ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 167 หลินเซี่ยหน้าเหมือนพี่สาวฉัน
ตอนที่ 167 หลินเซี่ยหน้าเหมือนพี่สาวฉัน
ตอนที่ 167 หลินเซี่ยหน้าเหมือนพี่สาวฉัน
ถังจวิ้นเฟิงเคยอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพี่ชายที่ลึกลับของเซี่ยไห่มาก่อน แต่ติดที่เซี่ยไห่ไม่ค่อยพูดถึงเขาเลย
เซี่ยไห่ตอบว่า “ใช่ ฉันมีพี่ชายคนเดียว”
เขาพูดแบบนี้ด้วยสีหน้าระมัดระวัง
ตอนแรกที่เขาได้ยินว่าหลินเซี่ยเป็นลูกสาวของเซี่ยหลาน เขาเกือบคิดว่าพี่ชายตัวเองไปแอบทำอะไรไม่ดีไม่งามกับเซี่ยหลานในตอนนั้นเสียอีก
แต่แล้วเขาก็ล้มเลิกความคิดดังกล่าวไปอย่างรวดเร็ว
พี่ชายคนโตของเขามุ่งมั่นแต่เรื่องเข้าร่วมกองทัพ เวลานั้นเซี่ยหลานเป็นเพียงเด็กสาววัยกระเตาะอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี ทั้งยังเรียนหนังสืออยู่ห้องเดียวกันกับพี่สาวของเขา ยุคนั้นความรักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง พฤติกรรมที่กล้าหาญที่สุดสำหรับหล่อนคือการขอให้พี่สาวเขาช่วยฝากจดหมายไปถึงพี่ชายคนโต แต่พี่ชายเขากลับไม่เคยเปิดอ่านด้วยซ้ำ
กลายเป็นเขา… ที่เปิดอ่านแทน
หลังจากที่พี่ชายของเขาเข้าร่วมกองทัพ เซี่ยหลานก็ตั้งใจว่าจะรอจนกว่าเขากลับมา และแล้วก็เกิดความกล้าหาญอยากเข้าร่วมกองทัพบ้าง ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากวุ่นวายตามมา
ถังจวิ้นเฟิงมองเขาอย่างคาดหวังและถามว่า “พี่ไห่ ตอนนี้พี่ใหญ่ของนายอาศัยอยู่ที่ไหน? เมื่อไหร่ฉันจะมีโอกาสได้เจอวีรบุรุษของชาติกันล่ะ?”
“เขาอยู่ที่ฮ่องกงกับแม่ มีพี่สาวของฉันเป็นคนคอยดูแลอีกที”
เซี่ยไห่หรี่ตาลงแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันจะพาเขามาที่นี่ได้ก็ต่อเมื่อฉันมีเงินมากพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้เขาได้”
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยไห่เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเขาต่อหน้าสหายพี่น้องของเขา
เฉินเจียเหอและถังจวิ้นเฟิงมองหน้าเขา ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะหาเงิน
“พวกเขาอยู่ฮ่องกงนี่เอง อยู่ไกลเกินไปแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันคงขอไปเยี่ยมเยียนเขาสักหน่อย” ถังจวิ้นเฟิงตบไหล่เซี่ยไห่และให้กำลังใจเขา “เหล่าเซี่ย รีบกอบโกยเงินให้ได้มาก ๆ เร็ว ๆ ถ้านายกลายเป็นคนรวยเมื่อไหร่ คราวนี้ฉันจะได้เจอวีรบุรุษของชาติซะที”
ได้ยินมาว่าเขาเคยลุยสนามรบจริงมาก่อน และยังเคยต่อสู้กับศัตรูด้วยดาบและปืนของจริง
“อีกไม่นานหรอก รอห้องเต้นรำที่นี่เปิดเมื่อไหร่ ประกอบกับผลกำไรจากเมืองเชินเฉิง คราวนี้การรับแม่และพี่ชายมาเลี้ยงดูก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับฉันแล้ว”
เซี่ยไห่มองไปที่เฉินเจียเหอ จากนั้นเปลี่ยนหัวข้อกลับมาที่หลินเซี่ย “จริงสิ กลับมาที่เรื่องเดิมกันดีกว่า เหล่าเฉิน แล้วตอนนี้พ่อแม่แท้ ๆ ของหลินเซี่ยไปอยู่ไหนซะล่ะ?”
เฉินเจียเหอตอบกลับ “พ่อหล่อนเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนแม่ก็ย้ายมาอยู่ที่ไห่เฉิง”
เซี่ยไห่ลูบคาง อดไม่ได้ที่จะคาดเดาอย่างดุเดือดต่อไป “เหล่าเฉิน ขอถามหน่อยได้ไหม หล่อนเป็นลูกสาวที่เกิดจากแม่ยายของนายจริง ๆ หรือเปล่า?”
