ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 15 ปัญหาเรื่องที่นอน
ตอนที่ 15 ปัญหาเรื่องที่นอน
ตอนที่ 15 ปัญหาเรื่องที่นอน
เสิ่นเสี่ยวเหมยพ่นลมหายใจเย็นชา ถือได้ว่าเป็นการให้อภัยเขา
เมื่อเห็นว่าพวกเขากล่าวคำดูถูกหลินเซี่ย ผู้เฒ่าโจวก็เคาะมอระกู่ของเขากับขอบหน้าต่างและพูดเสียงเข้ม
“เอาล่ะ ลี่หรง อย่าเข้าไปยุ่งเรื่องของเจียเหอเลย ทำไมถึงเพิ่งมาวุ่นวายเอาตอนนี้? เขาไม่ได้อยู่กับลูกตั้งแต่ยังเด็ก และแทบไม่ได้อยู่ใกล้กันเลย ลูกคิดว่าเขาจะยอมฟังเหรอ? เขาไม่เคยฟังลูกอยู่แล้ว ตอนนี้เขาอายุเกือบสามสิบปี อย่าคาดหวังให้เขารับฟังเลย”
โจวลี่หรงบ่นคำ “พ่อ ก็เพราะพ่อคุ้นเคยกับเขาน่ะสิคะ ไม่อย่างนั้นเขาจะมีความคิดดื้อรั้นแบบนี้เหรอ?”
ผู้เฒ่าโจวตอบกลับเสียงเย็นชา “ก็ใช่น่ะสิ เราคุ้นเคยกับเขาดีเพราะแกโยนเขามาให้เราเลี้ยง ถ้าเราไม่คุ้นเคย แล้วใครเล่าจะมาคุ้นเคย?”
โจวลี่หรงพูดไม่ออกกับคำพูดของพ่อตัวเอง
เมื่อเห็นว่าชายชรากำลังขุ่นเคือง หล่อนก็ไม่กล้ากล่าวคำใดต่อ
เฉินเจียเหอพาหลินเซี่ยและหู่จือเข้าไปยังห้องฝั่งตะวันตก ซึ่งบรรยากาศในห้องตอนนี้ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ปกติหู่จือมักอาละวาดอยู่เสมอ แต่พอโจวลี่หรงและคนอื่น ๆ มาที่บ้าน ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อฟังมากขึ้น ก่อนหยิบหนังสือภาพจากกระเป๋านักเรียนแล้วเริ่มวาดภาพ
หลินเซี่ยนั่งอยู่บนขอบเตียงเตามองดูเฉินเจียเหอที่หันหลังทำความสะอาดบ้าน เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร
นี่คือห้องหอของพวกเขา แต่หลังจากแต่งงานได้สามวัน นี่กลับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้อยู่ในห้องนี้ด้วยกัน
“ดูเหมือนว่าแม่ของคุณจะไม่อยากเจอฉันเท่าไหร่เลย” หลินเซี่ยมองแผ่นหลังกว้างของเขา เธออดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“แม่แค่คิดว่ามันกะทันหันเกินไป เดี๋ยวก็คงค่อย ๆ ยอมรับได้เอง”
เฉินเจียเหอวางผ้าขี้ริ้วลง หันกลับมามองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง ในใจนึกอยากถามเธอออกไปว่า เมื่อครู่ที่พูดว่า “ฉันเต็มใจ” นั้นได้มาจากใจจริงของเธอหรือไม่ หรือเป็นเพียงเพียงแผนชะลอการเดินทางกลับเข้าเมือง?
