ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 164 พรากจากกันเพื่อพบกันอีก
ตอนที่ 164 พรากจากกันเพื่อพบกันอีก
ตอนที่ 164 พรากจากกันเพื่อพบกันอีก
เจียงกั๋วเซิ่งพยักหน้า “ใช่ครับ”
เมื่อหวังซิ่วฟางได้ยินคำพูดของเจียงกั๋วเซิ่ง หล่อนก็จับผมตัวเองอย่างเขินอายแล้วพูดว่า “นั่งรออาหารก่อนสิคะ”
เจียงกั๋วเซิ่งลอบมองการแสดงออกของหวังซิ่วฟาง จากนั้นมองไปที่ลูกสาวของเขาที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอย่างจริงจัง
เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ “ไม่เป็นไรครับ ผมยืนรอสะดวกกว่า”
เจียงอวี่เฟยกินเหลียงผีในชามจนหมดภายในไม่กี่คำ จากนั้นก็หาทางหนีทีไล่
“พ่อ หนูอิ่มแล้ว ไหน ๆ พ่อมาแล้วก็สั่งเหลียงเฝิ่นใส่ชามกินที่นี่เลยก็ได้นี่คะ หนูไปก่อนนะ”
หล่อนหันไปบอกหู่จือว่า “หู่จือ ถ้าเธอกับเสี่ยวฮวากินข้าวเสร็จแล้วก็กลับบ้านไปด้วยกันเลยก็ได้นะ ฉันขอตัวก่อน ยังมีธุระที่ต้องกลับไปทำ”
หู่จือตอบกลับ “ผมยังไม่รีบกลับบ้านครับ อยากอยู่กับคุณยายและรอลุงเลิกงาน ผมยังต้องกลับไปส่งอาหารให้แม่ตอนเที่ยงด้วย”
“ได้ งั้นอย่าเตลิดไปที่ไหนนะ”
หลังจากที่เจียงอวี่เฟยพูดจบ หล่อนก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วราวมีลมหนุนใต้ฝ่าเท้า
เจียงกั๋วเซิ่งตัดสินใจนั่งลงบนม้านั่งตัวเล็กตามที่ลูกสาวแนะนำ
“รองผู้อำนวยการโรงงานเจียง ช่วงนี้งานของคุณยุ่งมากไหมคะ?” หวังซิ่วฟางหาเรื่องคุยกับเขา
ความสนใจของเจียงกั๋วเซิ่งดูเหมือนจะมุ่งไปที่เหลียงเฝิ่นในมือของหลิวกุ้ยอิงมากกว่าคนตรงหน้า “ไม่เท่าไหร่ครับ”
หวังซิ่วฟางพูดต่อ “คนที่มีตำแหน่งสูงในโรงงาน ต้องมีงานยุ่งมากกว่าพนักงานทั่วไปอยู่แล้ว ฉันเป็นแค่พนักงานธรรมดา บางวันก็ทำงานล่วงเวลาเป็นครั้งคราว แต่หลังนี้จะพยายามเลิกงานให้ตรงเวลา จะได้มีเวลาดูแลครอบครัวมากขึ้น”
เจียงกั๋วเซิ่งตอบกลับ “ดีแล้วล่ะครับ”
หลิวกุ้ยอิงหั่นเหลียงเฝิ่น เติมน้ำซุปลงในชามแล้วยกมาเสิร์ฟให้
เจียงกั๋วเซิ่งมองหน้าเธอ จากนั้นก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม
“แม่เซี่ยเซี่ย คุณยังจำผมได้ไหมครับ? เราเพิ่งเจอกันที่ร้านตัดผมครั้งที่แล้ว ไม่คิดว่าเหลียงเฝิ่นที่คุณทำจะอร่อยขนาดนี้ คุณเก่งจริง ๆ”
…
เจียงอวี่เฟยวิ่งกลับไปที่ร้านของหลินเซี่ย แต่เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยกำลังตัดผมให้ลูกค้าอยู่ก็ไม่กล้ารบกวนเธอ
จนกระทั่งหลินเซี่ยทำงานเสร็จและลูกค้าออกจากร้านไปแล้ว หล่อนก็ยกมือกอดอกและคร่ำครวญว่า “จบเห่แล้ว พ่อฉันบุกไปถึงแผงขายเหลียงเฝิ่นของแม่เธอ เขาเลยได้เจอกับพี่สาวหวังพอดี”
หลินเซี่ยมองหล่อนด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินแบบนั้น “พ่อเธอไปกินเหลียงเฝิ่นที่ร้านแม่ฉันเหรอ?”
