ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 184 ผู้ชายคนนี้รู้จักมอบแหวนให้เธอเสียด้วย
ตอนที่ 184 ผู้ชายคนนี้รู้จักมอบแหวนให้เธอเสียด้วย
ตอนที่ 184 ผู้ชายคนนี้รู้จักมอบแหวนให้เธอเสียด้วย
เมื่อมาถึงบ้าน คุณย่าเฉินก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“คุณย่า”
“เซี่ยเซี่ย เข้ามาเร็วเข้า” คุณย่าเฉินเอ่ยเรียกจากคนในบ้าน “เจิ้นเจียง ลี่หรง เด็ก ๆ กลับมาแล้ว”
เฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงได้ยินเสียงจึงเดินออกมา
หลินเซี่ยเห็นเฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงก็เอ่ยทักทายอย่างสุภาพ “คุณลุง คุณป้า”
“เชี่ยเซี่ย เข้ามาเร็ว”
“จดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้วเหรอ?” เฉินเจิ้นเจียงเอ่ยถามเฉินเจียเหอ
เฉินเจียเหอพยักหน้ารับ “ครับ จดแล้ว”
“มา นั่งก่อน”
ท่าทางของโจวลี่หรงและเฉินเจิ้นเจียงที่มีต่อหลินเซี่ยนั้นแตกต่างจากคราวก่อนมาก
ในเวลานี้ พวกเขายอมรับหลินเซี่ยเข้ามาเป็นครอบครัวของพวกเขาอย่างแท้จริงแล้ว
โจวลี่หรงนำผลไม้มาให้ “กินผลไม้รองท้องก่อนนะ พวกเรากำลังทำอาหารเย็นกันอยู่”
โจวลี่หรงที่ดูกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่งทำให้หลินเซี่ยรู้สึกไม่คุ้นชินอยู่เล็กน้อย หญิงสาวเพียงนั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้นพร้อมเอ่ย “ค่ะ”
หู่จือหยิบกล้วยมาให้เธอ “แม่ครับ กินนี่”
“หู่จือ เธอกินเถอะ”
คุณย่าเฉินยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “เจียเหอ วันนี้แม่ของหลานกับย่าทำความสะอาดห้องของหลานให้แล้ว กับข้าวยังไม่เสร็จ หลานพาเซี่ยเซี่ยขึ้นไปที่นั่นก่อน ลองดูว่ามีอะไรขาดเหลือหรือเปล่า”
“ครับ”
“ไปครับ ขึ้นไปดูข้างบนกัน” เฉินเจียเหอพาหลินเซี่ยขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปดูห้องของพวกเขา
คราวก่อนที่มาที่นี่ เธอไม่ถือว่าเป็นแขกเสียด้วยซ้ำ ได้แต่นั่งที่ห้องรับแขกอยู่สักพักเท่านั้น นี่จึงถือว่าเป็นครั้งแรกที่หลินเซี่ยได้เข้าไปในห้องของเฉินเจียเหอ
ซึ่งในตอนนี้ก็เป็นห้องของเธอด้วย
เมื่ออยู่ชั้นบน เฉินเจียเหอก็เอ่ยแนะนำ “ข้างหน้านี้เป็นห้องของเจียวั่ง”
“ส่วนพวกเจียซิ่งพักอยู่ที่ห้องท้ายสุด”
“ส่วนห้องของผมอยู่นี่” เฉินเจียเหอผลักเปิดประตู
ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป เขาพลันสะดุ้งตัวโยน ดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด
เดิมห้องนอนของเขามีสภาพทึมๆ เรียบง่าย ทว่าในเวลานี้ทั้งห้องกลับเต็มไปด้วยสีแดง
ผ้าม่าน ผ้าคลุมเตียง ผ้านวม ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นสีมงคล
ผ้าห่มซาตินลายนกยวนยางเล่นน้ำถูกนำมาไว้บนเตียง
ทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าใหม่เพิ่มมาด้วย
พร้อมกับตัวอักษรมงคลคู่ติดไว้หน้าตู้
