ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 180 ลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือด
ตอนที่ 180 ลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือด
ตอนที่ 180 ลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือด
เฉินเจียซิ่งปฏิเสธอย่างไรก็ไร้ผล จึงจำต้องเดินตามเข้าไปในร้านเสริมสวย
ทันทีที่เฉินเจียเหอและหลินจินซานมาถึงร้านเสริมสวย เซี่ยไห่ก็เรียกพวกเขาไป
เซี่ยไห่กล่าวว่าอุปกรณ์ในห้องเต้นรำมาส่งแล้ว จึงต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาในการติดตั้ง
“ผมไปก่อนนะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกผม” เฉินเจียเหอมองหลินเซี่ยพร้อมเอ่ยย้ำเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตาล้ำลึกของเขาดูเหมือนจะมองไปทางเฉินเจียซิ่ง
“วางใจเถอะ”
ด้วยเพราะหลินเซี่ยไม่อยู่ ลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาจึงออกไปอีกครั้ง
ชุนฟางจึงร้อนใจ
เมื่อเห็นหลินเซี่ยกลับมา หล่อนจึงรีบทักทาย
“เซี่ยเซี่ย เธอกลับมาแล้ว เมื่อครู่มีพี่สาวสองคนบอกว่าต้องการดัดผม แต่เธอไม่อยู่ พวกหล่อนจึงออกไปแล้ว”
หลินเซี่ยกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกสักพักก็คงกลับมาใหม่”
“เธอกินข้าวก่อนเถอะ” หลินเซี่ยยกอาหารใส่กล่องให้ชุนฟาง “ยังร้อน ๆ อยู่”
ชุนฟางเอ่ยว่า “ฉันกินแล้ว พี่เฉียนที่อยู่ร้านข้าง ๆ เอาข้าวสวยมาให้ส่วนหนึ่ง”
หลินเซี่ยได้ยินดังนั้นจึงนำอาหารไปเก็บ ก่อนเปิดปากเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นก็สระผมให้คุณย่าฉันก่อนเถอะ”
“สระให้ผมก่อน หลังจากตัดผมเสร็จแล้วผมยังมีเรื่องต้องไปจัดการ” เฉินเจียซิ่งกล่าวบอกกับคุณย่าเฉินและโจวลี่หรง “คุณย่าครับ แม่ครับ พวกคุณมีเวลา ช่วยรอสักหน่อย ผมเองยังมีเรื่องให้ต้องไปจัดการหลังจากตัดผมแล้ว”
คุณย่าเฉินพยักหน้ารับ “ได้ ถ้าอย่างนั้นสระให้เจียซิ่งก่อน”
ชุนฟางจึงสระผมให้เฉินเจียซิ่ง หลังจากสระผมแล้ว เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัดผม
ทันทีที่เฉินเจียซิ่งนั่งลง เขาก็เห็นผ่านกระจกว่าหลินเซี่ยหยิบกรรไกรขึ้นมาด้วยสีหน้ามืดครึ้มน่าขนลุก ทำเอาเขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือด
ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้เชือด
ในขณะนี้ จิตใจของเขาพลันนึกถึงความบาดหมางครั้งก่อนกับหลินเซี่ยขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ตอนที่อยู่ที่บ้านเกิด ผู้หญิงคนนี้ราดปัสสาวะใส่เสิ่นเสี่ยวเหมย เธอย่อมไม่ใช่คนที่จะรับมือได้โดยง่าย
เขาสมองกลับไปแล้วจริง ๆ ที่ฟังคำคุณปู่คุณย่า
“จะไว้ผมทรงนี้ต่อไปหรือเปล่า?” หลินเซี่ยเอ่ยถามชายหนุ่มที่ตกอยู่ในภวังค์
