ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 128 พาหลินจินซานไปรับแม่และน้องสาวของเขา
ตอนที่ 128 พาหลินจินซานไปรับแม่และน้องสาวของเขา
ตอนที่ 128 พาหลินจินซานไปรับแม่และน้องสาวของเขา
“ไม่ได้ เธอต้องรับเงินนี้ไว้นะ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะใช้ประโยชน์จากการเข้าหาเธอเพื่อของฟรี”
คำพูดของพี่สาวจางฟังดูมีเหตุผลมาก ทำให้เธอเหลือบไปมองพี่สาวหยางที่ยืนอยู่ในสภาพผมหยิกฟู
หวังซิ่วฟางอยากจ่ายเงินให้จริง ๆ แต่หลินเซี่ยก็ยืนกรานที่จะไม่รับเงิน
“ทำผมแค่นี้เอง ลืมเรื่องเงินไปเถอะ”
แต่พี่สาวจางยังคงยืนกรานจะจ่ายเงินและยัดธนบัตรใส่มือหลินเซี่ย หลินเซี่ยกำลังจะบอกว่าตนจะคิดราคาดี ๆ ให้แทน พี่สาวจางจึงขยิบตาให้เธอเหมือนส่งสัญญาณไม่ให้เธอพูดอะไรอีก
หลินเซี่ยเข้าใจทันทีแล้วรับเงินไปในที่สุด “ตกลงค่ะ งั้นฉันขอรับไว้นะคะ”
“ต้องอย่างนี้สิ เธอสร้างรายได้จากการทำธุรกิจ แล้วจะมาทำฟรี ๆ ได้ยังไง เจอช่างเก่ง ๆ แบบเธอทั้งที มันก็คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปแล้ว ถึงบางครั้งฉันจะไม่พอใจเมื่อออกมาใช้เงินข้างนอก แต่ฉันจะมีความสุขมากเมื่อได้จ่ายเงินให้กับอะไรที่มีคุณภาพสมราคา”
เมื่อพี่สาวจางพูดแบบนี้ หวังซิ่วฟางพูดเสริมต่อว่า “ ใช่ ปกติฉันได้ตัดแต่ทรงผมเชยๆ แล้วก็ไม่เคยพอใจกับเงินที่ต้องเสียไป แต่ครั้งนี้เสี่ยวหลินเป็นคนทำให้ จนหลายคนชมฉันไม่หยุดเลยว่าทำผมแบบนี้แล้วดูอ่อนกว่าวัยตั้งหลายปี”
พี่สาวหยางเงียบกริบด้วยความเขินอาย อายเกินกว่าจะพูดถึงของฟรีอีก
“พี่หยาง ถ้าไม่อยากทำผมที่นี่ ก็แค่ถอดแกนดัดผมออกแล้วไปร้านทำผมอื่นสิ ไปใช้เงินห้าหยวนกับค่าทำผมแพง ๆ อย่ามาทำให้เสี่ยวหลินต้องเสียหาย และคุณไม่มีสิทธิ์มารังแกใครหรือภรรยาคนอื่นแบบนี้เพียงเพราะอายุมากกว่า”
“ฉันไม่ได้บอกว่าจะไปร้านอื่นซะหน่อย” พี่สาวหยางนั่งบนเก้าอี้สักพักและน้ำเสียงก็ดูเบาลงเล็กน้อย “เสี่ยวหลิน ช่วยดัดผมต่อที ฉันตกลงจะจ่ายค่าทำผมให้”
หลังจากทุกคนนั่งลงแล้ว หลินเซี่ยก็เสียบปลั๊กไฟอีกครั้ง
พี่สาวจางและคนอื่น ๆ กลัวว่าพี่สาวหยางจะทำให้หลินเซี่ยอับอายและเสียหาย พวกเขาจึงไม่จากไปไหน นั่งเฉย ๆ และดูทีวีคอยสังเกตอีกฝ่าย
หลังจากกระบวนการต่าง ๆ เสร็จสิ้น ทรงผมของพี่สาวหยางกำลังจะแห้ง หวังซิ่วฟางก็มองดูหล่อนแล้วก็อุทานว่า “โอพระเจ้า เหมือนกับว่าเธอเป็นคนละคนไปเลย”
พี่สาวจางยิ้มและพูดว่า “จริงด้วย ไม่คิดเลยว่าพี่หยางจะสวยขนาดนี้”
หลินเซี่ยนำกระจกมาให้พี่สาวหยางส่อง เมื่อเห็นตัวเองในกระจก ใบหน้าเรียวยาวของหล่อนก็ผ่อนคลายลงทันที
ดูสวยจริง ๆ ด้วย
หล่อนคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะดูทันสมัยขึ้นขนาดนี้
พี่สาวจางยิ้มแล้วถามเธอว่า “พี่หยาง ตกลงเงินที่ใช้ไปคุ้มดีไหมล่ะ?”
