ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 110 จุดไต้ตำตอ
ตอนที่ 110 จุดไต้ตำตอ
ตอนที่ 110 จุดไต้ตำตอ
หลินเซี่ยเดินสำรวจถนนไปทั้งเส้น แม้จะไม่มีร้านรวงให้เช่าแล้ว แต่ก็มีพื้นที่ว่างอยู่ข้างหน้า เธอจึงสอบถามข้อมูลของพื้นที่สาธารณะตรงนั้น จากนั้นก็ไปหาเทศกิจเมือง หากเป็นไปได้เธอจะสร้างเพิงเล็ก ๆ ง่าย ๆ ตรงนั้นเพื่อตัดผมทำผมให้กับลูกค้า
เช่นเดียวกับร้านตัดผมโกนผมหลายแห่งของพวกคุณลุงที่ล้วนแล้วแต่เป็นเพิงเล็ก ๆ ในพื้นที่เปิดโล่ง
อีกทั้งเธอเองก็เป็นผู้ที่มาอยู่ใหม่ จึงต้องการแสดงทักษะฝีมือ ซึ่งการสร้างเพิงในพื้นกลางแจ้งจะทำให้คนเห็นได้มากกว่า
รอให้เธอมีชื่อเสียงมากขึ้นในระดับหนึ่ง ต่อให้เปิดร้านในทำเลที่ห่างไกลออกไปก็จะมีฐานลูกค้าที่มั่นคง
กว่าเธอจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว เธอจึงลงมือต้มน้ำร้อนในกาน้ำ จากนั้นวางกระปุกใบชาและน้ำตาลทรายไว้บนโต๊ะ แล้วกวาดพื้นและเช็ดโต๊ะอีกครั้ง หลังทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยทุกซอกทุกมุมแล้วก็ลงไปที่ลานบ้านด้านล่างเพื่อรอคนมาส่งเครื่องใช้ไฟฟ้า
เมื่อแสงแดดอบอุ่นขึ้น พวกลุงหนิวก็ย้ายเครื่องบันทึกเทปไปที่ลานบ้านและเริ่มเต้นรำ
เมื่อเห็นหลินเซี่ย เขาจึงรีบทักทายเธอ “เสี่ยวหลิน มาซ้อมกันเถอะ การแข่งขันจะมีขึ้นในวันมะรืนนี้แล้ว หัวใจฉันเต้นแรง ตื่นเต้นมากเลยทีเดียว”
“ลุงหลี่อย่าเพิ่งกังวลไปเลยค่ะ แค่ทำให้เป็นตามปกติ เราซ้อมกันมาหลายครั้งแล้ว ทุกท่วงท่าล้วนฝึกฝนจนชำนาญย่อมไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”
หลินเซี่ยซึ่งเอ่ยจบแล้วยืนอยู่กลางแสงแดด พลางมองไปทางประตู
“เสี่ยวหลิน เธอมองอะไรอยู่น่ะ?” ป้าหวังเอ่ยถาม
“เฉินเจียเหอซื้อของสามสิ่งสำคัญสำหรับการแต่งงานไปค่ะ ฉันกำลังรอคนมาส่ง”
สีหน้าของหลินเซี่ยเปี่ยมด้วยความสุขเมื่อเธอพูดถึงสามสิ่งสำคัญสำหรับการแต่งงาน
“สามสิ่งสำคัญสำหรับการแต่งงานอะไรกัน?” ป้าหวังหยุดเต้นและถามอย่างสงสัย “ใช่สองห่วงและหนึ่งเสียงหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยตอบว่า “เขาบอกว่าเป็นเครื่องซักผ้า โทรทัศน์สี และจักรเย็บผ้าค่ะ”
ป้าหวังกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้ในสามสิ่งสำคัญในตอนนี้นั้นมีตู้เย็นด้วย”
“เฉินเจียเหอบอกว่าอากาศยังเย็นอยู่ จะซื้อตู้เย็นตอนที่อากาศอุ่นขึ้นค่ะ และฉันเองก็ชอบตัดเย็บเสื้อผ้า เขาก็เลยซื้อจักรเย็บผ้าให้” หลินเซี่ยยกยิ้มหวาน ทั้งตัวมีกลิ่นอายแห่งความสุขของคู่แต่งงานใหม่
