ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 176 จดทะเบียน
ตอนที่ 176 จดทะเบียน
ตอนที่ 176 จดทะเบียน
เขามองไปที่หลินเซี่ยและพูดอย่างจริงใจ
“หลินเซี่ย เธอพูดถูกแล้ว เหล่าเฉินสมควรได้รับความไว้วางใจจากเธอจริง ๆ วันข้างหน้าพวกเธอสองคนต้องทำดีต่อกันให้มาก”
“ขอบคุณค่ะเถ้าแก่เซี่ย เราจะรักใคร่กลมเกลียวกัน และใช้ชีวิตหลังแต่งงานให้ดี”
ในขณะนี้หลินเซี่ยได้มองเห็นถึงสายตาจริงใจของเซี่ยไห่ จึงตระหนักว่าที่ผ่านมาตัวเองเข้าใจเขาผิดไป!
บางทีผู้ชายคนนี้อาจจะแค่เป็นคนอารมณ์ขันและช่างเจรจา ที่จริงตัวตนของเขาน่าจะไม่มีพิษมีภัยอะไร
คนประเภทเดียวกันมักคบหาสมาคมกัน เขาเป็นเพื่อนสนิทกับเฉินเจียเหอ ฉะนั้นจะกลายเป็นคนนิสัยแย่ไปได้ยังไง?
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เธอก็เริ่มมองเถ้าแก่เจ้าเล่ห์คนนี้ในทิศทางที่ดีขึ้น
ทันใดนั้นเซี่ยไห่ก็พูดอย่างจริงจัง “อีกหน่อยถ้าพวกเธอมีลูกเป็นของตัวเอง จะเปลี่ยนใจส่งหู่จือมาเป็นลูกฉันแทนก็ได้นะ เผื่อจะแบ่งเบาภาระได้บ้าง”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยก็มองหน้ากัน
หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจอันยิ่งใหญ่นะคะ แต่ถ้าคุณอยากได้ลูกชายของฉัน บอกเลยว่าไม่มีทาง”
เมื่อเซี่ยไห่เอ่ยปากว่าจะขอหู่จือไปเลี้ยงเอง ทั้งเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยต่างก็ไม่เห็นด้วย
เซี่ยไห่ทำได้เพียงปิดปากเงียบ และขับรถต่อไปอย่างสงบปากสงบคำ
ระหว่างทาง เฉินเจียเหอขอให้เซี่ยไห่วนรถไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อลูกอมรสผลไม้จำนวนสองชั่ง นอกจากนี้เขายังขอให้พนักงานขายช่วยเลือกลูกอมที่ห่อกระดาษสีแดงด้วย
สีแดงหมายถึงงานรื่นเริงและเป็นมงคล
เขาไม่เคยใส่ใจรายละเอียดยิบย่อยพวกนี้มาก่อน แต่เมื่อประสบพบเจอกับตัวเอง เฉินเจียเหอก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มสนใจมัน
รถขับมาจอดที่หน้าประตูร้านตัดผม หลิวกุ้ยอิง หลินจินซาน และเฉียนต้าเฉิงมารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว
“มาแล้ว มาแล้ว”
เมื่อเห็นรถที่เคลื่อนเข้ามาจอด ทุกคนก็กระตือรือร้นและมารวมตัวกันทันที
เฉินเจียเหอเปิดประตูรถ เมื่อทั้งสองก้าวลงจากรถ หลิวกุ้ยอิงก็รีบถามว่า “ไปจดทะเบียนกันมาหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วครับแม่”
เฉินเจียเหอหยิบสมุดเล่มทะเบียนออกมาทันที แสดงให้ทุกคนเห็น
“พี่เฉิน พี่สะใภ้ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”
“เยี่ยมเลย น้องสาวของฉันแต่งงานแล้ว” หลินจินซานตะโกนอย่างตื่นเต้น
เฉินเจียเหอหยิบถุงลูกอมแต่งงานใบใหญ่ออกมาจากรถ แล้วเปิดถุงให้ทุกคนหยิบกันคนละชิ้นสองชิ้น
“มา มารับลูกอมแต่งงานกันก่อน”
หลินเซี่ยขอตัวไปเปิดร้าน เซี่ยไห่ออกคำสั่ง ไม่นานนักเฉียนต้าเฉิงก็นำกระถางต้นไม้สีเขียวที่มีลักษณะสวยงามเป็นพิเศษสองกระถางมาวางไว้ที่ประตูร้าน
“ฉันหาซื้อกระเช้าดอกไม้ไม่ได้ เลยให้ต้นไม้สีเขียวสองกระถางเพื่อแสดงความยินดีแทน ตกบ่ายอย่าลืมย้ายมันไปอยู่ในที่ร่มด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะโดนแดดจนเฉาตาย”
หลินเซี่ยรีบขอบคุณ “ขอบคุณค่ะเถ้าแก่เซี่ย”
