ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 160 รีบสละสถานะม่าย
ตอนที่ 160 รีบสละสถานะม่าย
ตอนที่ 160 รีบสละสถานะม่าย
หลังจากได้ยินสิ่งที่หวังซิ่วฟางพูด หลินเซี่ยเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เจียงอวี่เฟยคิดจะแนะนำคุณให้รู้จักกับใครสักคนงั้นเหรอคะ?”
ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะร้อนใจมาก เมื่อได้ยินว่าแม่ของเธอมีแนวโน้มสูงว่าจะไม่เปลี่ยนใจ ก็เบนเข็มไปหาหวังซิ่วฟางทันที
เห็นได้ชัดว่าอยากมีแม่เลี้ยงจะแย่
“ใช่ หล่อนบอกว่าจะแนะนำฉันให้รู้จักกับพ่อของหล่อน รองผู้อำนวยการเจียงแห่งโรงงานเครื่องจักร”
หวังซิ่วฟางมองไปที่หลินเซี่ยและพูดด้วยน้ำเสียงเคอะเขิน “ฉันแค่อยากมาถามเธอหน่อย ไม่ว่ายังไงเธอก็เคยเติบโตขึ้นในอาคารพักอาศัยในเขตโรงงานเครื่องจักรนั้น ที่หล่อนบอกว่าจะแนะนำฉันให้รู้จักกับรองผู้อำนวยการเจียง เป็นคำพูดที่เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน? สถานการณ์ครอบครัวหล่อนเป็นยังไงกันแน่?”
หลินเซี่ยไม่กล้าพูดอะไรอย่างหุนหันพลันแล่น ได้แต่ยิ้มแล้วถามกลับ “แล้วหล่อนเล่าอะไรให้คุณฟังบ้างล่ะคะ?”
“หล่อนแค่บอกว่า…”
ช่วงบ่ายวันนี้ หวังซิ่วฟางกำลังซักผ้าอยู่ในลาน เจียงอวี่เฟยก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงขนมและบิสกิตของเสี่ยวฮวา จากนั้นก็นั่งยอง ๆ อยู่ด้านข้าง อยู่เป็นเพื่อนคุยกับหล่อนเป็นเวลานาน
บทสนทนาทั้งหมดเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องวิถีชีวิต จนถึงเรื่องลูก และเรื่องการแต่งงาน
หวังซิ่วฟางเป็นคนตรงไปตรงมา ตราบใดที่มีคนเต็มใจที่จะพูดคุยกับหล่อน หล่อนก็จะตอบคำถามทุกอย่างตามความจริงจากใจและจิตวิญญาณ เล่าเรื่องตัวให้อีกฝ่ายฟังไปเสียมากมาย รวมถึงความยากลำบากและความกดดันที่ตนต้องเผชิญเมื่อต้องเลี้ยงดูลูกตามลำพังตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เจียงอวี่เฟยรับฟังด้วยความกระตือรือร้น หล่อนใส่ใจคำบอกเล่าของหวังซิ่วฟางอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะบอกกับหวังซิ่วฟางว่าหล่อนเองก็เติบโตมาในครอบครัวพ่อเลี้ยงเดี่ยว และตอนนี้ก็เริ่มโหยหาครอบครัวที่สมบูรณ์
จากนั้น เมื่อบรรยากาศกำลังเอื้อให้บทสนทนา เจียงอวี่เฟยก็มองไปที่หวังซิ่วฟางและพูดว่า “พี่สาวหวัง ฉันคิดว่าเราสองคนถูกกำหนดมาให้รู้จักกันจริง ๆ หรือว่า ฉันควรแนะนำคุณให้พ่อของฉันรู้จักดี?”
