของเธอกับผู้ชายพวกนั้นบนเรือไว้เป็นอย่างดี ไหนจะหลักฐานที่เธอเข้าไปมีส่วนพัวพันกับอาชญากรรมทางการค้า ถ้าฉันตายเมื่อไหร่ เรื่องทั้งหมดจะถูกเปิดโปงทันที”
“หลิวจื้อหมิง คุณคงไม่รู้สินะว่าตัวเองถูกสวมเขาอยู่? ใครจะรู้ว่านังเด็กสารเลวคนนี้เป็นลูกของหล่อนกับผู้ชายคนไหนกันแน่ ฮ่าๆๆๆ!”
หลินเซี่ยที่ถูกถอดหน้ากากออกซิเจนไปแล้วดิ้นรนเฮือกสุดท้าย ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นทั้งร่างก็กระตุกเกร็ง
เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในโลกนี้ แม้กระทั่งลมหายใจสุดท้ายก็สูดเข้าไปได้ยากเย็น
เสิ่นอวี้อิ๋งที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่าได้เริ่มอาละวาดเพราะตกใจในคำพูดของเธอ “พูดบ้าอะไรน่ะ? หลินเซี่ย ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร? ใครก็ได้ยื้อชีวิตมันที!”
หลินเซี่ยฟังเสียงตะโกนโหวกเหวกที่เต็มไปด้วยความตระหนกของเสิ่นอวี้อิ๋ง มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มเยาะเบาบาง จากนั้นการมองเห็นของเธอก็เริ่มพร่ามัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอมองสามพ่อแม่ลูกที่อยู่ตรงหน้า จำได้ว่าเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ตอนที่เสิ่นอวี้อิ๋งถูกพ่อแม่บุญธรรมพาตัวกลับมาที่บ้าน สมาชิกตระกูลเสิ่นก็มองเธอด้วยสายตาเฉยเมยไร้เยื่อใย ก่อนจะจัดการผลักไสเธอให้ออกจากบ้านตระกูลเสิ่นอย่างไม่ไยดี
ตลอดชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความล้มเหลวผิดพลาด
เธอทำให้คนที่ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีต้องผิดหวัง ถูกปีศาจพวกนี้หลอกใช้ จนสิ้นชีวิตลงด้วยจุดจบที่เลวร้าย
เธอนึกเสียใจขึ้นมาที่ไม่ตัดสินใจเปิดโปงความลับโสมมเหล่านั้นให้เร็วกว่านี้
แต่เธอเชื่อมั่นว่าหู่จื่อจะจัดการทุกอย่างแทนเธออย่างสาสม
หลังจากนั้นชายหญิงแพศยาคู่นี้จะถึงคราวล่มจม ต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก น่าเสียดายที่เธอไม่มีโอกาสได้เห็นวันนั้นกับตา
“โอ๊ย…” หลินเซี่ยรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าผาก เธอกลับมามีสติรู้ตัวอีกครั้ง
เธอตกอยู่ในความงุนงงทันที ผู้หญิงคนนั้นตะโกนเรียกให้คนช่วย เธอก็เลยรอดตายอีกครั้งเหรอ?
เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตากลับกลายเป็นคานไม้สีเข้ม
ไม่ใช่ห้องในโรงพยาบาล!
เธอรีบกวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว พบว่ามันเป็นบ้านก่อด้วยอิฐที่เก่าโทรมตามอายุขัย สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสับสนงุนงง
พอขยับร่างกายอีกครั้ง กลับไม่รู้สึกอ่อนปวกเปียกเหมือนตอนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
ทันทีที่เธอยกผ้านวมผ้าซาตินลายดอกโบตั๋นหนัก ๆ ออกจากตัว ก็เห็นว่าตัวเองสวมเสื้อสเวตเตอร์สีแดงแบบเรียบง่าย ท่อนล่างสวมกางเกงผ้าสีดำ
ชุดนี้ทำไมดูเหมือนชุดที่เธอชอบใส่สมัยอายุยังน้อยเลยนะ?
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ แอบอยู่หลังประตู กำลังมองเข้ามาในห้องด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ
“หู่จื่อ?”
หลินเซี่ยเบิกตาโพลงเมื่อเห็นเด็กน้อยที่ยืนอยู่ตรงประตูอย่างชัดเจน เปิดปากเรียกเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น
เขาคือลูกชายของเฉินเจียเหอ หู่จื่อในวัยเด็กใช่ไหม?
เธอเห็นภาพหลอนอยู่หรืออย่างไรกัน?
เมื่อหู่จื่อได้ยินเสียงของเธอ เขาก็ยกหนังสติ๊กในมือขึ้นทันที เล็งเป้าไปที่เธออย่างแม่นยำ “ฮึ่ม ผู้หญิงไม่ดีขี้เกียจตัวเป็นขน ผมจะยิงคุณเดี๋ยวนี้แหละ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เริ่มเรื่องมาอย่างซับซ้อน ต่างฝ่ายต่างกุมความลับของกันและกัน รอดูเลยค่ะว่านางเอกย้อนกลับมาในวัยสาวแล้วจะแก้ไขสิ่งผิดพลาดอย่างไรบ้าง
ไหหม่า(海馬)