ในห้องเต็มไปด้วยริบบิ้นและลูกโป่ง
ห้องหอนี้ได้รับการตกแต่งใหม่อย่างใส่ใจ
ดวงตาของเขาอ่อนลง ในใจพลันอุ่นขึ้นอย่างมาก เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คงเป็นคุณย่าและแม่ที่จัดการตกแต่งห้องนี้เพราะอยากทำให้เราประหลาดใจล่ะมั้ง”
เฉินเจียเหอปิดประตูแล้วดึงเธอเข้าไปข้างในห้อง
หลินเซี่ยรู้สึกประทับใจไม่น้อยเมื่อได้เห็นการตกแต่งห้องหอที่อบอุ่นและเป็นมงคล
ในชนบท เธอแต่งงานเข้าบ้านคุณตาของเฉินเจียเหอ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่บ้านของเฉินเจียเหอ การแต่งงานก็เป็นไปอย่างลวก ๆ พวกเขาอยู่ในห้องหอชั่วคราวนั้นโดยไม่ได้ทำอะไรเลย เหมือนเพื่อนร่วมห้องสองคนที่นอนโดยไม่รบกวนกันอยู่หลายคืน
ตอนนี้ ตระกูลเฉินได้อำนวยอวยพรให้พวกเขาอย่างแท้จริงแล้ว คุณย่าและแม่ของเฉินเจียเหอได้ตกแต่งห้องหอให้ของพวกเขาด้วยตัวเอง ทั้งยังเพิ่มเครื่องนอนซึ่งทำให้ห้องนี้สมบูรณ์แบบ
ขณะที่หลินเซี่ยกำลังมองดูตัวอักษรมงคลคู่บนผนังอย่างเพลิดเพลิน เฉินเจียเหอก็หยิบกล่องเล็ก ๆ อันประณีตงดงามออกมาจากกระเป๋าของเขา ค่อย ๆ เปิดมันแล้วมอบให้หลินเซี่ย
เขามองเธอด้วยความอ่อนโยน ก่อนเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำน่าฟัง “เดิมทีผมคิดว่าจะให้คุณในตอนค่ำ แต่ในเมื่อห้องหอนี้ได้รับการตกแต่งอย่างรื่นเริงมงคล บรรยากาศก็เป็นใจ อย่างนั้นผมขอสวมมันให้คุณก่อนเวลา”
หลินเซี่ยมองดูแหวนวงเล็กอันประณีตงดงามในกล่องแหวนเล็ก ๆ ก่อนจะมองเขาด้วยความตกตะลึง “คุณไปซื้อมาตอนไหนคะ?”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาเตรียมแหวนให้เธอด้วย!
เฉินเจียเหอเป็นคนทื่อมะลื่อราวกับท่อนไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้แล้วด้วย ทว่าเขากลับรู้จักเตรียมแหวน!
เฉินเจียเหอยกยิ้มและอธิบายว่า “ผมซื้อหลังจากกลับมาในเมือง ผมอยากจะสวมให้คุณมานานแล้ว แต่พอดีต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ จึงทำให้ล่าช้ามาจนถึงตอนนี้ ผมซ่อนมันไว้ในกระเป๋าเดินทางใบนั้นที่คุณนำมาจากบ้านเกิด คุณไม่ได้ค้นเจอเลยเหรอครับ?”
หลินเซี่ยส่ายหน้า “ฉันทิ้งกระเป๋าใบนั้นไว้บนตู้เสื้อผ้า ไม่ได้แตะต้องมันเลยค่ะ”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอก็นิ่งชะงัก
เธอพลันนึกขึ้นได้ว่าเหมือนตัวเองจะโยนกองจดหมายรักที่หลิวจื้อหมิงเขียนถึงเธอไว้ในกระเป๋าใบนั้น!
หลังจากกลับมาจากบ้านเกิดก็ปล่อยกระเป๋าใบนั้นทิ้งเอาไว้
และเฉินเจียเหอซ่อนแหวนไว้ที่นั่น อย่างนั้นเขาก็เห็นกองจดหมายรักแล้วงั้นหรือ?
“แล้ว… คุณเห็นอะไรในกระเป๋าบ้างหรือเปล่า?” หลินเซี่ยจิกนิ้วเท้าแล้วเอ่ยถามหยั่งเชิง
“เปล่า ผมไม่ได้เปิดกระเป๋า เพียงแค่ลูบ ๆ แล้วก็ซ่อนแหวนเข้าไป” ดวงตาของเฉินเจียเหอขยับเล็กน้อย ก่อนจะมองเธอแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ในกระเป๋าใบนั้นมีของล้ำค่าอะไรงั้นเหรอ?”
