ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 157 เธอเป็นใครนะ
ตอนที่ 157 เธอเป็นใครนะ?
ตอนที่ 157 เธอเป็นใครนะ?
“เสี่ยวเฉียน งานคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?” ชายคนนั้นถอดแว่นกันแดดออกจากดั้งจมูก แล้วถามเฉียนต้าเฉิงซึ่งพยักหน้าและโค้งคำนับ
เฉียนต้าเฉิงรีบรายงาน “หัวหน้า งานทั้งหมดน่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในวันพรุ่งนี้ พวกเราทำงานล่วงเวลาเต็มกำลังตามคำสั่งของคุณเลยครับ”
“ฉันขอเข้าไปดูก่อน”
หลินเซี่ยตะโกนเรียกหู่จือ “หู่จือ มานี่เร็วเข้า ช่วยดูหน่อยว่าเขาเป็นใคร? นั่นใช่ลุงเซี่ยของลูกหรือเปล่า”
“ลุงเซี่ยมาแล้วเหรอ?” ดวงตาของหู่จือเป็นประกาย วิ่งไปข้างหน้าพลางยกกางเกงขึ้น เมื่อเขาเห็นชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่ตรงนั้น ก็รีบพุ่งตัวออกไปหาด้วยความตื่นเต้น “ลุงเซี่ย!!!”
เซี่ยไห่กำลังจะไปตรวจงานภายในอาคาร แต่เมื่อเขาเห็นเด็กชายวิ่งออกมาจากร้านด้านข้างก็หยุดเดินแล้วกอดเขาไว้
“ไอหยา ลูกชายคนโตของฉัน สูงขึ้นอีกแล้วนะเนี่ย”
ขณะหู่จือถูกกอดโดยเซี่ยไห่ก็เตือนเขาว่า “ลุงเซี่ย พ่อผมไม่ให้ลุงเรียกผมว่าลูกชายซะหน่อย”
“ทำไมจะเรียกไม่ได้ล่ะ?” น้ำเสียงของเซี่ยไห่ฟังดูไม่เต็มใจ “งั้นเรียกว่าลูกชายอย่างเดียวก็ได้”
เขาหอมแก้มหู่จือฟอดใหญ่แล้วพูดว่า “ลูกชายฉันผิวขาว เนื้อตัวนุ่มนิ่มจริง ๆ ยิ่งโตก็ยิ่งหล่อ”
หู่จือถูกเซี่ยไห่กอดหอมบนถนนแบบนั้น เขาก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย ผลักเซี่ยไห่ออกและรีบบอกว่า “ลุงเซี่ย ปล่อยผมลงเถอะ ผมจะพาลุงไปเจอแม่”
“แม่เธอเหรอ?” ใบหน้ายิ้มแย้มของเซี่ยไห่เปลี่ยนเป็นแข็งค้างทันที
หู่จือพูดต่อไปว่า “ลุงเซี่ย พ่อผมแต่งงานแล้ว ตอนนี้ผมมีแม่เลี้ยงด้วยล่ะ ลุงคงยังไม่รู้ใช่ไหม?”
เซี่ยไห่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยินคำอธิบายของหู่จือ
หู่จือพยายามดิ้นให้ตัวเองหลุดจากอ้อมกอดของเซี่ยไห่ จากนั้นก็พาเขาเข้าไปในร้าน
ทันทีที่เขาหันมองตาม ก็เห็นหญิงสาวร่างผอมเพรียวยืนอยู่ที่หน้าประตูร้าน ใบหน้าของเธอเกลี้ยงเกลาสดใส ฉาบทาด้วยรอยยิ้ม กำลังมองมาที่เขาและหู่จือ
เมื่อเซี่ยไห่เห็นหญิงสาวตรงหน้า จู่ ๆ เขาก็ดูเหมือนตกใจมาก เดินสะดุดจนเกือบจะล้มลง
หลินเซี่ยมองเขาแล้วกล่าวทักทายอย่างสุภาพว่า “สวัสดีค่ะ”
“เธอ…”
เขามองตรงไปที่หลินเซี่ย พูดติดอ่างอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ “เธอ… เธอเป็นใครนะ?”
