ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 113 ศัตรูหัวใจปรับความเข้าใจกัน
ตอนที่ 113 ศัตรูหัวใจปรับความเข้าใจกัน
ตอนที่ 113 ศัตรูหัวใจปรับความเข้าใจกัน
หลินเซี่ยเห็นเฉินเจียเหอกลับมาจึงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “กลับมาแล้วเหรอคะ? วันนี้ฉันซื้ออุปกรณ์ดัดผมมาก็เลยจะดัดผมให้พวกพี่ ๆ ก่อนน่ะค่ะ”
แต่เมื่อเห็นว่าด้านหลังเฉินเจียเหอนั้นมีถังจวิ้นเฟิงติดตามมาด้วย เธอจึงกล่าวขอโทษ “ขอโทษด้วยนะคะคุณตำรวจถัง บ้านวุ่นวายไปเสียหน่อย”
เมื่อเห็นเฉินเจียเหอกลับมา ผู้หญิงหลายคนที่กำลังทำผมก็เอ่ยชมเชยเขาที่มีสายตาเฉียบแหลมในการแต่งสะใภ้เข้าบ้าน
พี่สาวหลิวกล่าวว่า “เสี่ยวเฉิน พวกเราได้ยึดบ้านของคุณไว้แล้ว ยังไงคุณไปหาเหล่าหยางที่บ้านของฉันก่อน”
เฉินเจียเหอมองไปยังหลินเซี่ยที่กำลังผสมน้ำยาดัดอยู่ แล้วเอ่ย “ไม่อย่างนั้นผมกับจวิ้นเฟิงไปรับหู่จือก่อนแล้วกัน”
หลินเซี่ยพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพัก คงไปกับพวกคุณด้วยไม่ได้แล้ว”
ในขณะที่เฉินเจียเหอและถังจวิ้นเฟิงเพิ่งก้าวออกจากบ้าน ก็เป็นเวลาเดียวกับที่หวังซิ่วฟางซึ่งผมเปียกหมาด ๆ เร่งรุดเข้ามาขนเกือบจะชนเข้ากับถังจวิ้นเฟิง
“ขอโทษค่ะ”
หวังซิ่วฟางยังคงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อพบหน้าเฉินเจียเหอ ผ่านมาหลายวันแล้ว แต่หล่อนก็มาที่บ้านของพวกเขาด้วยสภาพการณ์แบบนี้อีกครั้ง จึงรีบหลบพวกเขาเข้าไปในบ้าน
เฉินเจียเหอลงไปชั้นล่างพร้อมถังจวิ้นเฟิง
ถังจวิ้นเฟิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ “นี่ไม่ใช่พี่สาวคนที่อยากอยู่ร่วมชายคากับนายมาตลอดหรอกเหรอ? พอนายแต่งงาน หล่อนไม่ร้องไห้โวยวายไม่มาก่อเรื่องวุ่นวายเลยเหรอ? แถมยังมาทำผมที่บ้านนายด้วย?”
เฉินเจียเหอจ้องมองเขา “รีบไปเถอะน่า”
หวังซิ่วฟางเข้าไปในบ้านและถามหลินเซี่ยว่า “เสี่ยวหลิน ฉันสระผมมาแล้ว เธอจะตัดผมตอนนี้เลยไหม?”
“พี่นั่งรอก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันดัดผมและอบร้อนให้พี่สาวจางเรียบร้อยแล้วจะไปตัดผมให้”
เมื่อครบเวลาอบร้อนผมของพี่สาวจ้าว หลินเซี่ยก็บอกให้หล่อนลุกไปสระผม จากนั้นจึงใช้เครื่องเป่าผมเป่าผมของพี่สาวจ้าวให้แห้ง
“ทุกคนดูสิคะว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่เลวเลย ลอนผมพวกนี้ดูเป็นธรรมชาติ ดูแล้วอ่อนกว่าวัยมาก”
“ใช่ ดูแล้วเหมือนสาวฝรั่งเลย”
หลินเซี่ยให้พี่สาวจ้าวส่องกระจก และหล่อนก็พอใจมาก
ดัดผมแบบนี้แล้วทำให้ดูผมหนาขึ้น ดูอ่อนวัยกว่าเดิม
พี่สาวจ้าวพลันเอ่ยถามหลินเซี่ย “ของฉันเสร็จแล้วเหรอ?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ พรุ่งนี้คุณห้ามสระผมเองนะคะ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการให้เอง”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันไปทำกับข้าวก่อน”
เมื่อพี่สาวจางเห็นว่าผมของพี่สาวจ้าวดัดออกมาได้สวยงามแค่ไหน หล่อนก็เริ่มตั้งตารอเช่นกัน
หลังจากม้วนผมและอบร้อนให้พี่สาวจางแล้ว หลินเซี่ยก็เริ่มลงมือตัดผมของหวังซิ่วฟาง
หวังซิ่วฟางหยิบผ้าคลุมไหล่มาคลุมไว้บนตัว หลินเซี่ยเอ่ยขึ้นว่า “ฉันจะตัดเล็มผมของคุณออกนิดหน่อย ผมสั้นทรงนี้ของคุณค่อนข้างเชย ทำให้ดูแก่ค่ะ”
