ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 126 อยากเจอน้องสามีผู้เก็บตัว
ตอนที่ 126 อยากเจอน้องสามีผู้เก็บตัว
ตอนที่ 126 อยากเจอน้องสามีผู้เก็บตัว
หลินเซี่ยมองไปที่ท่าทางของผู้เฒ่าเฉิน คาดเดาว่าเขาเองก็อยากเข้าร่วมกลุ่มออกกำลังกายประกอบเพลงของลุงหนิวเช่นเดียวกัน
เมื่อผู้เฒ่าเฉินได้ยินเสียงเรียกของหู่จือ เขาก็หันศีรษะไปมอง เห็นว่าเด็กชายกำลังวิ่งตรงมาหาจึงอ้าแขนรับเขาไว้
“คุณปู่ทวด ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะครับ?”
“ได้ยินมาว่าพ่อของหลานไปทำธุระด่วน ปู่ทวดก็เลยแวะมาหาเธอน่ะสิ” ผู้เฒ่าเฉินกอดหู่จือไว้พลางถามว่า “ไปไหนกันมาเหรอ?”
“น้าเซี่ยเซี่ยพาผมไปซื้อของครับ”
หลินเซี่ยเดินเข้าไปแล้วทักทายด้วยความเคารพ “คุณปู่ มาถึงที่นี่นานหรือยังคะ?”
“อืม เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน”
ก่อนที่ผู้เฒ่าเฉินจะมีเวลาพูดอะไรสักสองสามคำกับหลินเซี่ย ชายชราและหญิงชราที่กำลังเต้นรำก็ปิดเครื่องเล่นเทปลงทันที แล้วมายืนรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ “เสี่ยวหลิน เมื่อเช้าเธอไปไหนมา? เช้านี้มีพี่สาวในเขตพักอาศัยของเราหลายคนมาตามหาเธอหวังจะให้เธอช่วยดัดผมให้ พอรู้ว่าเธอไม่อยู่เลยแยกย้ายกลับบ้านไม่รอแล้ว พวกเราเองก็ตั้งใจว่าจะให้เธอช่วยออกแบบท่าเต้นประกอบเพลงใหม่ แต่พอไปเคาะประตู เธอก็ไม่อยู่บ้าน”
หลินเซี่ยอธิบาย “ลุงหนิว ฉันออกไปสำรวจความเรียบร้อยของร้านที่เช่าไว้แต่เช้าค่ะ และซื้ออุปกรณ์ประดิดประดอยสำหรับทำการบ้านให้หู่จือด้วย”
ลุงหนิวมองดูผู้เฒ่าเฉินและชื่นชมเขาอย่างจริงใจ “พี่เฉิน หลานสะใภ้ของคุณมีความสามารถมากจริง ๆ เสี่ยวเฉินโชคดีมาก มีหล่อนอยู่ถือเป็นพรของครอบครัวคุณแล้ว”
ผู้เฒ่าเฉินยิ้มและตอบกลับว่า “ใช่ เจียเหอโชคดีมาก”
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ จึงไม่มีใครออกไปทำงาน เมื่อหลินเซี่ยกลับมา หญิงชายหลายคนจากในอาคารพักอาศัยก็มารวมตัวกัน
ผู้หญิงทั้งหลายขอให้หลินเซี่ยเปลี่ยนทรงผมให้ ส่วนเหล่าผู้ชายก็ขอให้เธอช่วยตัดผม
หลินเซี่ยยิ้มและพูดกับพวกเขาว่า “ทุกคนคะ โปรดรออีกสองวันแล้วกันค่ะ ช่วงนี้ฉันไม่มีเวลาว่างจริง ๆ รอให้ฉันเตรียมร้านให้เสร็จซะก่อน ทุกคนค่อยแวะไปที่ร้านเพื่ออุดหนุนฉัน ดีไหมคะ?”