“เจียเหอเป็นเด็กที่มีจิตใจละเอียดอ่อนจริง ๆ เสี่ยวหลิน เธอโชคดีมากที่ได้พบคู่ครองที่ดีเช่นเจียเหอ เธอต้องทะนุถนอมเขาและปฏิบัติต่อหู่จือให้ดี แม้การจะเป็นแม่เลี้ยงอาจจะยากไปบ้าง แต่ตราบใดที่ใช้ความจริงใจต่อกันและกัน ก็ย่อมรู้ว่าไม่มีสิ่งใดให้ละอาย”
หลินเซี่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง “ค่ะป้าหวัง ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ฉันจะจำไว้นะคะ”
“ป้าหวัง อย่ามัวแต่คุยเล่นอยู่ มาฝึกเต้นรำได้แล้ว เสี่ยวหลินเคลื่อนไหวอย่างชำนาญ คุณเปรียบเทียบตัวเองกับคุณหนุ่มสาวไม่ได้นะ”
ลุงหลี่ให้ความสำคัญกับงานนี้เป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเท่านั้น แต่ยังคอยดูแลคู่เต้นของเขาด้วย
“มาแล้ว ๆ”
ป้าหวังรีบวิ่งไปฝึกเต้นรำ ส่วนหลินเซี่ยนั้นเดินไปยังบริเวณประตูทางเข้า
เกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ก็น่าจะมาแล้วนะ
ในขณะที่เธอพึมพำ ก็พลันเห็นรถบรรทุกขนาดเล็กขับมาจอดที่หน้าบ้าน
จากนั้นเฉียนต้าเฉิงและหลินจินซานก็กระโดดลงจากรถ เฉียนต้าเฉิงเงยหน้าขึ้นมองตัวอักษรขนาดใหญ่เหนือบริเวณลานบ้านและพูดว่า “เขตอาศัยของโรงงานยานยนต์ น่าจะเป็นที่นี่แหละ”
“ทำไมไม่มีใครมารอรับเลยล่ะ” หลินจินซานเอ่ยแขวะ
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เห็นหลินเซี่ยกำลังเดินตรงมาหาพวกเขา
“ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?” บางทีเฉียนต้าเฉิงอาจจะยังเกรงหลินเซี่ยอยู่ เมื่อเห็นเธอ เขาก็เพิ่มความระมัดระวังโดยสัญชาตญาณทันที
หลินเซี่ยไม่คาดคิดว่าจะโลกจะกลมถึงเพียงนี้ โชคชะตาช่างน่าประหลาด คนที่มาส่งของให้เธอกลับกลายเป็นสองคนนี้
ทั้งที่ก่อเรื่องกันไป แต่กลับกลายเป็นพวกเดียวกัน
นี่มันค่อนข้างกระอักกระอ่วนเลยทีเดียว
เธอกำลังจะเริ่มการสนทนาที่เป็นมิตรเพื่อผ่อนคลายความสัมพันธ์ แต่เฉียนต้าเฉิงมองเธอด้วยความโกรธและเอ่ยน้ำเสียงเข้ม
“สาวน้อย คุณรับเงินไปแล้ว คุณจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับเราอีกไม่ได้ ถ้าคุณคิดจะกลับมาหาเรื่องเราอีก เงินค่าผิดสัญญาห้าร้อยหยวนนั่นคงต้องเอาคืน สักหยวนหนึ่งก็จะไม่ให้”
เฉียนต้าเฉิงกำลังรีบเพื่อจัดการธุระให้เจ้านาย แต่หลินเซี่ยก็ยังตามมาหลอกหลอน เขาจึงเกรงว่าหลินเซี่ยจะส่งผลกระทบต่อการส่งของของเขา
หากสหายของเถ้าแก่ใหญ่เห็นว่าพวกเขาทั้งสองจัดการกับเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ไม่ได้แล้วเอาไปบอกเถ้าแก่ใหญ่ของเขาจนเขาถูกไล่ออก ตัวเขาก็จะจบเห่แน่แล้ว
หลินเซี่ย “!!!”