ในเมื่อหลินเซี่ยไม่ได้เกิดจากท้องของเซี่ยหลาน ถ้าอย่างนั้นก็ตัดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพี่ชายของเขาออกบราวนี่ออนไลน์
ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังหน้าตาคล้ายกับพี่สาวของเขามาก จนเซี่ยไห่อดไม่ได้ที่จะถามล้วงลึก รู้สึกเสมอว่าหลินเซี่ยต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่สาวตัวเองไม่มากก็น้อย
เฉินเจียเหอรู้สึกประหลาดใจที่เซี่ยไห่ถามคำถามแบบนี้ เขาส่ายหน้า ปฏิเสธการคาดเดาของเซี่ยไห่ “เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก พวกเขาอาศัยเทคนิคทางการแพทย์ตรวจสอบความเป็นแม่ลูก ผลเลือดออกมาตรงก็เท่ากับว่ามีความเกี่ยวข้องกันจริง”
“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เซี่ยไห่ถามอีกครั้ง “ผลตรวจที่ว่านี้แม่นยำแค่ไหนกันเชียว? แล้วหลินเซี่ยหน้าเหมือนแม่หล่อนหรือเปล่า?”
ได้ยินเซี่ยไห่สอบถามข้อมูลส่วนตัวของหลินเซี่ยมากเกินไป เฉินเจียเหอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นายจะอยากรู้ไปทำไมนักหนา? ทำไมจู่ ๆ ก็เอาแต่ถามเรื่องของหล่อนมากขนาดนี้?”
ดวงตาของเซี่ยไห่กะพริบปริบ ลังเลที่จะตอบตามจริง “ฉันเห็นว่าประวัติเธอน่าสนใจ ก็เลยลองถามดู”
ถังจวิ้นเฟิงซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับการดูละครกำลังภายในถูกคำถามมากมายของเซี่ยไห่รบกวนจนไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับทีวี จึงมองไปยังเซี่ยไห่ที่นั่งอยู่ด้านข้าง หรี่ตาลงแล้วถามคาดคั้น
“เหล่าเซี่ย นายดูแปลกไปจริง ๆ ตั้งแต่ตอนที่นายเจอหลินเซี่ยครั้งแรกแล้ว นายก็เอาแต่จ้องมองหล่อนแทบไม่ละสายตา ตอนนี้ยังมาล้วงเอาข้อมูลส่วนตัวของหล่อนอีก นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เมื่อเฉินเจียเหอได้ยินคำพูดของถังจวิ้นเฟิง สายตาอันเฉียบคมของเขาก็มองไปทางเซี่ยไห่ทันที
เสียงของเขากดต่ำลง และเต็มไปด้วยความกดดัน “นายมองหล่อนแบบนั้นทำไม?”
เซี่ยไห่กระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดว่า “อย่าไปฟังเขาพูดจาไร้สาระ”
ถังจวิ้นเฟิงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ฉันพูดเรื่องไร้สาระตรงไหน? นายซื้อเพจเจอร์ให้เหล่าเฉินกับเหล่าฟางคนละเครื่อง แต่กลับมอบโทรศัพท์มือถือให้หลินเซี่ยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเจอหน้ามาก่อนด้วยซ้ำ นายอธิบายได้ไหมล่ะว่าการกระทำนั้นหมายความว่าอะไร? ฉันขอเตือนก่อนนะเหล่าเซี่ย ฉันเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไหนเลยจะอดทนต่อทรายที่สาดเข้าตาได้ นายไม่ควรดูหมิ่นหรือคิดเกินเลยกับภรรยาของสหายพี่น้องตัวเอง ไม่งั้นฉันกับเหล่าเฉินจะลากนายเข้าตะรางซะ”
เฉินเจียเหอที่กำลังเอนหลังพิงโซฟาเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บ เมื่อได้ยินว่าเซี่ยไห่ให้โทรศัพท์มือถือกับหลินเซี่ย เขาก็ผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที ดวงตาคมกริบราวนกอินทรีของเขาพุ่งตรงไปหาอีกฝ่าย ใบหน้าหล่อเหลามืดมนลง ตอนนี้สีหน้าแทบไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่พร้อมจะตะครุบคน
เซี่ยไห่รู้สึกหวาดกลัวกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเฉินเจียเหอ จึงวาดเท้าไปเตะถังจวิ้นเฟิงด้วยความโกรธ แต่ถังจวิ้นเฟิงหลบเลี่ยงทัน
เขาสาปแช่งด้วยใบหน้ามืดมน “ถังจวิ้นเฟิง นายมันบ้าไปแล้ว หลินเซี่ยไม่ยอมรับโทรศัพท์เครื่องนั้นด้วยซ้ำ นายจงใจทำให้เหล่าเฉินเข้าใจฉันผิดหรือไง? ตำรวจประสาอะไรหว่านความไม่ลงรอยกันในหมู่ประชาชนวะ!”