รองผู้อำนวยการเจียงก็เริ่มเคลื่อนไหวเหมือนกันสินะ
เจียงอวี่เฟยพยักหน้า “ใช่ เมื่อกี้นี้ฉันกำลังนั่งอยู่หน้าแผงลอยกินข้าวกับพี่สาวหวัง เสี่ยวฮวา หู่จือ จากนั้นทุกอย่างก็เกิดขึ้นไวมาก ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไง ก็เลยรีบหนีกลับมา”
“ฉันขอกลับไปวิทยาลัยก่อนนะ ถ้าพี่สาวหวังถามก็อย่าบอกที่อยู่วิทยาลัยฉันให้เธอรู้เด็ดขาด ดูเหมือนฉันจะควบคุมเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว งั้นปล่อยให้พ่อจัดการเองแล้วกัน”
ขณะที่เจียงอวี่เฟยกำลังจะวิ่งหนีไป หล่อนก็เกือบจะชนเข้ากับใครบางคนที่เดินสวนเข้ามา
เซี่ยไห่มองไปที่เด็กสาวท่าทางลุกลี้ลุกลนตรงหน้า แล้วพูดว่า “สาวน้อย เดินระวังหน่อยสิ”
เจียงอวี่เฟยเงยหน้ามอง เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าแต่งตัวเนี๊ยบเหมือนเป็นเถ้าแก่ใหญ่ ก็รีบขอโทษขอโพย “ขอโทษค่ะพี่ใหญ่”
พูดจบหล่อนก็วิ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ยไห่เดินเข้ามาพร้อมถุงขนมและกระป๋องหลายอย่าง เมื่อเขาเห็นหลินเซี่ย เขาก็เปลี่ยนท่าทางกลับมาเป็นกระตือรือร้นเหมือนเดิม พลางพูดว่า “หลินเซี่ย ฉันซื้อของอร่อย ๆ มาฝากเธอกับหู่จือด้วยล่ะ”
หลินเซี่ยปวดหัวทันทีเมื่อเห็นเซี่ยไห่อีกครั้ง คิดจะตะโกนเรียกเจียงอวี่เฟยให้กลับมา แต่เจียงอวี่เฟยกลับวิ่งหนีไปไกลแล้ว
“ขอบคุณค่ะเถ้าแก่เซี่ย หู่จือแวะไปที่ร้านคุณยายของเขา ไว้เขากลับมาแล้วฉันจะบอกเขาให้”
“เจียเหอยังไม่กลับมาอีกเหรอ?” เซี่ยไห่ถาม
หลินเซี่ยส่ายหัว “ยังเลยค่ะ”
“ป่านนี้แล้วยังไม่กลับมาอีก” เซี่ยไห่เหลือบมองดูนาฬิกาแล้วพูดว่า “งั้นฉันขอกลับไปทำงานก่อน ว่างแล้วค่อยกลับมาอีกรอบ”
หลินจินซานไปที่ร้านของหลิวกุ้ยอิงเพื่อรับประทานอาหารกลางวันตอนเที่ยง จากนั้นก็พาหู่จือพร้อมกับเหลียงเฝิ่นกลับมาให้หลินเซี่ย
ช่วงบ่าย หลินเซี่ยมีลูกค้าไม่กี่คน ส่วนเซี่ยไห่กับเฉียนต้าเฉิงก็ว่างงานแล้วพอดี
หลินเซี่ยกลัวว่าเฉินเจียเหออาจจะกลับไปบ้านก่อนเมื่อเขากลับมา ดังนั้นเธอจึงวางแผนว่าจะปิดร้านก่อนกำหนดในวันนี้ เพื่อกลับไปรอต้อนรับเขา
ผลก็คือขณะที่เธอกำลังจะปิดประตูร้าน ลูกค้าอีกคนก็เดินเข้ามาพอดี หลินเซี่ยจึงต้องตัดผมให้เขา
หลังจากตัดผมเสร็จ ไดร์ผมให้แห้ง และรอเก็บเงิน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างร่าเริงของเซี่ยไห่ดังมาจากนอกร้านว่า “เหล่าเฉินกลับมาแล้ว”