ผมของพี่สาวหยางยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ ฟูฟ่องจนรอไม่ได้ “เสี่ยวหลิน ฉันต้องไปร่วมงานแต่งงานของหลานสาวในวันมะรืนนี้ เธอช่วยลัดคิวดัดผมให้ฉันโดยเร็วที่สุดได้ไหม ฉันยังต้องแต่งตัวไปร่วมงานเลี้ยง”
“ได้ค่ะ งั้นฉันจะหาเวลาทำผมให้คุณตอนบ่ายนะ”
ทุกคนพูดคุยกันเพื่อสอบถามหลินเซี่ยเกี่ยวกับการเปิดร้าน และยังถามด้วยว่าเฉินเจียเหอเดินทางไปทำงานที่ไหน
“เอาล่ะทุกคน อย่ารบกวนเวลาส่วนตัวของเสี่ยวหลินมากนักเลย คุณปู่ของเธออุตส่าห์มาเยี่ยมถึงที่ ให้เสี่ยวหลินเชิญเขาเข้าไปรับรองในบ้านก่อนเถอะ”
ลุงหนิวพูดกับผู้เฒ่าเฉินว่า “สหายเฉิน หากคุณมีเวลาว่างก็ลองมาที่นี่ได้ พวกเรารวมกลุ่มกันเต้นรำและออกกำลังกายที่นี่ทุกวันอยู่แล้ว คุณเองก็สามารถเข้าร่วมกับเราได้เช่นเดียวกัน”
ลุงหลี่จ้องมองเขา “เหล่าหนิว ดูนายพูดสิ จะเชิญท่านอดีตผู้บัญชาการมาเต้นแร้งเต้นกาได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ต่อให้เป็นอดีตผู้บัญชาการก็ต้องออกกำลังกายด้วยเหมือนกัน”
ผู้เฒ่าเฉินค่อนข้างใจกว้างเมื่ออยู่ต่อหน้าชายชราวัยเดียวกัน เขายิ้มตอบอีกฝ่ายพร้อมกับพยักหน้า “ได้ ไว้ครั้งหน้าฉันจะมาดูพวกคุณเต้นอีก”
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว หลินเซี่ยก็เชิญผู้เฒ่าเฉินไปที่บ้านของตัวเอง
เมื่อเข้าไปในบ้าน ผู้เฒ่าเฉินเห็นว่าด้านในมีทีวีสีจอใหญ่ รวมถึงจักรเย็บผ้าที่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าทั้งหลัง อีกทั้งภายในบ้านก็สะอาดสะอ้านมาก ปราศจากกลิ่นอับตามประสาห้องผู้ชายทั่วไป
หลังจากแต่งงานมีภรรยา ห้องที่เคยว่างเปล่าอึมครึมก็เริ่มกลายเป็นบ้านขึ้นมาเสียที
ผู้เฒ่าเฉินพลันพึงพอใจ
“คุณปู่ เชิญนั่งลงก่อนค่ะ”
“คุณปู่ทวด นั่งลงเถอะครับ” หู่จือดึงผู้เฒ่าเฉินให้นั่งลงตรงโซฟาอย่างเอาอกเอาใจ
ผู้เฒ่าเฉินมองหู่จือด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา “อืม”
หลินเซี่ยเข้าไปชงชาให้เขา จากนั้นก็ยกออกมาเสิร์ฟ แล้วนั่งลงตามด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อม
ผู้เฒ่าเฉินถาม “เจียเหอโดนเรียกตัวไปทำงานด่วนเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เขาออกไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เห็นบอกว่าเกิดเหตุฉุกเฉิน น่าจะต้องใช้เวลาตรวจสอบแก้ไขสักสองสามวัน”
ก่อนเกษียณราชการ ผู้เฒ่าเฉินเคยเป็นผู้บัญชาการกองทหารรถไฟมาก่อน แน่นอนว่าเขาได้รับข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถไฟพลิกตกรางที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างรวดเร็ว และได้ยินมาว่าเฉินเจียเหอถูกเรียกตัวไปยังที่เกิดเหตุทันที เขากังวลเรื่องนี้มากจึงแวะมาหาแต่เช้า
นอกจากนี้ เขายังเห็นพาดหัวข่าวและภาพถ่ายที่ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ลงในสำนักพิมพ์รายวันไห่เฉิงในตอนเช้า ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการแข่งขันศิลปะการแสดงเมื่อวานนี้ ที่จัดขึ้นโดยสหภาพแรงงานไห่เฉิง