ชุนฟางมาทำงานตามนัด เมื่อเห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่หน้าร้าน ทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสดใส โดยเฉพาะผู้ชายสองสามคนที่แต่งตัวดูดีมีสไตล์และหล่อเหลามาก ทั้งยังมีรถซานทาน่าคันหรูจอดอยู่ข้างถนน หล่อนก็ได้แต่ยืนมองเก้ ๆ กัง ๆ ไม่กล้าเข้าไป
หลินเซี่ยเห็นชุนฟางแล้วก็รีบโบกมือให้
“ชุนฟาง เข้ามาเร็วเข้า”
เมื่อชุนฟางเห็นหลินเซี่ย หล่อนก็ผ่อนคลายความประหม่าลงและวิ่งก้มหน้าไปหา
“ฉันขอแนะนำพวกคุณให้รู้จักกันก่อน นี่ชุนฟาง พนักงานใหม่ของร้านเรา ทั้งยังเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานของฉันด้วยค่ะ”
จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เฉินเจียเหอและแนะนำชุนฟางว่า “นี่สามีฉันเอง”
“สวัสดีค่ะ”
หลินเซี่ยแนะนำคนอื่น ๆ อย่างคร่าว ๆ แล้วก็พาชุนฟางเข้ามารอด้านใน บอกกล่าวว่าพิธีเปิดร้านจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง
รถคันใหญ่อีกคันขับผ่านหน้าร้านมา
จากนั้นก็จอดตรงที่โล่งฝั่งตรงข้าม
หลังจากนั้น ผู้เฒ่าเฉินและคุณย่าเฉินก็ก้าวลงจากรถ
คนที่มาพร้อมกับพวกเขาก็คือโจวลี่หรงและเฉินเจียซิ่ง
เมื่อเฉินเจียเหอเห็นคนในครอบครัวมาเยือนถึงที่ เขาก็ดึงหลินเซี่ยให้ออกไปทักทายพวกเขา
หลินเซี่ยยืนอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นเฉินเจียซิ่งเดินตามผู้เฒ่าเฉินมา ก็มองเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ
เขามาทำอะไรที่นี่?
สร้างปัญหาเหรอ?
เธอมองเข้าไปในรถที่อยู่ด้านหลังพวกเขา
ไม่มีคนอื่นแล้ว
น้องชายคนที่สามผู้ลึกลับไม่ยอมมาอีกแล้วเหรอ?
หลินเซี่ยรู้สึกผิดหวังในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดูเหมือนประโยคที่ว่าคนที่คิดถึงไม่มา แต่คนที่ไม่คาดหวังกลับมาจะเป็นความจริง
“คุณปู่ คุณย่า ป้าโจว” หลินเซี่ยทักทายพวกเขาด้วยเสียงอ่อนหวาน
เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ เธอมองไปที่เฉินเจียซิ่งด้วยท่าทางกระตือรือร้น “น้องสามีก็มาด้วยเหรอ?”
เฉินเจียซิ่งถูกเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าหลายปีเรียกตัวเองว่าน้องสามี แถมอีกฝ่ายยังเป็นคนที่เคยเรียกเขาว่าน้าเขยในอดีต ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดราวกับเขากินสิ่งปฏิกูลเข้าไป เกือบจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่
เขารู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายผลก็ต้องออกมาเป็นแบบนี้
ต้องบอกว่าการคัดค้านของเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว
สิ่งนี้ค่อนข้างสั่นคลอนความมั่นใจเขาไม่น้อย
เฉินเจียซิ่งได้แต่พ่นลมหายใจเป็นการตอบรับ ก่อนจะปลีกตัวแยกออกไปอีกทาง
ผู้เฒ่าเฉินอธิบายให้เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยฟัง
“พ่อของเธอต้องไปทำงาน ปลีกตัวออกมาแสดงความยินดีไม่ได้ เจียวั่งก็มีเรียนคลาสสำคัญ เราทุกคนก็เลยมากันยกบ้านเพื่อให้กำลังใจเธอ”
“ขอบคุณคุณปู่คุณย่ามากนะคะ ขอบคุณป้าโจวด้วยค่ะ”
หลินเซี่ยเอาแต่เรียกอีกฝ่ายว่าป้าโจว ทำให้โจวลี่หรงฟังแล้วรู้สึกอึดอัดใจมาก
“ทุกคนเชิญเข้ามาข้างในกันก่อนค่ะ”
“ได้ทะเบียนสมรสมาหรือยังล่ะ?” ผู้เฒ่าเฉินถามเฉินเจียเหอ
เฉินเจียเหอตอบกลับ “ได้แล้วครับ”
“อย่างนั้นก็ดี วันนี้ถือเป็นวันมงคลถึงสองเท่า”