หลินเซี่ยได้ยินเสียงเซี่ยไห่พูดแบบนั้น ก็หันมาพูดกับลูกค้าว่า “ไม่ต้องจ่ายเงินแล้วค่ะ ฉันตัดให้คุณฟรี”
หลังจากนั้นเธอก็วิ่งถลาออกไปจากร้านตัดผม
จริงดังคาด เธอเห็นชายร่างสูงสวมชุดนายช่างสีปูนซีเมนต์กำลังเดินตรงมาทางพวกเขา
ผมของเขายาวกว่าเดิม ใบหน้าซีดเซียวและซูบโทรม บ่งบอกถึงความสาหัสจากงานที่เพิ่งทำ
หลินเซี่ยวิ่งไปหาเขาโดยไม่สนใจสิ่งใด
เฉินเจียเหอเห็นหญิงสาววิ่งมาหา จึงอ้าแขนออกแล้วรวบตัวเธอไปกอดไว้
หลังจากอยู่ห่างกันเป็นเวลานาน หลินเซี่ยรีบวิ่งไปหาเขาด้วยความโหยหา ในขณะที่กำลังตื่นเต้น เธอก็กระโดดตัวลอยกอดเขาไว้เต็มรัก เกี่ยวขากอดไว้รอบเอวเขา
แขนขวาของเฉินเจียเหอสั่นเทา แทบอุ้มเธอไว้ไม่ทัน
หลินเซี่ยโอบแขนของเธอไว้รอบคอเขา มองดูใบหน้าที่เข้มและหล่อเหลาของเขาพลางถามว่า “ทำไมรอบนี้ถึงได้ไปหลายวันจังล่ะคะ?”
เฉินเจียเหอมองดูเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ตอบกลับเบา ๆ “คราวนี้สถานการณ์ซับซ้อนมากจริง ๆ”
เซี่ยไห่เห็นเฉินเจียเหอกอดกันกลมกับหลินเซี่ยแบบนั้น แถมทั้งสองยังกอดกันอย่างไม่สนสายตาประชาชีอยู่ริมถนน เขาก็ปิดตาและตะโกนว่า “ไอหยา แม้แต่ในที่สาธารณะก็ยังทำตัวเป็นจุดสนใจอีก พวกนายสองคนนี่เปิดกว้างมากกว่าคู่รักต่างชาติในเมืองเชินเฉิงซะอีก เลิกกอดกันได้แล้ว”
เมื่อถูกเซี่ยไห่ขัดจังหวะ หลินเซี่ยจึงรีบผละออกจากเฉินเจียเหอ หันไปอีกทางก็เห็นคนเดินถนนสองสามคนที่เดินผ่านมา รวมถึงเซี่ยไห่และเฉียนต้าเฉิงกำลังมองพวกเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ ขณะเดียวกันชายหนุ่มอีกคนที่เดินผ่านมาก็ผิวปากหวีดหวิว
หู่จือวิ่งออกมาจากร้านเช่นกัน อยากให้เฉินเจียเหอกอดเขาบ้าง
เฉินเจียเหอมองหญิงสาวที่มีสีหน้าเขินอาย คลี่ยิ้ม แล้วจับมือเธอไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างจูงมือหู่จือ จากนั้นครอบครัวทั้งสามก็เดินเข้าไปในร้านด้วยกัน
หลินเซี่ยรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะเงยหน้ามอง ดึงเฉินเจียเหอเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในประตู ก็ตั้งท่าจะปิดประตูร้านทันที แต่เซี่ยไห่กลับผลักประตูให้เปิดเข้ามาจากด้านนอก “กลางวันแสก ๆ แบบนี้จะรีบปิดร้านไปทำไมกัน? ฉันเองก็อยากคุยกับสหายน้องชายเหมือนกันนะ”