“โอ้ งั้นก็ลงกรรไกรเลยเถอะ”
หลินเซี่ยตัดผมออกมาเป็นทรงบ๊อบสั้นคล้ายกับบ๊อบสไตล์เกาหลีพร้อมกับตัดผมหน้าม้าให้ด้วย ก่อนจะใช้เครื่องเป่าผมเป่าผมให้ดูพองมีน้ำหนักขึ้น แล้วจึงม้วนปลายผมเข้าด้านในเล็กน้อย ทำให้อ่อนกว่าวัยลงไปอย่างมาก
แม้จะไม่ได้ตัดผมออกไปมากนัก อีกทั้งความยาวก็ไม่เปลี่ยน แต่หวังซิ่วฟางก็รู้สึกได้ว่าบุคลิกของหล่อนเปลี่ยนไป
จากที่เคยเป็นหญิงวัยกลางคนดูทื่อ ๆ แข็งกระด้าง ตอนนี้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาก
พอมองแล้วดูไม่แก่เลย
เมื่อพี่สาวจางและคนอื่น ๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงของหวังซิ่วฟาง ต่างก็ชื่นชมหลินเซี่ยที่ตัดผมออกมาได้ดี
“ซิ่วฟาง เธอสวยขึ้นมากจริง ๆ จากนี้ไปเราจะให้เสี่ยวหลินตัดผมให้”
“พี่สาวจาง คุณก็คิดว่ามันดูดีใช่ไหม?” หวังซิ่วฟางเอ่ยถามพลางมองไปยังพวกหล่อนอย่างคาดหวัง
“ดูดีสิ เสี่ยวหลินมีความสามารถจริง ๆ เพียงปรับแต่งนิดเดียวกลับดูแตกต่างจากเดิมทั้งที่ความยาวผมไม่ต่างจากเดิม รู้สึกเหมือนเด็กลงสิบปีอย่างไรอย่างนั้น”
พี่สาวหลิวพูดว่า “เดิมทีเธอก็ไม่ได้อายุมากมายอะไร เพียงสามสิบเท่านั้น เพียงแต่เมื่อก่อนไม่เคยจัดแต่งทรงผมก็เท่านั้น”
เมื่อได้รับคำชมจากทุกคน สายตาที่หวังซิ่วฟางมองหลินเซี่ยก็ไม่มีความเกลียดชังอีกต่อไป และฉายชัดซึ่งความชื่นชม
ราวกับว่าหลินเซี่ยนั้นมีมือวิเศษ
วันก่อนที่แต่งหน้าให้หล่อน มันก็ทำให้หล่อนได้รู้จักกับตัวเองอีกครั้ง
มาวันนี้ตัดผมให้หล่อน ก็ทำให้หล่อนได้เห็นตัวเองในแบบที่แตกต่างออกไป
หลินเซี่ยพูดตอบ “ต่อไปเวลาที่สระผมเสร็จแล้ว ให้ใช้เครื่องเป่าผมเป่าผมให้แห้งนะคะ อย่าใช้หวีสางบ่อย ๆ มันจะไม่ดีต่อหนังศีรษะของคุณ”
“ฉันไม่มีเครื่องเป่าผมน่ะสิ เธอซื้อมาจากไหนเหรอ? ฉันฝากซื้อหน่อยได้ไหม?” หวังซิ่วฟางมองหลินเซี่ย น้ำเสียงที่ใช้พูดคุยกับเธอพลันเปลี่ยนแปลงไป
หลินเซี่ยพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ รอฉันไปซื้อของเข้าร้านแล้วค่อยว่ากันอีกที”
“เสี่ยวหลิน ฉันก็อยากได้เครื่องเป่าผมด้วยเหมือนกัน ฝากเธอซื้อให้ฉันด้วยอีกอัน” พี่สาวหลิวเองก็ยกมือขึ้น
“ได้ค่ะ”
หวังซิ่วฟางหยิบไม้กวาดขึ้นมาอย่างสำนึกได้ด้วยตัวเอง แล้วจึงกวาดเศษผมที่อยู่บนพื้น
พี่สาวจางซึ่งบนศีรษะมีเกลียวม้วนผมและนั่งอบร้อนผมอยู่นั้นพลันเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมากับหวังซิ่วฟางต่อหน้าหลินเซี่ย
“ซิ่วฟาง ดูสิว่าเธอกับเซียวหลินเข้ากันได้ดีแค่ไหน เด็กสาววัยรุ่นอย่างหล่อนไม่เคยรังเกียจพวกเราเลย แถมยังทำให้เรากลับมาสวยและน่ารักได้อีก ในอนาคต เธอก็ห้ามพุ่งเป้าไปที่หลินเซี่ยอีกนะ”
หวังซิ่วฟางซึ่งกำลังก้มหน้ากวาดพื้นรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว “ฉันเปล่าเสียหน่อย”
พี่สาวหลิวซึ่งอยู่ข้าง ๆ ก็ตอกย้ำมาอีก “แล้วก็เลิกคิดถึงเสี่ยวเฉินได้แล้ว เขากับเสี่ยวหลินนั้นเป็นเหมือนกิ่งทองไปใบหยก เดี๋ยวฉันจะแนะนำคนดี ๆ ให้ งานโรงงานรถยนต์ของเราค่าตอบแทนดีถึงเพียงนี้ เธอเองก็ยังสาว การจะหาคู่ครองสักคนจะไปยากอะไร จริงไหม?”
“เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากันค่ะ”
”ฉันขอตัวไปทำกับข้าวให้เสี่ยวฮวาก่อน”
หวังซิ่วฟางกวาดพื้นเสร็จก็รีบเดินออกไปโดยไม่รอฟังถ้อยคำของพี่สาวหลิว
ทันทีที่หวังซิ่วฟางจากไป พี่สาวหลิวจึงเอ่ยว่า “ในเมื่อฉันไม่จำเป็นต้องดัดผม ฉันเองก็ขอตัวไปทำกับข้าวก่อนเหมือนกัน”
พี่ใหญ่จางเตือนหล่อนว่า “เธอทำให้มากหน่อย ทำเผื่อเสี่ยวหลินด้วย กว่าหล่อนจะจัดการทำผมในวันนี้เสร็จก็คงค่ำแล้ว”
ในตอนนี้จึงเหลือเพียงพี่สาวจางที่ยังคงนั่งอบร้อนผม ในบ้านพลันสงบเงียบลงทันใด
“เสี่ยวหลิน อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับซิ่วฟางเลยนะ หล่อนเป็นผู้หญิงที่อาภัพคนหนึ่ง”
“หล่อนหย่ากับสามีเหรอคะ?” หลินเซี่ยมองพี่สาวจางพลางถามอย่างสงสัย
“เป็นม่าย”
พี่สาวจางถอนหายใจ “ตอนที่เสี่ยวฮวาอายุได้สองขวบ สามีหล่อนขับรถบรรทุกแล้วเกิดพลิกคว่ำ จากนั้นก็เป็นอัมพาตอยู่บนเตียงกว่าครึ่งปีก่อนจะเสีย”
พี่สาวจางเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้หล่อนเคยสนใจเสี่ยวเฉินจริง ๆ อันที่จริงก็เพราะหล่อนคิดว่าทั้งหล่อนกับเสี่ยวเฉินต่างมีลูกแล้ว เหมาะที่อยู่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากกว่า แต่เราทุกคนต่างมองออกว่าเสี่ยวเฉินไม่เหมาะกับหล่อน แม้เสี่ยวเฉินจะถ่อมตัว แต่ทุกคนในโรงงานล้วนรู้ดีว่าพื้นฐานครอบครัวของเขาไม่ธรรมดา เขาเองก็ย่อมไม่ธรรมดาไปด้วย เขาไม่ใช่คนที่จะหาผู้หญิงสักคนมาแต่งงานด้วยเพื่อดูแลลูก ในตอนที่เธอแต่งงานกับเสี่ยวเฉิน ในใจของซิ่วฟางช่วงแรกก็ไม่ค่อยสงบนัก แต่ตอนนี้หล่อนได้เห็นแล้วว่าเธอมีความสามารถมาก หล่อนจึงยอมรับในตัวเธออย่างจริงใจ หล่อนเองก็เป็นคนใจกว้างทั้งยังเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วย จึงไม่อาจโศกเศร้าเสียใจมากมายเพียงเพราะผู้ชายคนหนึ่ง ดังนั้นจึงระบายอารมณ์ออกมา ก่อนที่จะยอมรับความจริง”
หลินเซี่ยยิ้ม “ฉันรู้ค่ะ”
ตั้งแต่วันที่เธอติดตามเฉินเจียเหอมายังเขตอาศัย หวังซิ่วเฟิงร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในบ้านโดยไม่คำนึงถึงภาพแห่งความโศกเศร้า ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจที่ค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ใช่พวกผู้หญิงร้าย ๆ แรง ๆ พวกนั้น
ผู้หญิงที่คาดเดาไม่ได้อย่างแท้จริงจะไม่เปิดเผยอารมณ์ที่แท้จริงของตนต่อหน้าทุกคนแม้เพียงสักนิด
ดังนั้นในเวลาต่อมา แม้ว่าหวังซิ่วฟางจะจงใจพุ่งเป้ามาที่เธอด้วยเพราะไม่อาจทนมองได้ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ
เฉินเจียเหอเรียกหล่อนว่าพี่สาวหวัง และถึงแม้จะไม่มีหลินเซี่ย เรื่องระหว่างทั้งสองคนก็ไม่มีทางเป็นไปได้
มันไม่ได้สนุกเอาเสียเลยที่เธอจะต้องมาทะเลาะตบตีกับผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามเพียงเพราะหึงหวงผู้ชาย
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หวังซิ่วฟางไม่น่ากลัวเท่าพวกคนตระกูลเสิ่นหรอก คนพวกนั้นเหลี่ยมจัดกว่าเยอะ
ไหหม่า(海馬)