หลินเซี่ยไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยไห่ถึงมีท่าทางแปลกไปแบบนี้ แต่เธอยังคงแสดงสีหน้าสุภาพและไว้ตัว ตอบกลับว่า “ฉันเป็นภรรยาของเฉินเจียเหอค่ะ ชื่อหลินเซี่ย”
“เมียเหล่าเฉินเหรอ?” ดวงตาของเซี่ยไห่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หู่จือจับมือเธอและแนะนำอย่างภาคภูมิใจว่า “ลุงเซี่ย นี่คือแม่เลี้ยงของผมที่พ่อแต่งงานด้วย แม่เป็นคนดีมาก ก่อนหน้านี้ถึงขั้นทะเลาะกับแม่ตงตงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ตอนนี้ไม่มีใครในโรงเรียนกล้าเรียกผมว่าเด็กกำพร้าแม่อีกต่อไปแล้ว”
หู่จือแทบรอไม่ไหวที่จะถ่ายทอดความสุขของเขากับเซี่ยไห่
หลินจินซานซึ่งยืนอยู่ที่ประตูถัดไปเห็นเจ้านายใหญ่ของพวกเขาจ้องมองตรงไปที่น้องสาวของเขาไม่วางตา ก็พยายามใช้ทุกโอกาสเพื่อแสดงการมีอยู่ของเขา “เถ้าแก่ใหญ่ครับ นอกจากหล่อนจะเป็นภรรยาของพี่เฉินเจียเหอแล้ว ยังเป็นน้องสาวของผมด้วย”
เซี่ยไห่ไม่สนใจฟังคำพูดของหู่จือและหลินจินซานเลยด้วยซ้ำ
เขามองไปที่หลินเซี่ยเป็นเวลานาน แล้วถามว่า “เธอชื่อหลินเซี่ยงั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
หลินเซี่ยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในเวลานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกับเขาได้พบกัน แต่อีกฝ่ายกลับจ้องมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแบบนี้ ทำให้อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอมีสถานะเป็นภรรยาของสหายน้องชายตัวเอง
เขากลับไม่ให้เกียรติเธอเลย
“เถ้าแก่เซี่ยคะ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันขอพาหู่จือกลับบ้านก่อน”
“อย่าเพิ่งไป” เซี่ยไห่พูดทันที “เธอกับหู่จืออยู่รอฉันก่อน ฉันจะเข้าไปข้างในร้านเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าในการทำงานของเสี่ยวเฉียนซะหน่อย หลังจากนั้นฉันจะพาเธอไปเลี้ยงอาหารมื้อเย็นเอง”
“ไม่เป็น…” ก่อนที่เธอจะปฏิเสธ เซี่ยไห่ก็ก้าวฉับ ๆ เข้าไปในอาคารด้านข้างที่อยู่ติดกันอย่างเร่งรีบซะแล้ว
หลินเซี่ยยืนนิ่งอยู่ที่นั่นด้วยความรู้สึกสับสน
เธอหันกลับไปมองตัวเองในกระจกโดยไม่รู้ตัว
นี่เธอสวยขนาดนั้นเลยเหรอ?
ผู้ชายคนนั้นมาจากเมืองเชินเฉิง มีผู้หญิงแบบไหนที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน?
ทำไมถึงได้จ้องมองเมียสหายน้องชายตัวเองตาเป็นมันแบบนั้นกัน?
ไม่สุภาพเอาซะเลย
หลินเซี่ยดึงมือหู่จือเข้าไปในร้าน ก่อนจะถามหู่จือด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบาว่า “หู่จือ ลุงเซี่ยของลูกเขามีคู่ครองแล้วหรือยัง?”
หู่จืออายุเพียงห้าขวบเท่านั้น เขามองหลินเซี่ยอย่างว่างเปล่า ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เธอพูดเท่าใด
หลินเซี่ยจึงเปลี่ยนคำพูดของตัวเอง
“ที่บ้านเขามีผู้หญิงอยู่ด้วยไหม? ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับเขาแบบพ่อกับแม่”
คราวนี้หู่จือตอบกลับอย่างมั่นใจ “ไม่มีฮะ เขาโสด”
โสดเสียด้วย?
โสดชนิดที่ผ่านดงดอกไม้นับพันแต่ไร้เศษใบไม้ติดกาย*หรือเปล่า?
*万花丛中过,片叶不留身 เป็นสำนวน แปลว่าผ่านความสัมพันธ์มามากแต่ไม่คิดลงเอยกับใครเลย
เมื่อสังเกตจากเสื้อผ้าและการแต่งกายของเขา เขาดูเหมือนเป็นเพลย์บอยจริง ๆ นั่นแหละ
แถมยังดูเหมือนเป็นเพลย์บอยตัวพ่อเลยด้วย
หลินเซี่ยหรี่ตาลง ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
ปกติแล้วเขาไม่ควรทำตัวให้เป็นปัญหากับเฉินเจียเหอ
ต่อให้เจ้าตัวไม่อยู่ เขาก็ไม่ควรทำตัวหยาบคายกับพี่น้องหรือภรรยาของอีกฝ่าย นี่คือมารยาทพื้นฐานของมนุษย์
ในฐานะเจ้าของธุรกิจ เขาเดินทางไปทั่ว แน่นอนว่าเขาก็ต้องช่ำชองเรื่องทางโลกไม่ต่างกัน
แล้วทำไมเขาถึงมาตื่นตาตื่นใจเอากับเมียเพื่อน มองราวกับทะลุเสื้อเข้าไปให้ได้อย่างนั้นล่ะ?