“ถ้าคิดว่าฉันจงใจทำให้เข้าใจผิด งั้นก็ช่วยอธิบายพฤติกรรมไร้สาระของนายให้กระจ่างด้วย”
ถังจวิ้นเฟิงดึงคอเสื้อของเขาให้ตรง ดูเหมือนกำลังสอบปากคำนักโทษ
เขายังไม่ทิ้งลายความเป็นตำรวจ จ้องมองเซี่ยไห่ด้วยสายตาเฉียบคมและกดดัน ทำให้เซี่ยไห่เห็นแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจริง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินเจียเหอ ที่ตอนนี้ยังทำหน้าดำคร่ำเครียดรอคำอธิบายจากเขา
เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาที่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของชายทั้งสอง เขาก็เริ่มสูญเสียความมั่นใจ
แน่นอนว่าเขาเป็นสหายพี่ชายของทุกคน แถมยังมีฐานะร่ำรวยที่สุดด้วย แต่สองคนนี้กลับไม่ไยดีต่อไมตรีที่ผ่านมาเลย แม้ว่าเขาจะให้ของขวัญราคาแพงมากมายแก่พวกเขา แต่อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะยอมอ่อนข้อให้ง่าย ๆ
เซี่ยไห่หลบสายตาของพวกเขาที่จ้องมองมา พูดกลบเกลื่อนด้วยความโกรธ
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ พวกนายไม่ไว้ใจฉันหรือไง? หนุ่มวัยดึกอย่างฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงประเภทไหนผ่านตามาบ้าง? ฉันไม่ใช่เหล่าเฉินนะ จะไปชอบพอหญิงสาวที่ยังเอ๊าะ ๆ แบบนั้นได้ยังไง? แถมเธอยังเป็นเมียเพื่อนด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายให้ชัดเจนเร็วเข้า” ถังจวิ้นเฟิงเร่งเร้า
เซี่ยไห่กระแอมอย่างลำบากใจ มองหน้าพวกเขาอย่างจริงจัง แล้วพูดว่า “คืออย่างนี้ ตอนที่ฉันเห็นหน้าหลินเซี่ยครั้งแรก ฉันรู้สึกว่าหล่อนหน้าเหมือนพี่สาวสมัยที่ยังวัยรุ่นไม่มีผิดเพี้ยน”
ถังจวิ้นเฟิงเลิกคิ้วเมื่อได้ยินแบบนั้น “พี่สาว? ดาราดังฮ่องกงที่จำนายไม่ได้คนนั้นน่ะเหรอ?”
“ทำไมหล่อนจะจำฉันไม่ได้? นั่นเป็นเรื่องในอดีต เดี๋ยวนี้หล่อนเป็นฝ่ายริเริ่มโทรกลับมาหาฉันแล้ว” พอเซี่ยไห่พูดถึงเซี่ยอวี่พี่สาวของเขา สีหน้าภาคภูมิใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเขาโดยไม่รู้ตัว
“พี่สาวฉันเป็นดาราดัง หล่อนเข้าวงการได้เพราะเริ่มประกวดนางงามที่ฮ่องกง”
“นายกำลังจะบอกว่า หลินเซี่ยหน้าเหมือนพี่สาวของนายสมัยที่หล่อนยังเป็นวัยรุ่น?” เฉินเจียเหอมองเขาและถามเพื่อยืนยัน
เซี่ยไห่พยักหน้า “ใช่แล้ว นายคงไม่เคยเห็นว่าพี่สาวฉันหน้าตาเป็นยังไงล่ะสิ ตอนที่หล่อนอายุได้ยี่สิบปี ตอนนั้นยังไม่ได้ไปฮ่องกง ไม่เคยใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าหรือจัดแต่งทรงผมโก้หรูใด ๆ หล่อนเป็นคนหน้าสวยโดยธรรมชาติ แล้วหน้าสดของก็มีความคล้ายคลึงกับหลินเซี่ยอย่างน้อยหกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เชียวล่ะ”
ถังจวิ้นเฟิงตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อคำพูดของเซี่ยไห่ พูดแทรกขึ้นมาว่า “หน้าเหมือนหกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เชียวเหรอ? นายเปรียบเทียบเกินจริงไปหน่อยหรือเปล่า? พวกหล่อนไม่ใช่แม่ลูกกันซะหน่อย แล้วจะดูคล้ายกันขนาดนั้นได้ยังไง?”