เธอหลบสายตาของเขาอย่างกระอักกระอ่วนพลางสั่นศีรษะระรัว “ไม่ ไม่ ไม่มีอะไร”
เดิมทีที่เก็บไว้ก็เพื่อจะเอาไว้ตอกย้ำเสิ่นอวี้อิ๋งในภายหลัง
โชคดีที่มันไม่ได้ตอกย้ำไปถึงเฉินเจียเหอ
เธอมองดูแหวนแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “คุณเอาเงินจากไหนไปซื้อคะ ในเมื่อคุณให้สมุดบัญชีธนาคารทั้งหมดของคุณอยู่กับฉัน”
ประเมินด้วยสายตาก็เห็นว่าเป็นแหวนทอง ย่อมต้องมีราคาแพง
“คุณปู่ให้เงินค่าใช้จ่ายสำหรับจัดงานแต่งงานมาครับ”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของเฉินเจียเหอ ท่าทางของหลินเซี่ยก็เปลี่ยนเป็นอิจฉาจนหน้าบิดเบี้ยว “สมเป็นผู้ดีมีเงิน ยังมีเงินทุนสำหรับงานแต่งงานอีก”
“เซี่ยไห่บอกว่า ด้วยวัยของผม การที่สามารถแต่งงานกับหญิงสาวที่งดงาม อ่อนวัย ทั้งยังเปี่ยมตัวความสามารถเช่นคุณได้นั้น หากจะให้สร้อยคอทองคำหรือวิลล่าหลังใหญ่ก็ไม่ถือว่ามากมายเกินไป แต่ตอนนี้สวมแหวนวงนี้ไปก่อนนะครับ ส่วนสร้อยคอทองคำ ในอนาคตผมจะขยันขันแข็งทำงานอย่างหนักเพื่อซื้อมาให้คุณ” เขามองเธอด้วยแววตาแสนรัก น้ำเสียงที่ใช้เอื้อนเอ่ยก็เป็นการสัญญาด้วยใจจริง
หลินเซี่ยเมื่อมองใบหน้าจริงใจของเขา หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม
สีหน้าท่าทางของเขานั้นเปี่ยมรักจากหัวใจจริง ราวกับว่าหากเธอต้องการดวงจันทร์บนท้องนภา เขาก็จะหาทางไปเด็ดดึงมาให้
“อย่าไปฟังเขา นี่ก็ดีมากแล้วค่ะ”
หลินเซี่ยมองดูแหวนในกล่องเล็ก จากนั้นจึงมองไปยังชายหนุ่มทึ่มทื่อตรงหน้าอีกครั้ง แล้วยื่นมือออกมาให้เขาพร้อมเอ่ยบอก “รีบสวมมันให้ฉันสิคะ”
เฉินเจียเหอรีบตอบสนองโดยการรีบหยิบแหวนออกมา “ครับ”
“สวมนิ้วไหนจึงเหมาะสม?” เฉินเจียเหอหยิบแหวนออกมาแล้วมองดูมือเรียวยาวของเธอที่ยื่นออกมา ดวงตาของเขาทั้งใสแจ๋วทว่าทึ่มทื่อด้วยในเวลาเดียวกัน
หลินเซี่ยไม่ได้หัวเราะเยาะเขา แต่ร่วมมือด้วยการชูนิ้วนางของเธอให้ พร้อมมองเขาอย่างซุกซน “นิ้วนี้”
เฉินเจียเหอสวมแหวนให้เธอด้วยท่าทางอ่อนโยนเทิดทูน
จากนั้นเขาก็จับมือเธอขึ้นมาแล้วจูบเบา ๆ ที่หลังมือ
จูบนี้ทำให้หลินเซี่ยตกหลุมพรางเข้าเต็มเปา
หัวใจของเธอเต้นแรงแรงระรัว หญิงสาวโอบแขนรอบเอวแกร่งและแอบอิงอยู่ในอ้อมอกของเขา น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลด้วยซาบซึ้ง “เฉินเจียเหอ ขอบคุณนะคะ”
เฉินเจียเหอลูบหัวของเธอแล้วหัวเราะเบา ๆ “ต่อไปนี้เลิกเรียกผมด้วยชื่อจริงได้ไหม? มันเหินห่างเกินไป”
“แล้วให้เรียกว่าอะไรล่ะ?” หลินเซี่ยเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วยิ้มอย่างซุกซน “เจียเหอ?”
“ไม่แปลกใหม่เลย”
“เฉินกง?”
เฉินเจียเหอเคาะหน้าผากเธอเบา ๆ
หลินเซี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนคำพูด “พ่อหู่จือ?”
เฉินเจียเหอพลันนึกถึงน้ำเสียงเรียก “พ่อหู่จือ” ที่ทั้งยั่วยุ เศร้าโสก และเสแสร้งของแม่ของตงตงที่ทางเข้าโรงเรียนอนุบาลขึ้นมา ก่อนจะมองท่าทางล้อเลียนของหญิงสาวก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาสั่นเทิ้มขึ้นมา
เมื่อมองดูเธอแล้ว เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงจนปัญญาและตามใจ “ช่างเถอะ เรียกแบบไหนก็ได้ตามแต่ใจคุณ”
เธอโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ทำให้ผมยาวสลวยของเธอถูเข้ากับตัวเขา ชายหนุ่มรู้สึกถึงความอุ่นร้อนในร่างกายของเขาที่ปะทุขึ้น
เขาควบคุมความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ พลางผลักเธอออกเบา ๆ “ไปกันเถอะ งานสังสรรค์วันนี้เจียวั่งก็น่าจะกลับมาเหมือนกัน”
“ค่ะ” ดวงตาของหลินเซี่ยเต็มไปด้วยการตั้งตารอคอยเมื่อได้ยินเฉินเจียเหอพูดถึงเฉินเจียวั่ง
จนถึงตอนนี้มีเพียงเฉินเจียวั่ง น้องสามของเฉินเจียเหอที่เธอยังไม่เคยพบหน้าค่าตา
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่เหอเขาอยากให้เธอเรียกว่าที่รักน่ะค่ะเซี่ยเซี่ย
ลุ้นเลยค่ะว่าเจียวั่งกับโจวอี้จะเป็นคนเดียวกันจริงหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)