ในตอนแรก หวังซิ่วฟางคิดว่าเจียงอวี่เฟยแค่พูดล้อเล่น ดังนั้นหล่อนจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง
ใครจะไปคิดว่าเจียงอวี่เฟยจริงจังมาก หล่อนเริ่มแนะนำสถานการณ์ภายในครอบครัว เล่าบุคลิกของผู้เป็นพ่อในวัยทำงาน รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอกของเขาด้วย พูดง่าย ๆ คือมันไม่ดูเหมือนเป็นแค่เรื่องชวนขันเลย
ต่อมา เมื่อทั้งสองกำลังจะเข้าสู่ประเด็นสนทนาหลัก เพื่อนบ้านคนหนึ่งก็เดินเข้ามาขอยืมอะไรบางอย่าง ขัดจังหวะการสนทนาของพวกหล่อนไปบราวนี่ออนไลน์
ตอนนั้นเริ่มเย็นลงทุกที เจียงอวี่เฟยจึงขอตัวกลับ
หลังจากที่หวังซิ่วฟางกินข้าวมื้อเย็นเสร็จแล้ว ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด หล่อนก็ยิ่งรู้สึกว่าการที่เจียงอวี่เฟยพยายามจับคู่ให้ตัวเองกับพ่อของหล่อนนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
ถ้าพ่อของเจียงอวี่เฟยเป็นถึงรองผู้อำนวยการของโรงงานเครื่องจักรจริง ๆ และถ้ารองผู้อำนวยการเจียงคนนั้นเป็นพ่อม่ายโสดสนิท แถมยังวางแผนว่าจะแต่งงานเป็นครั้งที่สอง หวังซิ่วฟางก็คิดว่าหล่อนควรคว้าโอกาสนี้ไว้
เจียงอวี่เฟยบอกว่าตอนที่หล่อนยังเด็ก พ่อของหล่อนเคยล้มเลิกแผนการที่จะแต่งงานใหม่ แต่ตอนนี้หล่อนโตขึ้นและเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว อีกหน่อยอาจต้องไปอยู่ไกลบ้าน หล่อนจึงเริ่มยอมรับการเข้ามามีบทบาทในบ้านของแม่เลี้ยงในอนาคต แล้วพ่อของหล่อนก็เต็มใจที่จะแต่งงานใหม่ด้วย ในเมื่อหล่อนไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมในแวดวงคนรู้จัก จึงต้องออกมาหานอกบ้าน
ขอแค่มีตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงงานมาเป็นเงื่อนไข ตราบใดที่แม่สื่อแม่ชักทั้งหลายได้ข่าว หญิงสูงวัยที่เป็นม่ายทั้งหมดภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ต้องพากันกระสับกระส่ายแน่นอน
หวังซิ่วฟางกำลังจะเข้านอน แต่กลัวว่าถ้าหลับไปในค่ำคืนนี้ ตัวเองอาจจะพลาดความสุขครั้งใหม่
ดังนั้น หล่อนจึงมาขอคำปรึกษาถึงบ้านของหลินเซี่ย
สีหน้าของหลินเซี่ยตอนนี้เปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากฟังคำบรรยายของหวังซิ่วฟาง
พี่สาวหวังคนนี้ ดูกระตือรือร้นที่จะสละสถานะม่ายเสียจริง ๆ
หวังซิ่วฟางเห็นว่าหลินเซี่ยทำหน้าตาแปลก ๆ และยังคงนิ่งเงียบ จึงพูดกับเธออย่างจริงใจว่า “เสี่ยวหลิน ฉันเห็นแล้วว่าเฉินเจียเหอแต่งงานกับเธอ ก็เลยไม่มีความคิดว่าจะจับเขาอีกต่อไป ฉันคิดว่าตัวเองยังพอจะหาคนอื่นที่เหมาะสมได้ มีโอกาสก็ควรคว้าไว้ไม่ใช่เหรอ?”
หลินเซี่ยพูดสั้น ๆ “พี่สาวหวัง รองผู้อำนวยการโรงงานเจียงยังดูแลตัวเองเป็นอย่างดี คุณควรไปเจอเขาด้วยตัวเองนะ เมื่อวานนี้เขาก็เพิ่งแวะไปตัดผมที่ร้านของฉันมา”
“ฉันเคยเห็นหน้าเขาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่พวกเราไปแข่งขันศิลปะการแสดงไงล่ะ ฉันมองเห็นเขาจากในระยะไกล เขาดูสง่างามสมวัยมากจริง ๆ”
ขณะที่หวังซิ่วฟางพูดถึงรองผู้อำนวยการโรงงานเจียง ร่องรอยของความเขินอายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เริ่มโรยราของหล่อน
หลินเซี่ยยิ้มและพยักหน้า “ใช่ เขาสง่างามมาก แต่เห็นแบบนั้น ความจริงแล้วเขาอายุมากกว่าคุณนิดหน่อย”
หวังซิ่วฟางพูดอย่างเมินเฉยว่า “ไม่แก่เกินไปหรอก ห่างกันแค่สิบปี ดูอย่างเธอกับเฉินเจียเหอสิ อายุห่างกันตั้งแปดหรือเก้าปี ผู้ชายจะรักและเอาใจใส่คนอื่นมากขึ้นเสมอเมื่อพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ เฉินเจียเหอดีกับเธอมาก ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเห็นเขาปฏิบัติต่อใครอย่างที่เขาทำกับเธอเลย ขนาดดวงตายังเผยแววอ่อนโยนออกมาแบบเห็นชัด”
“ในเมื่อคุณคิดว่าอายุไม่ใช่ปัญหา ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ”
พูดถึงคุณสมบัติส่วนตัวโดยรวมของเจียงกั๋วเซิ่ง เขานับว่าเหนือกว่าใครในบรรดาพ่อม่ายลูกติดทั้งหลาย
“เธอคิดว่ารองผู้อำนวยการโรงงานเจียงจะชอบฉันหรือเปล่า?” หวังซิ่วฟางมองไปที่หลินเซี่ย ถามหยั่งเชิงเพราะขาดความมั่นใจ
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่ต่ำต้อยและคาดหวังของอีกฝ่าย หลินเซี่ยก็ถามอย่างนึกแปลกใจ “พี่สาวหวัง ดูเหมือนคุณรีบร้อนในการแต่งงานใหม่มากเลยนะคะ?”