ขณะที่เธอกำลังคิดอย่างบ้าคลั่ง ใครบางคนจากด้านนอกก็มาเรียกชื่อหู่จือ
หู่จือวิ่งถลาออกไปอย่างมีความสุขทันที
“ลุงจวิ้นเฟิง ลุงก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? มาหาลุงเซี่ยหรือมาหาผมฮะ?” เมื่อหู่จือเห็นถังจวิ้นเฟิง เขาก็วิ่งเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของถังจวิ้นเฟิงอย่างสนิทสนม
ถังจวิ้นเฟิงยิ้มแล้วตอบว่า “มาหาทั้งเธอกับลุงเซี่ยเลย”
“ลุงเซี่ยของเธออยู่ไหนล่ะ?” ถังจวิ้นเฟิงมองเข้าไปในร้านตัดผม
“อยู่ในตึกนั้นครับ เขาเข้าไปตรวจงานของลุงเฉียนและลุงเฉิง”
หู่จือพาถังจวิ้นเฟิงไปตามหาเซี่ยไห่
เซี่ยไห่ตรวจสอบอาคารทั้งหมด เดินจากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบน โดยมีเฉียนต้าเฉิงและหลินจินซานติดตามเขาด้วยความประหม่า ปาดเหงื่อเป็นระยะ ๆ และรอให้เจ้านายแสดงความคิดเห็น
“ไม่เลว อาจจะมีข้อบกพร่องนิดหน่อยเกี่ยวกับการตกแต่ง อย่าลืมตรวจสอบแล้วแก้ไขด้วยล่ะ”
เฉียนต้าเฉิงพยักหน้าอย่างเร่งรีบ “รับทราบครับ รับทราบครับ”
เซี่ยไห่เดินกลับลงมาชั้นล่าง เห็นว่าถังจวิ้นเฟิงกำลังจูงมือหู่จือรออยู่ที่หน้าประตู
“เลิกงานแล้วเหรอ? หรือวันนี้ไม่ไปมาทำงาน?” เซี่ยไห่ถามถังจวิ้นเฟิง
ถังจวิ้นเฟิงตอบว่า “วันนี้มีเวรตอนกลางคืนน่ะ”
หลังออกมาจากร้านแล้ว ถังจวิ้นเฟิงก็ตบรถที่จอดอยู่ริมถนนเบา ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขามองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจพลางถามว่า
“เหล่าเซี่ย นายซื้อรถคันนี้เหรอ?”
เซี่ยไห่หยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วหมุนควงมันสองครั้งอย่างไว้มาด “แน่นอน”
“โอ้พระเจ้า เหล่าเซี่ย นี่นายทำเงินได้มากขนาดนี้เชียวเหรอ?”
ถังจวิ้นเฟิงลูบไปตามรถด้วยสีหน้าอิจฉา
“หรือว่าฉันควรลาออกแล้วไปช่วยนายทำงานหาเงินดีนะ”
ลาออกของถังจวิ้นเฟิง คือลาออกจากการเป็นตำรวจประจำสถานีรถไฟ
เซี่ยไห่กลอกตามองเขา “ไม่ต้อง”
“เหล่าฟางกับเจิ้งอวี่ไม่มาด้วยเหรอ?” เซี่ยไห่ถามถังจวิ้นเฟิง “นายบอกพวกเขาหรือยังว่าวันนี้ฉันจะกลับมา?”
ถังจวิ้นเฟิงอธิบาย “พวกเขาอยู่ในโรงซ่อมบำรุงหัวรถจักร ฉันยังติดต่อพวกเขาไม่ได้ กว่าจะกลับมาก็วันหยุดในอีกสองวันข้างหน้า”
เซี่ยไห่กำลังจะเข้าไปเรียกหลินเซี่ยที่ร้านเสริมสวย แต่หลินเซี่ยเดินออกมาเสียก่อน
เขายิ้มอย่างกระตือรือร้นทันทีพร้อมพูดว่า “มาเถอะ หลินเซี่ย ขึ้นรถเร็ว เดี๋ยวพวกเราจะออกไปกินข้าวกัน”
“งั้นคุณไปกับสหายถังแล้วกันค่ะ รบกวนพาหู่จือไปกินข้าวด้วย ฉันขอไม่ไปดีกว่า”
สายตาที่เถ้าแก่เซี่ยมองเธอในขณะนี้ร้อนแรงเกินไป ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากจนไม่อยากออกไปข้างนอกกับพวกเขา
“ได้ยังไงกัน ถ้าเจียเหอรู้ว่าพวกเรากำลังจะออกไปกินอาหารมื้อใหญ่โดยที่ไม่มีเธอไปด้วย เขากลับมาแล้วคงตำหนิพี่ใหญ่อย่างฉันยกใหญ่แน่” เซี่ยไห่ไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ เขาเชื้อเชิญอย่างอบอุ่นและสนิทสนมคุ้นเคย “ล็อกประตูร้านเถอะ เราจะไปกันแล้ว”
เฉียนต้าเฉิงและหลินจินซานยืนอยู่บนขั้นบันได เฝ้ามองตามอย่างกระตือรือร้นขณะที่เซี่ยไห่เปิดประตูรถ
พวกเขาอยากมีวาสนาได้นั่งรถหรูแบบนั้นบ้าง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เถ้าแก่เซี่ยใจเย็นค่ะ ไปหยอดเมียเขาแบบนั้นเดี๋ยวได้วางมวยกับพี่เหอหรอก
ไหหม่า(海馬)