หลินเซี่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยมือ
เซี่ยไห่และหลินจินซานเดินตามเข้ามา
หลินเซี่ยมีชีวิตอยู่มาสองช่วงชีวิต เธอไม่คิดว่าการกอดสามีด้วยความคิดถึงหลังจากอยู่ห่างกันนาน ๆ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำแต่อย่างใด เธอรีบปรับอารมณ์ ลบความเขินอายทิ้ง และพาเฉินเจียเหอเข้ามาเยี่ยมชมรอบร้าน “ดูสิคะ ทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เหลือแค่รอคุณกลับมาแล้วฉันค่อยเปิดกิจการอย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้ทดลองเปิดมาหลายวันแล้ว”
“เป็นยังไงบ้าง? ไม่แย่ใช่ไหมคะ?” หลินเซี่ยมองไปที่เฉินเจียเหอ และรอคำชมจากเขาด้วยรอยยิ้ม
เฉินเจียเหอเดินไปดูรอบร้าน จากนั้นก็พยักหน้าด้วยความชื่นชม “ทุกอย่างเรียบร้อยดีมาก คุณเก่งจริง ๆ”
เซี่ยไห่โพล่งขึ้น “ร้านฉันเองก็ปรับปรุงเกือบเสร็จแล้วเหมือนกัน นายอยากแวะไปดูหน่อยไหม?”
เฉินเจียเหอนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า “ไว้ค่อยว่ากันวันหลัง”
“พ่อ พ่อกอดแต่แม่ ไม่ยอมกอดผมเลย” หู่จือบ่นอย่างไม่พอใจ
เซี่ยไห่ได้ทีก็พูดใส่ไฟ “พ่อเบื่อเธอแล้วน่ะสิ เขามีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว จะกอดลูกชายได้ยังไง? จากนี้ไปเธอน่าจะต้องเปลี่ยนพ่อแล้วล่ะ มาเป็นลูกชายฉันแต่โดยดีเถอะ คุณย่าคงดีใจมากแน่ถ้ารู้ว่าตัวเองมีหลานแล้ว ถ้าเธอย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเซี่ย จะกลายเป็นคนโปรดของครอบครัวทันที”
หู่จือมีอุดมการณ์ของตัวเองชัดเจน ไม่คล้อยตามคำหลอกเด็กเหล่านั้น “ผมไม่เอาด้วยหรอก ลุงไม่มีแฟนนี่ ถ้าผมเป็นลูกชายลุง คราวนี้ผมคงกลายเป็นเด็กกำพร้าแม่อีกรอบแน่”
เมื่อเฉินเจียเหอได้ยินคำที่หู่จือใช้เรียกหลินเซี่ย ดวงตาของเขาก็สั่นวูบไหว ก่อนจะถามว่า “ลูกเรียกน้าเซี่ยเซี่ยว่าอะไรนะ?”
หู่จือตอบอย่างเป็นธรรมชาติว่า “แม่ฮะ”
เฉินเจียเหอมองไปที่หลินเซี่ย ใบหน้าหล่อเหลาของเขาปรากฏรอยยิ้ม สายตาพร่างพราวราวมีดวงดาวอยู่นับพัน “นี่ผมพลาดอะไรไปเหรอ?”
หลินเซี่ยดึงหู่จือเข้ามากอดในอ้อมแขนพร้อมกับยิ้มหวาน “ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หู่จือจะเป็นลูกชายร่วมสายเลือดของฉันนับจากนี้ไป”
เซี่ยไห่พูดเสริมจากด้านข้าง “เขาเป็นลูกชายของฉันเหมือนกัน”
หลินเซี่ย “!!!”