ภาพถ่ายการแสดงเต้นแอโรบิกประกอบเพลงของโรงงานยานยนต์ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ และหลินเซี่ยก็ยืนอยู่แถวหน้า
วันนี้เมื่อเขามาที่เขตพักอาศัยในโรงงาน และเห็นว่าเธอสามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันได้อย่างกลมกลืน ความประทับใจของเขาที่มีต่อเธอก็ดีขึ้นเล็กน้อย
การที่ผู้หญิงอายุยังน้อยคนนี้สามารถเข้ากับคนทุกช่วงวัยได้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอมีบุคลิกที่ดี ไม่เสแสร้งถือถือตัว
ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เข้ามาสนับสนุน และเติมเต็มชีวิตอันว่างเปล่าของหลานชายคนโตของเขาอย่างแท้จริง
ผู้เฒ่าเฉินมองไปที่หลินเซี่ย แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ตอนแรกฉันคิดจะขอให้เจียเหอช่วยหางานให้เธอทำ แต่เขาบอกว่าเธอต้องการเปิดร้านเสริมสวย สมแล้วที่เป็นคนรุ่นใหม่มีความคิดสร้างสรรค์ด้านธุรกิจเป็นของตัวเอง พวกเราไม่ขัดข้องกับสิ่งที่เธอเลือก ทุกอาชีพไม่มีแบ่งแยกว่าสูงหรือต่ำ ขอแค่ทำงานอย่างสุจริต”
หลินเซี่ยตอบกลับอย่างเชื่อฟัง “คุณปู่ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำจากคุณค่ะ ฉันจะจำไว้”
“การแสดงของเธอเมื่อวานนี้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศเชียวเหรอ?”
หลินเซี่ยพยักหน้า ไม่คาดคิดว่าแม้แต่ผู้เฒ่าเฉินก็สนใจติดตามเรื่องนี้ด้วย
หู่จือหยิบผ้าปูที่นอนที่หลินเซี่ยบอกว่าเขาจะยกให้เขาเมื่อวานนี้มาอวดด้วยความตื่นเต้น แสดงให้ผู้เฒ่าเฉินดู
“คุณปู่ทวดครับ น้าเซี่ยเซี่ยของผมได้รับรางวัลจริง ๆ ผ้าปูที่นอนผืนนี้เป็นรางวัลที่เราได้มาครับ หล่อนบอกว่าจะยกให้ผมด้วยล่ะ”
“จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นหลานอย่าลืมขอบคุณน้าเซี่ยเซี่ยนะ”
ผู้เฒ่าเฉินมองดูรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้าเล็ก ๆ ของ หู่จือ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความโล่งใจ
ดีมาก
ปัญหาส่วนตัวของหลานชายคนโตได้รับการแก้ไขแล้ว อีกทั้งหู่จือก็ดูเหมือนจะเข้ากับแม่เลี้ยงคนใหม่ได้เป็นอย่างดี ความกังวลก่อนหน้านี้ทั้งมวลจึงหมดไป
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะยังเด็ก แต่เธอก็มีความคิดอ่านที่เป็นผู้ใหญ่เกินวัย ไม่มีนิสัยหยิ่งยโส วางอำนาจ หรือโง่เขลาไร้ประโยชน์ตามข่าวลือเลย
ผู้เฒ่าเฉินมองไปที่หลินเซี่ยและหู่จือ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจียเหอไม่อยู่ที่นี่ ถ้าอย่างนั้นพวกเธอทั้งสองก็ควรตามเราไปอยู่ที่บ้าน”
ใช่แล้ว เขามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อมารับพวกเขากลับไปอยู่ที่บ้านชั่วคราว
หลินเซี่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพ “คุณปู่คะ ฉันยังมีธุระอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการหลังจากนี้ ถ้าย้ายกลับไปอยู่บ้านอาจไม่สะดวก เฉินเจียเหอกลับมาเมื่อไหร่ เราสองคนจะไปจดทะเบียนสมรสกันที่สำนักกิจการพลเรือน และอยู่ด้วยกันได้อย่างถูกต้องค่ะ”
แม้ว่าทัศนคติของหลินเซี่ยจะเต็มไปด้วยเหตุผล แต่ผู้เฒ่าเฉินก็สามารถบ่งบอกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเจือในคำพูดของเธอ
เธอคงรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ครั้งล่าสุด เพราะเข้าไปในบ้านเก่าของสามีด้วยความคาดหวังอย่างเต็มที่ แต่กลับถูกละเลย
ผู้เฒ่าเฉินมองหน้าเธอแล้วอธิบาย “ครั้งล่าสุดเจียวั่งไม่สบาย ทุกคนเอาแต่กังวลเรื่องเขาจนไม่ได้ใส่ใจต้อนรับเธออย่างดีเท่าที่ควร แต่ถึงยังไงเราทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกัน อย่ากังวลเกินไป”
“ฉันเปล่ากังวลหรือไม่สบายใจอะไรเลยค่ะ ฉันมีเรื่องที่ต้องทำจริง ๆ ยังต้องหาคนมาปรับปรุงร้าน แม่กับน้องสาวก็กำลังจะย้ายมาอยู่ที่นี่เพื่อทำการค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ วันนี้ฉันยังต้องออกไปรับพวกหล่อน”
ผู้เฒ่าเฉินเห็นว่าเธอดูมีภาระงานยุ่งเหยิงเต็มมือจริง ๆ ดูจากการที่เธอได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้คนในเขตพักอาศัย ดังนั้นเขาจึงไม่บังคับเธออีกต่อไป “ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาหู่จือกลับบ้าน แล้วจะส่งเขาไปลงทะเบียนวันเปิดเรียนในวันพรุ่งนี้”
“ฉันยังไม่ได้ทำกระดิ่งลมให้เขาเอาไปส่งครูเลยค่ะ”
“ไว้ค่อยให้อาสามของหลานทำก็ได้ เขาเคยสร้างปราสาทจำลองมาแล้ว กระดิ่งลมอะไรนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ หอบอุปกรณ์กลับบ้านไปทำก็แล้วกัน”
หู่จือมองไปที่ปู่ทวดของเขา จากนั้นมองไปที่หลินเซี่ย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความลังเลและเขินอาย “น้าเซี่ยเซี่ย ถ้าผมไป คุณจะอยู่คนเดียวได้ไหมฮะ?”
หลินเซี่ยยิ้มและตอบกลับว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันอยู่คนเดียวได้สบายมาก”
“ครับ งั้นผมกับปู่ทวดขอจะกลับบ้านไปเยี่ยมอาสามก่อนนะ ผมจะบอกเขาให้ว่าคุณอยากตัดผมให้เขาในวันที่ 2 เดือน 2”
“ได้ ถึงเวลานั้นเธอค่อยพาอาสามมาที่นี่ แล้วฉันจะตัดผมทรงใหม่ที่หล่อมาก ๆ ให้เขา”
ถ้าหู่จือสามารถพาเฉินเจียว่างมาที่นี่ได้จริง ๆ คราวนี้เธอจะได้เจอหน้าน้องชายสามีผู้เอาแต่เก็บตัวสักที
ก่อนออกเดินทาง ผู้เฒ่าเฉินไม่ลืมหันมาพูดกับหลินเซี่ยว่า “พรุ่งนี้ฉันจะส่งเขาไปที่โรงเรียน เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น”
หู่จือเงยหน้าเล็ก ๆ ของเขาขึ้น มองไปที่ผู้เฒ่าเฉินด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความคาดหวัง “คุณปู่ทวด ผมอยากให้น้าเซี่ยเซี่ยไปลงทะเบียนที่โรงเรียนกับผมด้วย”
ตั้งแต่วันที่หู่จือยอมรับหลินเซี่ยเป็นแม่เลี้ยง เขาก็ตั้งตารอวันแรกของการเปิดเรียนมาตลอด อยากให้พ่อของเขาและน้าเซี่ยเซี่ยจับจูงมือเขาคนละข้าง และครอบครัวสามคนก็ไปโรงเรียนอนุบาลเพื่อส่งเขาลงทะเบียน
เขาอยากให้เด็กคนอื่น ๆ และคุณครูทุกคนรับรู้ ว่าตอนนี้เขามีแม่คนใหม่แล้ว และเขาไม่ใช่เด็กกำพร้าแม่อีกต่อไป
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หมดปัญหาบ้านสามีไม่ยอมรับเสียที ผู้อาวุโสของบ้านยอมรับหลานสะใภ้คนนี้แล้ว เหลือแค่อย่าให้ยัยเสี่ยวเหมยมาก็เท่านั้นแหละ ปัญหาอยู่ที่หล่อนคนเดียวเลย
ไหหม่า(海馬)