พอหลินเซี่ยพูดแบบนี้ หวังซิ่วฟางก็เอนหลังนั่งพิงโซฟา เงยหน้ามองเพดานและถอนหายใจอย่างหนัก “เสี่ยวหลิน ฉันขอบอกกับเธอตามตรงว่าฉันกังวลมากจริง ๆ เธอน่าจะเคยได้ยินคนเล่ามาบ้างแล้ว เกือบสี่ปีนับตั้งแต่พ่อของเสี่ยวฮวาล่วงลับไป สองปีแรกฉันยังรู้สึกเศร้าโศกเพราะตัดใจจากเขาไปไม่ได้ ต่อให้ต้องอยู่ตามลำพังกับเสี่ยวฮวาเพียงลำพัง จะลำบากแค่ไหนก็ไม่เคยคิดจะแต่งงานใหม่ ตอนนี้ผ่านระยะไว้ทุกข์มาเกินสามปีแล้ว หลายปีมานี้ฉันกล้าออกมาจากจุดนั้น เพราะคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือฉันจะต้องแต่งงานใหม่เพื่อลูก”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของหล่อนก็เต็มไปด้วยน้ำตา พูดด้วยเสียงเจือสะอื้น “สิ่งที่หู่จือต้องทนทุกข์ทรมานตอนที่อยู่ในโรงเรียนอนุบาลวันนั้นก็เกิดขึ้นกับเสี่ยวฮวาเหมือนกัน เสี่ยวฮวามักถูกเพื่อนร่วมชั้นรังแก ล้อเลียนว่าหล่อนเป็นลูกไม่มีพ่อ ตัวฉันเองก็รู้สึกว่าหลังจากเสี่ยวฮวาเข้าโรงเรียนอนุบาล ฉันเริ่มมีความกล้าหาญน้อยลง และมีความนับถือตัวเองต่ำ ฉันแค่อยากหาพ่อเลี้ยงสักคนที่หล่อนสามารถฝากชีวิตไว้ได้ อย่างที่รู้ว่าฉันมีลูกสาวแค่คนเดียว ถ้าฉันต้องแต่งงานใหม่จริง ๆ ก็ต้องแต่งในขณะที่ลูกยังเล็กนี่แหละ ถ้าฉันเลือกแต่งงานใหม่ตอนเสี่ยวฮวาโตเป็นวัยรุ่น มันจะไม่เป็นผลดีต่อหล่อน ฉันกลัวเจอผัวไม่รักดี ถ้าเป็นแบบนั้นฉันขอปกป้องลูกสาวดีกว่า
พอลองคิดว่าสถานการณ์ในครอบครัวของเจียงอวี่เฟยค่อนข้างดี แน่ล่ะ ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องการเงินแค่อย่างเดียว สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออวี่เฟยเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เสี่ยวฮวาจะได้มีพี่สาว ถ้าหล่อนเป็นผู้ชาย บางทีฉันอาจต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ เสี่ยวหลิน เธอคงรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร”
หลินเซี่ยตกตะลึงหลังจากฟังคำพูดของหวังซิ่วฟาง เมื่อนึกถึงข่าวจริยธรรมเสื่อมโทรมอย่างที่เธอเคยเห็นในชาติก่อนซึ่งทำลายทัศนคติที่เธอมีระหว่างพ่อเลี้ยงและลูกเลี้ยงอย่างขาดสะบั้น ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจเจตนาดีของหวังซิ่วฟาง
เธอรู้สึกสงสารและเห็นใจแม่เลี้ยงเดี่ยวคนนี้ ในขณะเดียวกันก็ชื่นชมหล่อนมาก
ความเป็นแม่หมายถึงความเข้มแข็ง คำพูดนี้เป็นจริงอย่างแน่นอน
“พี่สาวหวัง คุณเป็นคนรอบคอบมาก”
หลินเซี่ยเข้าใจหล่อนแล้ว หวังซิ่วฟางจึงจับมือเธอแล้วพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยฉันหน่อยสิ ถามเจียงอวี่เฟยว่าพ่อของหล่อนจริงจังกับการแต่งงานใหม่จริงหรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะสานสัมพันธ์”