หู่จือได้ยินหลินเซี่ยเรียกเขาว่าลูกชายอย่างเต็มปาก ก็ถอนหายใจด้วยความยินดี “ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลย”
ด้วยประโยคเดียว ดวงตาของเซี่ยไห่และเฉินเจียเหอก็ซับซ้อนขึ้น เฉินเจียเหออุ้มหู่จือเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน เมื่อเห็นเด็กชายมีความสุข สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความโล่งใจ
หลินเซี่ยดูแลเด็กคนนี้เป็นอย่างดี
ครั้งนี้หู่จือดูมีอารมณ์สดใสขึ้นกว่าเดิมมากตั้งแต่เขากลับมาหลังจากไปทำงานนอกสถานที่
เขารู้ดีว่าความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหลินเซี่ย
เขาและหู่จือได้เจอสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง
หลินเซี่ยมองไปที่เฉินเจียเหอ ถามด้วยความกังวลว่า “คุณหน้าซีดมากเลย การทำงานนอกสถานที่ครั้งนี้ยากลำบากมากเลยเหรอคะ?”
เฉินเจียเหอตอบด้วยเสียงแหบห้าว “ผมแค่เหนื่อยนิดหน่อย”
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินว่าเสียงของเขาแหบแค่ไหน เธอก็รีบไปรินน้ำหนึ่งแก้วแล้วยกมาให้เขาจิบ
“จริงสิ แม่คุณมาถึงไห่เฉิงแล้วใช่ไหม? คุณได้บัตรประจำตัวหรือยัง?” เฉินเจียเหอถาม
สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านมาคือเรื่องบัตรประจำตัวของหลินเซี่ย
หลินเซี่ยตอบ “ได้มาแล้วค่ะ แม่กับเสี่ยวเยี่ยนตั้งแผงขายเหลียงผีกับเหลียงเฝิ่นอยู่ตรงสี่แยกมาหลายวันแล้ว ธุรกิจค่อนข้างดี”
หลินจินซานที่ไม่สบโอกาสพูดคุยกับเฉินเจียเหอสักที เมื่อได้ยินเฉินเจียเหอถามเกี่ยวกับแม่และน้องสาวของเขา จึงรีบเข้ามาเสนอหน้าแนะนำตัวเอง “น้องเขย สวัสดี ผมชื่อหลินจินซาน เป็นพี่ชายของหลินเซี่ย”
หลินเซี่ยแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว นี่พี่ชายฉันเองค่ะ คนที่มีชื่อและนามสกุลเดียวกันกับพี่ชายที่ฉันพูดถึงเมื่อครั้งที่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นเขาเข้าจริง ๆ คุณคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า?”
เฉินเจียเหอเงยหน้าขึ้นมองหลินจินซาน แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้ามาก แต่ถึงอย่างไรผู้ชายตรงหน้าเขาก็คือพี่ชายของหลินเซี่ย เขาจึงฝืนยืนขึ้นและพูดอย่างสุภาพว่า “สวัสดีพี่ภรรยา ผมเฉินเจียเหอครับ”
หลินจินซานรู้สึกยินดีที่เฉินเจียเหอสุภาพมาก ทั้งยังเรียกเขาว่าพี่ภรรยา ตราบใดที่เขาได้รับความเคารพจากเฉินเจียเหอ ความสัมพันธ์ในฐานะที่เขาเป็นพี่ภรรยาของอีกฝ่ายน่าจะช่วยสนับสนุนหน้าที่การงานของเขาได้มากทีเดียว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทางฝั่งพ่ออวี่เฟยยังคงต้องลุ้นต่อไปค่ะว่าสุดท้ายแล้วจะเลือกใคร
เย้ พี่เหอกลับมาแล้ว สภาพยมเชียว พี่ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหมคะ
ไหหม่า(海馬)