พี่สาวหยางยิ้มอย่างเหลือเชื่อ “ไม่เลย ไม่เสียดายเลย”
“ถ้างั้นก็จ่ายให้เสี่ยวหลินแล้วอย่าลืมกลับมาอุดหนุนครั้งต่อไปด้วย ไม่อย่างนั้นถ้าอยากกลับมาทำผมที่นี่อีก เธอจะไม่กล้าเข้าเพราะกลัวเสียหน้าซะเอง”
พี่สาวหยางยอมจ่ายเงินสามหยวนแต่โดยดี
หวังซิ่วฟางมองไปยังผู้หญิงที่กำลังค้นกระเป๋าสตางค์พลางพูดขึ้นว่า “พี่สาวจาง น้องสาวจ้าว ยังจ่ายเงินค่าทำผมตั้งห้าหยวนนะ”
พี่สาวหยางกลอกตาใส่หวังซิ่วฟางด้วยความไม่พอใจ “เสี่ยวหลินบอกว่าจะคิดตามราคานี้นี่”
หลินเซี่ยพูดคำไหนคำนั้น มันยากที่จะย้อนคำพูดตัวเอง เธอจึงรับเงินไป
“ช่างมันเถอะค่ะ คราวนี้คิดแค่สามหยวนพอ พอย้ายไปเปิดร้านใหม่แล้วก็จะกลับมาคิดราคาปกติ”
พี่สาวหยางจ่ายเงินก่อนส่ายหน้าแล้วเดินจากไป
ทันทีที่หล่อนออกไป พี่สาวจางก็เหลือบมองทางประตูด้วยความรังเกียจและเม้มริมฝีปาก “ครอบครัวนี้มีชื่อเสียงในเรื่องความขี้งกอยู่แล้ว อย่าไปถือสาหล่อนเลย”
“อืม ฉันเห็นแล้วล่ะค่ะ”
หลินเซี่ยก้มดูนาฬิกาและเห็นว่าเป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว จึงพูดกับพี่สาวจางและคนอื่นว่า “พี่สาวจาง พี่สาวหวัง วันนี้แม่จะมาไห่เฉิงเพื่อเยี่ยมฉันกับสามี ถ้าพวกคุณไม่ถือสา จะอยู่ดูทีวีที่บ้านของฉันต่อก็ได้นะคะ”
“แม่เธอมาเหรอ? เดี๋ยวทางนี้ก็แยกย้ายกันกลับบ้านแล้วล่ะ มีผ้ารอให้กลับไปซักอยู่ แต่พอดีเรากลัวว่าพี่หยางจะรังแกเธอเลยอยู่ที่นี่สักพักหนึ่งน่ะ เอาล่ะ เดี๋ยวออกไปพร้อมกันนี่แหละ”
หลินเซี่ยรู้สึกประทับใจมากเมื่อได้ยินคำพูดจากหวังซิ่วฟาง
ผู้หญิงกลุ่มนี้เป็นคนดีจริง ๆ
เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าหวังซิ่วฟางจะสามารถขจัดความเกลียดชังต่อเธอได้ และปฏิบัติต่อเธอในฐานะน้องสาวในเวลาแค่ไม่กี่วัน
ผู้หญิงคนนี้ไม่มีความคิดร้ายอื่นเลย แถมยังเข้ากับคนได้ง่ายมาก
เธอจะไม่พยายามต่อสู้กับคนที่ต้องดึงเธอลงเหวไป นั่นคือสิ่งที่คนปกติคิดกัน
“พี่สาวจาง เอาเงินนี่ไปเถอะ คุณกับพี่สาวจ้าวทำสิ่งนี้เพื่อกิจกรรมกลุ่ม ฉันรับเงินคุณไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“รับไปเถอะ ถ้าเราขอใช้บริการเธอฟรี ๆ คงน่าอายแย่ เราไม่ได้ขาดเงินอะไรเลย เราทุกคนมีรายได้และยินดีจะจ่ายให้เธอจริง ๆ”
พี่สาวจางปฏิเสธ ดังนั้นหลินเซี่ยจึงวางแผนจะกลับไปซื้อขนมให้พวกหล่อนและคนอื่น ๆ
เมื่อหลินเซี่ยมาถึงร้าน หลินจินซานกำลังขนย้ายสิ่งของอยู่ เขาดูเหนื่อยมากจนเหงื่อแตกพลั่ก ตามศีรษะและเนื้อตัวก็มอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่นดำ
เมื่อเห็นหลินเซี่ยกำลังเดินเข้ามา หลินจินซานก็ดูราวกับเห็นนางฟ้ามาโปรด เขาโยนถุงปูนซีเมนต์บนไหล่ลงและหอบอย่างหนัก มองเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เสี่ยวหลิน เธอมาได้สักที ถ้ามาช้ากว่านี้อีกหน่อยคงถูกเขาใช้งานจนตายแน่”
หลินเซี่ยรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเขาในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรยแบบนี้
ปกติจะมีคนงานห้าถึงหกคน แต่ทำไมวันนี้พวกเขาอยู่ทำงานกันน้อยมาก?