เฉินเจียเหอกลับมามีสติอีกครั้งและเอ่ยตอบ “ครับ คุณอย่าตัดออกมากเกินไปนะ แค่เล็ม ๆ ออกให้สั้นลงก็พอ”
ทั้งคุณย่าและแม่ของเขากำลังเฝ้าดูอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถกลับคำและวิ่งหนีไปได้
การให้เธอตัดให้สั้นลงนั้นคือการพยายามลดความเสียหายให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
เขาปลอบใจตัวเองว่ายัยตัวแสบนี่คงไม่มาใช้วิธีสกปรกอย่างโจ้งแจ้งต่อหน้าคุณย่าและแม่ของเขาหรอก
เขาคิดไว้ดีแล้วว่าหากเธอทำมิดีมิร้ายเขา เขาจะไปยืนอยู่หน้าร้านเพื่อเพื่อก่อเรื่องวุ่นวายให้ลูกค้าหวาดกลัว
หลินเซี่ยหยิบกรรไกรขึ้นมา ทว่าจริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ยินดีที่จะใช้ความตั้งใจในการออกแบบทรงผมให้คนคนนี้เสียเท่าใด
ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บกับเธออีก
หากไม่ใช่เพราะที่เจตนาอันดีของคุณย่าที่อยากจะสนับสนุนกิจการของเธอ เธอก็ไม่เต็มใจจะตัดผมให้เขาเลยจริง ๆ
แต่การที่คนอวดดีอย่างเฉินเจียซิ่งเต็มใจให้เธอตัดผมของเขา แสดงให้เห็นว่าคน ๆ นี้ยอมรับในทักษะการทำผมของเธออยู่ในใจ
ในขณะที่เธอกำลังจะลงกรรไกร จู่ ๆ เฉินเจียซิ่งก็เปิดปากเอ่ยกับโจวลี่หรง
“แม่ครับ ช่วยผมดูความยาวด้านหลังที ผมมองไม่เห็น จะตัดให้สั้นเกินไปไม่ได้”
หลินเซี่ยกลอกตา
เด็กคนนี้เป็นปีศาจจอมวางแผนเสียจริง
ให้โจวลี่หรงมาคอยกำกับควบคุมแบบนี้เธอจะได้ไม่อาจนำความขับค้องใจส่วนตัวมาลงในการตัดผมเขาได้
หากไม่ใช่เพราะจรรยาบรรณในวิชาชีพ หลินเซี่ยคงอยากจะโกนหัวเขาไปแล้วจริง ๆ
แม้ว่าในใจเธอจะแขวะเขาแบบนั้น แต่ทักษะของเธอก็นับว่าเชี่ยวชาญมาก ย่อมตัดออกมาอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่เธอหยิบกรรไกร เฉินเจียซิ่งก็หวาดกลัวจนเอ่ยย้ำเตือนอย่างตะกุกตะกัก “อย่าให้สั้นเกินไปนะ”
“ไม่สั้นหรอกค่ะ ผมของคุณทรงแสกข้าง 70/30 ส่วนด้านนี้สั้นกว่าเล็กน้อยเพื่อให้ดูเท่”
คุณย่าเฉินเอ่ยขึ้นมาจากด้านข้างว่า “เจียซิ่ง หลานตัดผมให้สั้นจะได้ดูมีชีวิตชีวา เมื่อสองสามวันก่อนเจียวั่งก็ตัดผมออกมาได้ดูดีไม่หยอก”
น้ำเสียงของเฉินเจียซิ่งดูท้อแท้ “ใช่ครับ ดูดีมากเลย ผมถามเขาว่าไปตัดที่ไหนแต่เขากลับไม่สนใจผมด้วยซ้ำ”
“น้องชายของหลานร่างกายไม่แข็งแรงนัก หลานอย่าไปเคร่งครัดกับเขามาก”
เฉินเจียซิ่งบ่นอย่างขุ่นเคือง “คุณย่าอย่าให้ท้ายเขาจนเกินไปได้ไหมครับ? สุขภาพไม่ค่อยดีแล้วทำไมล่ะ? แค่บอกผมว่าร้านตัดผมอยู่ที่ไหนนี่มันต้องใช้พละกำลังแค่ไหนกันเชียว? เขาจงใจจะหาเรื่องผมมากกว่า”
โจวลี่หรงพลันเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ “น้องชายของลูกน่ะเหรอจะมาหาเรื่องลูก? ลูกปล่อยเขาบ้างเถอะ เข้าใจเขาให้มากหน่อย ในใจของเจียวั่งนั้นขมขื่นมากพอแล้ว”