ท่าทางของเธอในยามนั้น คล้ายกับกังวลมากว่าครอบครัวของเขาจะแยกทั้งสองออกจากกัน
ในเวลานี้หู่จือที่เริ่มรู้สึกหนาวก็ตะโกนขึ้นอย่างหมดความอดทน เฉินเจียเหอกลัวว่าเขาจะเป็นหวัด จึงรีบไปยังสวนหลังบ้านเพื่อขนมูลวัวมาเผาเตียงเตา
ตั้งแต่กลับมายังบ้านเกิด เขาก็ทำหน้าที่เผาเตียงเตาตลอด
แต่เขาก่อไฟแค่ในห้องหลัก และห้องหอของพวกเขานั้น
สองคืนแรกที่เขานอนห้องทิศตะวันออก ด้วยเพราะกลัวว่าตากับยายจะรู้ความจริง เขาจึงทนนอนบนเตียงเตาเย็นๆ
คืนนี้เฉินเจียซิ่งและภรรยาจะอาศัยหลับนอนในห้องทิศตะวันออก
ในฐานะพี่ชายคนโต มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะเผาเตียงเตาให้ครอบครัวน้องชาย
ผู้เฒ่าโจวเห็นว่าเฉินเจียเหอกำลังถือตะกร้าใส่มูลวัว เขาจึงพูดว่า “เจียซิ่งและเสี่ยวเหมยจะพักอยู่ที่นี่คืนนี้ เราต้องเผาเตียงเตาให้พวกเขาด้วย”
เฉินเจียเหอตอบรับ “คุณตา ไม่ต้องห่วงครับ ปล่อยให้เจียซิ่งทำเองเถอะ”
เฉินเจียซิ่งเอามือล้วงกระเป๋า แต่งตัวดีและค่อนข้างโดดเด่น เมื่อได้ยินสิ่งที่เฉินเจียเหอพูด เขาก็มองมือขาวสะอาดของตัวเองพลางขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่ ผมจะจับขี้วัวด้วยมือคู่นี้ได้ยังไง? มันสกปรกจะตายไป”
“งั้นก็นอนบนเตียงเตาเย็นๆ ไป”
เฉินเจียเหอพูดจบก็ก้าวเดินพร้อมตะกร้าเข้าไปในลาน
เฉินเจียซิ่งไม่ต้องการเผาเตียงเตาด้วยตัวเอง แต่เขาก็ไม่มีความกล้าที่จะสั่งชายชรา
ประเด็นคือ หากเขากล้าออกคำสั่งกับคุณตา พี่ชายจะต้องทุบตีเขาจนตาย
เขาล้วงมือในกระเป๋ากางเกงและถามผู้เฒ่าโจวว่า “คุณตา บ้านเราไม่มีที่นอนไฟฟ้าเหรอ?”
ผู้เฒ่าโจวตอบ “ไม่มี เวลานอนมันไม่สบาย และยังไม่ปลอดภัยด้วย”
เฉินเจียซิ่งกำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะเสิ่นเสี่ยวเหมยที่อยู่ในห้องตะวันออกสักพักในช่วงบ่ายบ่นว่าอากาศในชนบทหนาวเกินไป หากหล่อนต้องนอนบนเตียงเตาที่เย็นเยือก หล่อนจะต้องจับเขากินเป็นแน่
ด้วยความสิ้นหวัง เฉินเจียซิ่งทำได้แค่เดินตามเฉินเจียเหอไปที่ลานหลังบ้านเพื่อขนมูลวัว
เขาเดินมาหาเฉินเจียเหอเพื่อสอบถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มและหลินเซี่ย และพยายามโน้มน้าวความคิดของอีกฝ่าย
เฉียเจียเหอหยิบพลั่วและตักมูลวัวใส่ลงตะกร้า ขณะที่เฉินเจียซิ่งเดินมายืนด้านข้างพร้อมถามว่า “พี่ใหญ่ ทำไมพี่ต้องแต่งงานกับหลินเซี่ยด้วย? พี่รู้จักกับหล่อนตอนที่เราอยู่ไห่เฉิงหรือเปล่า?”