หวังซิ่วฟางไม่สนใจอายุที่แตกต่างระหว่างตัวเองกับรองผู้อำนวยการโรงงานเจียง ทั้งยังกระตือรือร้นในเรื่องนี้มาก หลินเซี่ยจึงเต็มใจที่จะช่วย “ค่ะ ไว้ฉันจะถามหล่อนทีหลัง”
“อย่าลืมเก็บความลับนี้ไว้ด้วย อย่าให้พี่สาวจางและคนอื่น ๆ รู้เด็ดขาด” หวังซิ่วฟางมองหลินเซี่ยอย่างเชื่องช้าและเขินอาย กำชับเตือนเธอเป็นมั่นเหมาะ
หลินเซี่ยตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เข้าใจแล้วค่ะ”
“ฉันขอตัวกลับบ้านก่อน ตอนนี้เสี่ยวฮวาอยู่ในบ้านคนเดียว”
เช้าวันอาทิตย์ ทันทีที่หลินเซี่ยมาถึงร้าน รถซานทาน่าสุดหรูคันนั้นก็ขับเข้ามาจอดเทียบ
หู่จือโบกมือให้เธออย่างมีความสุขขณะนั่งอยู่ในรถ
ทันทีที่รถจอดสนิท เซี่ยไห่ก็ก้าวลงจากรถ เขาทักทายหลินเซี่ยด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้า
“หลินเซี่ย อรุณสวัสดิ์”
หลินเซี่ยตอบกลับอย่างสุภาพและห่างเหิน “อรุณสวัสดิ์ค่ะเถ้าแก่เซี่ย”
เฉียนต้าเฉิงและหลินจินซานรีบมาทำงานแต่เช้าตรู่ พวกเขาออกมายืนอออยู่หน้าประตูเพื่อรอทักทายเซี่ยไห่
เซี่ยไห่ไม่รีบไปหาพวกเขา แต่เดินเข้าไปในร้านของหลินเซี่ย
บอกว่าเขาอยากสระผม
หลินเซี่ยเดินตามเข้าไป มองไปยังเซี่ยไห่ที่เข้ามาเยี่ยมชมบรรยากาศภายในร้านแล้วถามว่า “เถ้าแก่เซี่ย อยากตัดผมด้วยไหมคะ?”
เซี่ยไห่เช็ดผมตัวเองที่ติดกันเป็นแพเพราะสเปรย์ฉีดผม แล้วพูดว่า “ยังไม่ตัด แค่อยากสระผมหน่อย แล้วใช้สเปรย์ของร้านเธอเซ็ตผมใหม่”
เมื่อได้ยินว่าเขาไม่ต้องการตัดผม หลินเซี่ยก็หยิบไม้กวาดหลังประตูขึ้นมา ตั้งใจว่าจะกวาดพื้น “ฉันยังไม่ได้ทำความสะอาดร้าน แต่มุมนั้นมีอ่างน้ำร้อนพร้อมแล้วนะคะ คุณสระผมเองได้เลย ส่วนสเปรย์ฉีดผมวางอยู่บนตู้”
ผู้ชายคนนี้หาเรื่องใกล้ชิดเธออย่างชัดเจนเกินไป เขาเดินเข้ามาในร้านตัดผมแต่ไม่ตัดผมเนี่ยนะ?
เซี่ยไห่ทำหน้าแปลกใจ “ฉันต้องสระเองด้วยเหรอ?”
“ถ้าคุณไม่อยากสระเอง ก็มีร้านเสริมสวยอีกร้านอยู่ตรงหัวมุมถนนโน้นอีกร้านหนึ่ง มีสาว ๆ หลายคนที่พร้อมให้บริการสระและนวดได้ คุณจะลองไปที่นั่นก็ได้นะคะ” หลินเซี่ยชี้ไปทางร้านเสริมสวยอีกร้านซึ่งตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนอย่างจริงใจ
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอพบว่ามีผู้หญิงแต่งหน้าจัดคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในตรอกถนนโฮ่วช่างมาทำงานที่ร้านเสริมสวยซึ่งอยู่เยื้อง ๆ ฝั่งตรงข้ามกับร้านของเธอ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขอให้หวังซิ่วฟางสมหวังกับการแต่งงานใหม่ในครั้งนี้นะคะ ดูแล้วน่าจะเหมาะกับพ่อของอวี่เฟยที่สุดแล้ว
ไหหม่า(海馬)