เธอถามเฉียนต้าเฉิงว่า “พวกคุณมาที่นี่เพื่อส่งของหรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว มาส่งของ คุณอย่ามารบกวนพวกเรา”
“ส่งอะไรเหรอคะ? อีกฝ่ายชื่ออะไร?” หลินเซี่ยต้องการยืนยันกับพวกเขาก่อนว่าของนั้นใช้ของครอบครัวเธอหรือไม่
น้ำเสียงของเฉียนต้าเฉิงดูหมดความอดทน “ทำไมคุณถึงถามเซ้าซี้ขนาดนี้ มันเกี่ยวอะไรกับคุณ? หยุดเข้ามาก่อกวนวุ่นวายสุ่มสี่สุ่มห้าเสียที สัญญาก็เป็นโมฆะไปแล้ว จะไปไหนก็ไป หิวเงินมากหรือไง ให้ไปห้าร้อยหยวนแล้วก็ยังไม่หยุด”
หลินเซี่ย “!!!”
เฉียนต้าเฉิงคนนี้นับว่าป่าเถื่อนไม่เบา
หลินเซี่ยถูกเฉียนต้าเฉิงตวาดใส่ แต่ก็คร้านเกินกว่าจะพูดอะไร จึงก้าวหลบพลางผาย “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่พูดแล้ว”
เฉียนต้าเฉิงมองดูสิ่งของในรถ ก่อนเอ่ยสั่งหลินจินชาน “ซานจื่อ นายเข้าไปข้างในและถามว่าสหายเฉินเจียเหออาศัยอยู่ที่นี่หรือเปล่า เราน่าจะไม่ได้มาผิดที่กันหรอก”
เมื่อได้ยินชื่อของเฉินเจียเหอ มุมปากของหลินเซี่ยก็ยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกลั้นยิ้ม
แต่เธอเลือกที่จะเงียบ
หากออกไปอ้างสิทธิ์ตอนนี้ เฉียนต้าเฉิงก็คงหาว่าเธอสร้างสถานการณ์อีก
มาดูกันว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะลงเอยอย่างไร
หลินจินซานเข้าไปในลานบ้าน และเห็นชายชราสองคนและหญิงชราอีกหนึ่งคนกำลังเต้นรำกันอย่างเบิกบาน
ต้องบอกว่าคนชราในเมืองนี้ช่างมีความสุข พวกเขาได้รับเงินบำนาญ ไร้กังวล เห็นแล้วทำเอาเขารู้สึกอิจฉา
เขาเดินเข้ามาแล้วตะโกนว่า “คุณลุง อย่าเพิ่งเต้นครับ กรุณาหยุดก่อน หยุดก่อนครับ”
ลุงหลี่หยุดเต้นพร้อมปิดเครื่องอัดเทป ก่อนจะหันมองเขาอย่างไม่พอใจ “ไอ้หนุ่มนี่ทำอะไรน่ะ? ถึงได้เข้ามาขัดขวางการเต้นรำของเรา”
“ผมมาถามหาคนครับ” เครื่องอัดเทปถูกปิดไปแล้ว แต่หลินจินซานยังคงตะโกนต่อไป
ลุงหนิวกลอกตาพลางเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย “ลดเสียงลงหน่อย พวกเราได้ยินคุณพูดอยู่”
พวกลุงหนิวเป็นคนใส่ใจคน แม้หลินจินซานจะโผงผางและเสียงดังโวยวาย แต่เขาก็ยังถามว่า “เธอมาหาใคร?”
“เฉินเจียเหออาศัยอยู่ที่เขตอาศัยนี้หรือเปล่าครับ?” หลินจินชานถาม
ลุงหนิวได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า “เสี่ยวเฉินเหรอ ใช่ เขาอยู่ที่นี่”
ลุงหลี่และป้าหวังเอ่ยพร้อมกันว่า “ใช่ เสี่ยวเฉินอยู่ที่เขตอาศัยของเรา”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนสอบหน่อยว่าเขาอาศัยอยู่ฝั่งไหน? เขาอยู่บ้านหรือเปล่าครับ? พวกเรามาส่งของให้เขา” หลินจินซานกล่าวด้วยท่าทางสุภาพ
“เสี่ยวเฉินไปทำงานแล้ว คนรักของเขาก็อยู่ตรงนั้นไง? หล่อนรอพวกคุณมาสองชั่วโมงแล้ว”
ลุงหนิวพูดพร้อมชี้ไปยังหญิงสาวซึ่งกำลังยืนกอดอกพิงกำแพงประตูและหลับตาอาบแดด
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โลกกลมอะไรเช่นนี้ เก็บเศษหน้ากันทันไหมคะหนุ่มๆ
ไหหม่า(海馬)