เฉินเจียเหอไม่สนใจเขา และก้มหน้าไปทำงานต่อ
“ผมรู้นะ ถึงแม้พี่จะเริ่มแก่ตัว แต่เพื่อดูแลหู่จือตลอดหลายปี พี่ก็ไม่มีเวลาหรือแม้แต่พลังเหลือที่จะไปพบเจอเพศตรงข้าม คนที่แม่แนะนำให้ล้วนมีรูปร่างหน้าตาธรรมดา ดังนั้นพี่จึงหลงเสน่ห์หญิงสาวหน้าตาสะสวย เรื่องนี้เข้าใจได้ ผมเข้าใจพี่ดี”
คนอย่างเขาที่เริ่มออกเดทตั้งแต่วัยรุ่น จะไม่มีวันทำผิดพลาดแบบเดียวกับพี่ชายของเขา
เฉินเจียเหอยังคงเพิกเฉย กระนั้นเฉินเจียซิ่งก็ไม่ยอมแพ้โดยง่าย และพยายามกล่าวคำโน้มน้าวใจพี่ชายอย่างเต็มพี่ เพื่อให้อีกฝ่ายตระหนักถึงความจริง “พี่ใหญ่ ฟังคำแนะนำผมเถอะ หล่อนอาจจะดูดีก็จริง แต่พวกพี่สองคนเข้ากันไม่ได้หรอก นิสัยใจคอหล่อนแย่มาก ทั้งโง่เขลาเบาปัญญา แล้วยังปันใจให้กับชายอื่น นอกจากนี้หล่อนยังอายุน้อยกว่าพี่ถึงแปดปี ผมไม่คิดว่าชายแก่กับภรรยาสาวจะมีจุดจบที่ดีนัก เมื่อหล่อนถึงวัยรุ่งเรือง พี่ก็จะกลายเป็นคนแก่ที่หล่อนไม่ต้องการ…”
เฉินเจียซิ่งพูดมากเท่าใด มันยิ่งฟังดูเลวร้ายมากขึ้นเท่านั้น…
“ฉันจะฟาดนายให้ตายด้วยพลั่วซะ” เฉินเจียเหอหมดความอดทน เขาหันกลับและกวาดพลั่วกระแทกบั้นท้ายของเฉินเจียซิ่งอย่างแรง
เฉินเจียซิ่งจับบั้นท้ายและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ประเด็นคือ พลั่วนี้เพิ่งใช้ตักมูลวัว จึงทำให้มูลเลอะเปื้อนตัวเขา
เขาจ้องมองเฉินเจียเหออย่างโมโห พยายามปัดมูลวัวบนก้นออกด้วยความขยะแขยง
“ถ้าพี่จะตีก็ตีเฉย ๆ สิ ทำไมต้องให้มูลวัวมาเปื้อนผมด้วย? เดี๋ยวเสี่ยวเหมยได้กลิ่นเหม็นพวกนี้ หล่อนต้องตีผมซ้ำอีกแน่”
เขาคงเสียสติไปแล้วที่คิดว่าสามารถโน้มน้าวท่อนไม้นี้ได้
เฉินเจียเหอมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเตือนว่า “นายไม่จำเป็นต้องมากังวลเรื่องของฉัน ดูแลเมียตัวเองไปเถอะ หล่อนไม่ใช่อาหญิงของหลินเซี่ยอีกแล้ว และไม่มีสิทธิ์มาสั่งการใด ๆ ถ้าครั้งต่อไปหล่อนยังพูดมากอีก อย่ามาร้องขอให้ฉันช่วยถ้าหลินเซี่ยเริ่มทุบตีหล่อน”
เฉินเจียเหอโยนพลั่วในมือลงและเดินออกจากสวนหลังบ้านพร้อมสะพายตะกร้ามูลวัวไว้ด้านหลัง
เมื่อมองดูแผ่นหลังที่เดินจากไป เฉินเจียซิ่งก็เดือดดาลอย่างมากและจินตนาการว่ามูลวัวที่อยู่ใต้เท้าเป็นพี่ชายหน้าเลือด จากนั้นก็กระทืบเท้าอย่างแรง
พวกเขาถ่อมาที่นี่เพื่อขัดขวาง แต่กลับถูกทุบตีอยู่ฝ่ายเดียว
หลินเซี่ยสัญญากับหู่จือว่าจะขยันทำงานมากขึ้น เดิมทีเธอคิดว่าจะเข้าครัวเพื่อช่วยคุณยายทำอาหารคืนนี้
แต่เมื่อมาถึงลานบ้าน เธอก็เห็นว่าโจวลี่หรงกำลังยุ่งอยู่ในครัว
ผู้เฒ่าโจวกลัวว่าหลินเซี่ยจะถูกโจวลี่หรงหาเรื่องดุด่าเมื่อเข้าไปในครัว เขาจึงหาข้ออ้างและเรียกเธอเข้าไปในห้อง