โจวลี่หรงกล่าวเอ่ยถ้อยคำสุดท้ายพร้อมความรู้สึกผิดและเศร้าโศกที่ฉายชัดในแววตา
“ก็ได้ครับ ตอนนี้ผมจะปล่อยเขาไปก่อน รอให้เขาหายดีเมื่อไหร่มาจะมาคิดบัญชีกับเขาอย่างเต็มที่”
เฉินเจียซิ่งเอ่ยปากออกมาแบบนี้ก็จริง แต่น้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าน้องชายของเขาจะฟื้นตัวในไม่ช้า
เขาทำเหมือนไม่รู้อะไรแต่แท้จริงแล้วเขารับรู้ทุกอย่าง เสิ่นเสี่ยวเหมยแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าไม่ชอบน้องสามของเขา ดังนั้นหัวใจของน้องสามย่อมมีช่องว่างในความสัมพันธ์กับพี่รองอย่างเขาขึ้นมา ทั้งที่เมื่อก่อนนี้ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องของพวกเขาค่อนข้างดี
“อย่าขยับหัวค่ะ ไม่อย่างนั้นถ้าตัดพลาดไป ฉันไม่รับผิดชอบนะ”
เฉินเจียซิ่งได้ยินดังนั้นจึงอยู่นิ่ง ๆ
หลังจากตัดผมเสร็จแล้ว หลินเซี่ยก็เป่าผมให้แห้งและฉีดสเปรย์ ก่อนจะเอ่ยกับกระจกว่า “เป็นยังไงบ้าง? เจริญตากว่าเมื่อก่อนใช่ไหมคะ?”
แม้ว่าเฉินเจียซิ่งจะยังคงยโสอวดดี ทว่าสายตาย่อมหลอกกันไม่ได้
เขาพอใจมาก
คุณย่าเฉินยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่เลวเลย ผมทรงนี้เหมือนกับดาราในละครโทรทัศน์เลย”
“ก็พอใช้ได้”
เฉินเจียซิ่งแกะผ้าคลุมที่ตัวออก ก่อนจะลุกขึ้นและจ่ายเงิน
“นี่เงินครับ”
หลินเซี่ยมองไปยังโจวลี่หรงและคุณย่า แล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“เจียซิ่ง เจ้าเด็กนี่ทำไมถึงทำตัวเป็นคนนอกนัก? พี่สะใภ้จะคิดเงินกับหลานได้ไง?”
“คุณย่าครับ ผมไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร” เฉินเจียซิ่งหยิบธนบัตรสองหยวนขึ้นมาและยืนกรานที่จะจ่ายเงิน
“วันนี้ลดครึ่งราคาค่ะ” หลินเซี่ยเองก็ไม่เกรงใจ เก็บเงินของเขามาก่อนจะทอนเงินให้เขาไปหนึ่งหยวนและห้าเหมา
เมื่อเฉินเจียซิ่งเห็นเงินทอนจากเธอจึงเอ่ยเตือน “รวมของแม่และคุณย่าด้วย”
“พวกหล่อนเป็นคนในครอบครัว ไม่คิดเงินค่ะ” หลินเซี่ยพันสายเครื่องเป่าผมพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพและห่างเหิน “เดินทางปลอดภัย ไม่ไปส่งนะคะ”
เฉินเจียซิ่งทำตัวโง่เขลาให้ตัวเองอับอายเสียแล้ว
เขากระแอมไอเบา ๆ สองสามครั้งแล้วพูดกับโจวลี่หรงและคุณย่าว่า “คุณย่าครับ แม่ครับ ผมไปก่อนนะ ช่วงบ่ายยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก”
“ไปทำงานเถอะ” คุณย่าเฉินมองไปยังใบหน้าแข็งกร้าวจนแทบจะฟาดฟันกันของทั้งคู่แล้วรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่พาเฉินเจียซิ่งมาที่นี่