หลินจินซานรีบตะโกนบอกเฉียนต้าเฉิงที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่ภายในบ้าน
“พี่เฉิง เสี่ยวหลินมาแล้ว ผมขอตัวไปรับผู้ใหญ่ที่สถานีรถไฟกับเธอนะ”
เฉียนต้าเฉิงได้ยินเสียงของหลินจินซานก็เดินออกมา เมื่อเขาเห็นหลินเซี่ยก็ยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวหลิน วันนี้จินซานต้องทำงาน ให้ผมไปกับคุณแทนดีไหม?”
หลินเซี่ยมองเฉียนต้าเฉิงที่จ้องมองด้วยสายตาจริงจัง มุมปากเธอก็กระตุกเล็กน้อย
อะไรของเขาเนี่ย?
ถ้าเป็นธุระอื่นเธอสามารถขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้ แต่การไปรับหลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนที่สถานีวันนี้ หลินจินซานจำเป็นต้องไปด้วยตัวเองจริง ๆ
อีกอย่าง เธอต้องการให้หลิวกุ้ยอิงประหลาดใจด้วย
แล้วก็… เธออยากทำให้หลินจินซานตกใจ
“พี่เฉิง ขอเวลาให้พี่ซานพักสักหนึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ?”
หลินเซี่ยเข้าใจสิ่งที่เฉียนต้าเฉิงกำลังคิด เขาแค่กลัวว่าหลินจินซานจะเข้าใกล้เธอมากเกินไป ถ้าเจ้านายใหญ่ของพวกเขามาที่นี่ในอนาคต หลินจินซานอาจมีโอกาสเข้ามาแทนที่เขา
พอเห็นว่ารุ่นพี่ข่มเหงพี่น้องของตนเองในเรื่องแค่นี้ เธอก็พอรู้ว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยใจกว้างมากนัก
หลินเซี่ยยิ้มและพูดกับเฉียนต้าเฉิงว่า ”พี่เฉิง พวกเราทุกคนต่างรู้จักกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาตลอด ฉันอยากให้คุณระวังและดูแลภาระงานที่ตัวเองรับผิดชอบให้ดี เจ้านายคุณจะเข้ามาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าไม่ใช่เหรอ? ถึงตอนนั้นฉันจะบอกสามีให้ช่วยให้เครดิตคุณยังไงล่ะ”
หลินเซี่ยพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำจนเฉียนต้าเฉิงรู้สึกละอายใจ “เสี่ยวหลิน ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
เขาหันไปบอกหลินจินซานว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกับเสี่ยวหลินแล้วรีบกลับมานะ”
“ครับ” หลินจินชานรีบไปที่ก็อกน้ำประปาหลังบ้านเพื่อล้างหน้า จากนั้นสวมเสื้อคลุมแล้ววิ่งออกไป
ขณะเดินเคียงข้างกัน หลินจินซานก็บ่นกับเธอไปด้วย
“พี่เฉิงใจแคบเกินไปแล้ว พอเห็นเธอเข้ามาใกล้ฉันหน่อยเขาก็อิจฉา แถมชอบล้อเลียนฉันตลอดทั้งบ่ายด้วย แต่ฉันเหนื่อยจากการแบกปูนมากพออยู่แล้ว เลยไม่ค่อยอยากใส่ใจ”
หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ไว้ค่อยคิดเรื่องนี้ทีหลัง”
เธอเหลือบดูนาฬิกาและเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามห้าสิบแล้ว จึงพูดกับหลินจินซาน “เร็วเข้า รถไฟใกล้มาถึงสถานีแล้ว”
หลินเซี่ยวิ่งนำหน้า หลินจินซานเดินตามเพราะี่เหนื่อยเกินกว่าจะวิ่ง เขาเท้าสะเอวตัวเองแล้วตะโกนจากด้านหลัง “เสี่ยวหลิน ทำไมต้องวิ่งเร็วขนาดนั้นด้วยล่ะ? ขาฉันสั่นไปหมดแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หมดปัญหาเรื่องเงินค่าจ้างทำผมแล้ว เหลือแต่เรื่องมาเจอพี่น้องที่สาบสูญเนี่ยแหละว่าจะเซอร์ไพร์สไหม
ไหหม่า(海馬)