“พวกหล่อนหน้าเหมือนกันมากจริง ๆ” เซี่ยไห่ยืนยัน “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงได้ตกใจมากเมื่อเห็นหลินเซี่ยเป็นครั้งแรกในวันนั้น เพราะฉันไม่เชื่อว่าคนแปลกหน้าสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลยจะมีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายคลึงกันมากแบบนี้ ฉันก็เลยเสียมารยาทมองหน้าหล่อนเยอะไปหน่อย หล่อนเลยพยายามรักษาระยะห่าง พูดคุยกับฉันแค่คำสองคำเท่านั้น”
หลังจากที่เซี่ยไห่พูดจบ เขาก็มองไปที่ถังจวิ้นเฟิงและกัดฟันพูด “ว่าแต่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างนายเถอะ คิดจะยัดข้อหาสกปรกให้ฉันลูกเดียวเลยรึไง?”
ถังจวิ้นเฟิงแตะจมูก พูดพึมพำกับตัวเอง “หรือว่าฉันจะเป็นโรคเรื้อรังจากการทำงานหนักกันนะ?”
เซี่ยไห่ถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิด มองเฉินเจียเหอแล้วพูดว่า “พอนายบอกว่าหลินเซี่ยกับแม่ของหล่อนมีสายเลือดตรงกันจากเทคนิคการพิสูจน์ตัวตนทางการแพทย์ บางทีมันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้ เพราะหล่อนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่สาวของฉันจริง ๆ ฉันคงคิดมากไปเอง”
แม่ของเขายังพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่าพี่สาวของเขาไม่เคยแต่งงาน ทั้งยังโด่งดังตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะแอบมีลูกแล้วซุกซ่อนไว้
ตอนนี้เฉินเจียเหอกำลังคิดใคร่ครวญตามอย่างจริงจัง ถือเป็นเรื่องยากที่เซี่ยไห่จะยอมปริปากพูดคุยกับพวกเขาอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวตัวเองในวันนี้
เขาเปิดเผยข้อมูลมากพอสมควร จนเฉินเจียเหอรู้สึกมึนงงอยู่พักหนึ่ง
แต่เขามักจะรู้สึกราวกับว่าข้อมูลบางอย่างขาดหายไป
เซี่ยหลานชอบพี่ชายคนโตของเซี่ยไห่ หลินเซี่ยหน้าเหมือนพี่สาวของเซี่ยไห่
เซี่ยอวี่พี่สาวของเซี่ยไห่เติบโตขึ้นที่ไห่เฉิง แล้วก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเซี่ยหลาน
ถ้าอิงตามที่เซี่ยไห่บอกเล่า เซี่ยตงและคนอื่น ๆ ต้องรู้จักเซี่ยอวี่แน่
เฉินเจียเหอโดยบังเอิญได้ยินเซี่ยตงพูดก่อนหน้านี้ว่าเสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยหลานต่างก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาก่อนเช่นเดียวกัน ดังนั้นเสิ่นเถี่ยจวินก็น่าจะรู้จักเซี่ยอวี่
เซี่ยไห่สามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่าหลินเซี่ยหน้าเหมือนเซี่ยอวี่ หมายความว่าคนอื่น ๆ ที่รู้จักเซี่ยอวี่ก็อาจคิดแบบนั้นได้เหมือนกัน
เป็นเพราะลูกสาวตัวเองหน้าเหมือนคู่แข่งทางความรักนี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่เสิ่นเถี่ยจวินจะไม่เคยชอบหน้าหลินเซี่ยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร บางทีก่อนที่ภูมิหลังแท้จริงของหลินเซี่ยจะถูกเปิดเผย เสิ่นเถี่ยจวินอาจเคยสงสัยในความบริสุทธิ์ใจของเซี่ยหลานที่มีต่อเขาก็ได้
เฉินเจียเหอหรี่ตาลง ยิ่งเขาคิดถึงมันมากเท่าใด เขาก็ยิ่งสับสนมากขึ้นเท่านั้น เพราะพื้นเพเดิมที่แท้จริงของหลินเซี่ยนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนในไห่เฉิงเลยสักนิด
ไหนจะเรื่องที่เธอหน้าตาเหมือนเซี่ยอวี่ ก็ถือเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความสัมพันธ์นี้ช่างซับซ้อนเหลือเกิน สรุปหลินเซี่ยเป็นแม่ลูกกันจริงไหมหนอ หรือว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของหลินเซี่ยคือพี่ชายใหญ่ของเซี่ยไห่กับหลิวกุ้ยอิงกันแน่?
ไหหม่า(海馬)
—————————————–