ชุนฟางทำการสระผมให้คุณย่าเฉินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ท่าทางของหลินเซี่ยที่มีต่อคุณย่าเฉินนั้นห่างไกลจากตอนที่เธอปฏิบัติต่อเฉินเจียซิ่งเมื่อครู่มาก น้ำเสียงที่ใช้ก็หวานเสนาะหู “คุณย่าคะ ฉันจะตัดผมให้นะ”
……
ทันทีที่เฉินเจียซิ่งออกจากร้านเสริมสวย ก็ไปยืนอยู่หน้าหน้าต่างกระจกของร้านที่อยู่ข้าง ๆ เพื่อส่องดูทรงผมของตัวเอง ทั้งยังยกมือขึ้นไปจับดูด้วย
ต้องยอมรับว่ายัยตัวแสบนั่นฝีมือดีมากจริงๆ
ทรงผมนี้เมื่อรวมกับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาแล้ว ดูคล้ายกับนักแสดงภาพยนตร์เลยทีเดียว
“เจียซิ่ง”
เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเขา
เฉินเจียซิ่งรีบยืนตัวตรง
เมื่อหันกลับมาก็พบว่าเป็นถังหลิง เขาก็ขยับคอเสื้อพร้อมกระแอมเบา ๆ “พี่ถังหลิง”
“ตัดผมแล้วเหรอ?” ถังหลิงมองไปยังร้านเสริมสวยสงโถวไคฉื่อที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เฉินเจียซิ่งยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนจะเอ่ยแก้ตัว “คุณย่าของผมยืนกรานให้ผมตัดผมเพื่อที่จะได้เพิ่มจำนวนหัวให้หลินเซี่ย ผมขัดท่านไม่ได้ก็เลยต้องตัดผมครับ”
ถังหลิงมองดูเขาแล้วถามว่า “เสี่ยวเหมยยังอยู่ที่บ้านแม่ของหล่อนเหรอ?”
เฉินเจียเหอหรี่ตาลงพลางพยักหน้าเบา ๆ “อ่า ใช่ครับ”
“เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอสองคนกัน? มันไม่คุ้มค่าเลยนะที่จะมาทะเลาะกันด้วยเรื่องของคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ถ้าพวกเธอจะทำกันแบบนี้ก็เท่ากับเป็นทำให้ใครบางคนสมปรารถนา นายควรไปบอกกล่าวให้หล่อนกลับมาจะดีกว่า เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกระหว่างสามีภรรยาก็จะค่อย ๆ จางลง” น้ำเสียงของถังหลิงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เฉินเจียเหอถอนหายใจ “ผมไม่อยากทำ ผมไปหาหล่อนมาหลายครั้งแล้ว แต่เธอไม่ยอมกลับมาเลยสักครั้ง ทันทีที่หล่อนเห็นผมก็จะสรรหาวิธีมาทำให้ผมอับอายในทุกรูปแบบ แถมครอบครัวของหล่อนก็เข้าข้างหล่อนด้วย ผมขี้เกียจที่จะไปยุ่งกับหล่อนแล้วครับ ตามใจหล่อนเถอะ”
“แต่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปตลอดไม่ได้นะ”
“หล่อนอยากจะอยู่ที่บ้านแม่นักก็ปล่อยให้หล่อนอยู่ไปครับ” รอยตบสองครั้งที่เสิ่นเสี่ยวเหมยทำกับเขาต่อหน้าผู้คนมากมายนั้นทำให้หัวใจของเฉินเจียซิ่งแตกสลายไปแล้วจริง ๆ ตอนนี้เขาไม่อยากจะเอ่ยถึงหล่อนเสียด้วยซำไป “พี่ถังหลิง ผมต้องขอตัวก่อน”
เฉินเจียซิ่งจากไป แต่ถังหลิงยังคงยืนกอดอกอยู่ที่เดิม แววตาคู่นั้นมืดมนคลุมเครือ
เสิ่นเสี่ยวเหมยต้องกลับไปอยู่บ้านตระกูลเฉิน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทำไม ยังหวังจะเข้าตระกูลเฉินอีกเหรอยัยถังหลิง ทุกคนรู้ไส้เธอหมดแล้วล่ะ
ไหหม่า(海馬)