ทุกคนเข้าไปในร้านตัดผมเพื่อเยี่ยมชมบรรยากาศภายใน หลิวกุ้ยอิงรีบออกไปต้อนรับพวกเขา
โจวลี่หรงดูกระดากอายเล็กน้อยเมื่อเห็นหลิวกุ้ยอิง
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หล่อนก็ถามไถ่อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “แม่เซี่ยเซี่ย มาถึงไห่เฉิงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หลิวกุ้ยอิงตอบ “มาได้หลายวันแล้วค่ะ”
เนื่องจากตอนอยู่ในชนบทอีกฝ่ายเคยก่อเรื่องหน้าไม่อายเอาไว้มาก หลิวกุ้ยอิงจึงห่างเหินกับโจวลี่หรงเป็นพิเศษ ไม่ได้พูดคุยกับหล่อนมากนัก
หลังจากทักทายกันแล้ว หลิวกุ้ยอิงก็ยุ่งอยู่กับการลากเก้าอี้ออกมาตามจำนวนคน “ทุกคนเชิญนั่งก่อนค่ะ”
หลิวกุ้ยอิงผู้เฒ่าเฉินเคยเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาจึงพูดคุยถามไถ่กันสองสามประโยค
หลินเซี่ยดึงหลินจินซานและหลินเยี่ยนเข้ามา แล้วแนะนำพวกเขาว่า “คุณปู่คุณย่าคะ นี่คือพี่ชายและน้องสาวของฉันเองค่ะ”
“คุณปู่เฉิน คุณย่าเฉิน สวัสดีครับ/ค่ะ”
หลินจินซานเคยไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเชินเฉิงมาก่อน นับว่าได้เห็นโลกมาพอสมควร เมื่อเผชิญหน้ากับคนตระกูลเฉิน เขาก็ยิ้มแย้มอย่างรู้งาน ทั้งยังเข้าสังคมได้ดีมาก
ครั้งแรกที่เขาเห็นโจวลี่หรง หลินจินซานรู้สึกว่าหล่อนช่างดูคุ้นหน้าคุ้นตา
ประกอบกับชื่อที่หลินเซี่ยเรียกหล่อน ในที่สุดเขาก็จำได้ว่าหล่อนคือนักศึกษาคนแรกของหมู่บ้านพวกเขาที่ได้ออกไปสู่โลกแห่งความเจริญภายนอก
แม้ว่าเขาจะไม่คุ้นเคยกับโจวลี่หรงเท่าไหร่นัก แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านมักจะสนับสนุนให้ลูกหลานของพวกเขาตั้งใจเรียนอย่างหนัก และหยิบยกโจวลี่หรงมาเป็นแบบอย่างเสมอ
ไม่คาดคิดเลยว่านักศึกษาคนแรกของหมู่บ้าน จะกลายมาเป็นแม่สามีของน้องสาวเขา
หลินจินซานมองไปที่โจวลี่หรง ก่อนจะทักทายด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับป้าโจว พวกเรามาจากหมู่บ้านเดียวกัน”
โจวลี่หรงมองเขาด้วยรอยยิ้มสุภาพบนใบหน้า พลางตอบกลับว่า “สวัสดีจ้ะ พี่ชายเซี่ยเซี่ย”
เมื่อก่อน เหตุผลหลัก ๆ ที่โจวลี่หรงพยายามต่อต้านหลินเซี่ยไม่ให้แต่งงานกับเฉินเจียเหอ นั่นเป็นเพราะกลัวว่าญาติ ๆ ที่ยากจนของตระกูลหลินจะมาสูบเลือดสูบเนื้อลูกชายตัวเอง
หล่อนเคยได้ยินเกี่ยวกับวีรกรรมเส็งเคร็งของหลินเอ้อร์ฝูและแม่เฒ่าหลินมามาก แต่ไม่ค่อยรู้อะไรเลยเกี่ยวกับครอบครัวของหลินต้าฝู
ในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าหลินจินซานค่อนข้างมีความสามารถ ทัศนคติของโจวลี่หรงจึงเป็นไปในทางบวก
ได้ยินมาว่าหลินจินซานทำงานร่วมกับเซี่ยไห่ นั่นแปลว่าเขามีแรงจูงใจที่จะหาเงินด้วยตัวเอง
คงไม่ตามมาเกาะน้องสาวตัวเองแน่
ขณะที่เฉินเจียเหอกำลังต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อ เขาก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเฉินเจียซิ่ง
หลังจากที่สองพี่น้องทะเลาะกันแบบจบไม่สวยเมื่อครั้งก่อน เขาก็ต้องไปทำงานนอกสถานที่ ไม่ได้เจอหน้าเฉินเจียซิ่งอีกเลย
เฉินเจียเหอเดินไปหาเฉินเจียซิ่ง จากนั้นก็แนะนำอีกฝ่ายให้หลินจินซานและคนอื่น ๆ “นี่คือน้องชายคนรองของผมเองครับ เฉินเจียซิ่ง”
เฉินเจียซิ่งพยักหน้าเบา ๆ ให้หลิวกุ้ยอิงตามมารยาท
หลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนรู้วีรกรรมเก่า ๆ ของเฉินเจียซิ่งและภรรยาของเขาดี แน่นอนว่าพวกหล่อนรู้ว่าอีกฝ่ายชอบรังแกหลินเซี่ยอยู่เนือง ๆ
ดังนั้นพวกหล่อนจึงรักษาระยะห่างกับเฉินเจียซิ่งด้วยเช่นกัน
หลิวกุ้ยอิงเพียงตอบรับในลำคอ ไม่ได้พูดอะไรกับเฉินเจียซิ่งมากมาย
หลินจินซานไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เมื่อเขาได้ยินว่าผู้ชายที่อายุพอ ๆ กันกับเขาคือน้องชายของเฉินเจียเหอ เขาก็เข้ามาและยื่นมือออกไปทำความรู้จักอย่างเป็นกันเอง “สวัสดี ฉันพี่ภรรยาของเฉินเจียเหอ นายจะเรียกฉันว่าพี่ชายก็ได้นะ”
เฉินเจียซิ่งซึ่งถูกชายชราบังคับให้ออกจากบ้าน อยู่ ๆ เมื่อถูกชายแปลกหน้ามาบอกให้ตัวเองเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ชาย ใบหน้าของเขาก็มืดมน ไว้ตัวอย่างหยิ่งผยอง
เขาแทบไม่ชายตามองหลินจินซานด้วยซ้ำ
มือที่ยื่นออกมาของหลินจินซานเหมือนถูกแช่แข็งไว้ตรงนั้น น่าอับอายอย่างยิ่ง
เขายกมือขึ้นแตะจมูกแก้เขิน แล้วพูดเสียงดังเพื่อปกปิดแก้เก้อ “นี่กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย? ผมขอตัวไปเตรียมประทัดก่อน”
เฉินเจียซิ่งถามเฉินเจียเหออย่างเสียไม่ได้ “พี่ใหญ่ ได้ยินมาว่าพี่บาดเจ็บเหรอ? เป็นอะไรมากไหมล่ะ?”
เฉินเจียเหอตอบกลับ “ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรหรอก”
พิธีตัดริบบิ้นยังไม่เริ่ม หลินจินซานและเฉียนต้าเฉิงก็ลากประทัดขนาดใหญ่สองมัดที่พันเป็นวงออกมา แล้ววางไว้บนถนนหน้าประตูร้าน
เซี่ยไห่ย้ายรถคันงามไปจอดที่อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย
พี่สาวจางและคนอื่น ๆ ก็รีบตามมาสมทบทันทีหลังเสร็จงานบ้านเพื่อสนับสนุนเธอ
เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยได้รับความนิยมจากผู้คนแถวนี้มากแค่ไหน ผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลเฉินก็มีสีหน้ายิ้มแย้มยินดีเป็นอย่างยิ่ง
แม้ผู้หญิงคนนี้จะยังเด็ก แต่เธอกลับเป็นมิตรและเข้าสังคมได้อย่างไม่เคอะเขิน เป็นมืออาชีพมากกว่าลูกสะใภ้อย่างโจวลี่หรงเสียอีก
ประตูหน้าร้านเริ่มเนืองแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมาก บรรดาเพื่อนบ้านริมถนนก็มาร่วมสนุกด้วยเช่นกัน
“หืม? ทำไมวันนี้บรรยากาศคึกคักดีจัง?”
ทันใดนั้น หญิงสาวหน้าตาทันสมัยในเสื้อโค้ตสีแดงก็เดินเข้ามามุงดู หล่อนยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูง เมื่อมองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลเฉินและโจวลี่หรง น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คุณปู่เฉิน คุณย่าเฉิน ป้าโจว ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้คะ?”
สมาชิกตระกูลเฉินก็ประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นถังหลิง
ความจริง การแสดงออกของพวกเขาค่อนข้างระมัดระวังและห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด
หลินเซี่ยซึ่งกำลังต้อนรับแขกเห็นการมาของถังหลิงเช่นเดียวกัน
เธอมองไปที่หญิงสาวผู้แต่งตัวพิถีพิถันเป็นพิเศษ ก่อนจะมองผ่านไปที่ร้านฝั่งตรงข้าม ทันใดนั้นก็พอเชื่อมโยงอะไรบางอย่างได้ทันที
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอาแล้ว รู้สึกถึงประกายไฟแปลกๆ ระหว่างเซี่ยเซี่ยกับถังหลิงเลย
ไหหม่า(海馬)