ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 188 เกือบบดขยี้เธอ
ตอนที่ 188 เกือบบดขยี้เธอ
ตอนที่ 188 เกือบบดขยี้เธอ
ขณะที่ร่างกายรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการฉีกขาด หญิงสาวก็ผวาเฮือกรัดแขนเรียวยาวกับลาดไหล่ของสามีอย่างแน่นหนา เล็บจิกทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อโดยไม่รู้ตัว
สติสัมปชัญญะของเธอกลับมาทันที จากนั้นก็รีบชักมือออก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า “ฉันเผลอข่วนคุณหรือเปล่า?”
เขาเหงื่อออกโซมทั่วแผ่นหลัง น้ำเสียงแหบห้าว “ไม่เป็นไร”
…
ตอนเช้า หลินเซี่ยลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เธอเห็นคือแผ่นหลังสีข้าวสาลีอันเรียบเนียนตรงหน้า
ขณะที่เธอกำลังจ้องมองเขาต่อไป ก็เห็นเขาเอนตัวไปด้านข้าง แล้วดึงผ้ากอซออกด้วยมือข้างเดียว
“ทำอะไรอยู่คะ?” เธอขยับตัวบิดขี้เกียจอย่างง่วงงุน แต่แล้วก็ส่งเสียงซื้ดออกมาอย่างไม่สบายตัว เพราะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนอวัยวะส่วนล่างฉีกขาดที่ใดที่หนึ่ง
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เขาหันมาทางขวา มองเธอด้วยสีหน้าเปี่ยมรัก
หลินเซี่ยเห็นรอยขีดข่วนรอยใหญ่เป็นทางยาวอยู่ใกล้บาดแผล ฉับพลันฉากไม่เหมาะสมสำหรับเด็กก็แวบขึ้นมาในใจ ทำให้ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะด้วยความอับอาย
เมื่อคืนเธอออกแรงไปมากแค่ไหนในการเกาะยึดเขากันนะ?
เธอจำได้เพียงว่าเขาพุ่งโถมเข้าหาเธอราวกับสัตว์ป่า ส่วนเธอก็ทำได้เพียงจับไหล่ของเขาแล้วปล่อยให้เรือนร่างตัวเองกระเด้งกระดอนขึ้นลง…
“ไม่เป็นไร ผมต้องเปลี่ยนผ้ากอซอีกแค่สองครั้ง หลังจากนั้นน่าจะดีขึ้นภายในสองวัน”
เฉินเจียเหอพันผ้ากอซให้ตัวเอง ยังไม่รีบแต่งตัวเสียทีเดียว หันมาเลิกผ้าห่มออกเบา ๆ มองดูหญิงสาวแก้มแดงที่กำลังนอนอยู่ แล้วถามเบา ๆ “ลุกไหวไหม?”
“ยังไม่อยากลุกค่ะ” หลินเซี่ยพยายามดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังต่อไป
อย่างไรก็ตาม เฉินเจียเหอจับมือเธอไว้ ป้องกันไม่ให้เธอควานหาผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวอีก
เขาเห็นรอยแดงเป็นจ้ำประทับอยู่ตั้งแต่คอไปจนถึงหน้าอก ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของเขาพลันสั่นไหว
เขายกมือขึ้นลูบคอเธอเบา ๆ “เจ็บหรือเปล่า?”
หญิงสาวมองเขาด้วยดวงตารื้นน้ำ ก่อนพยักหน้าพลางทำสีหน้าเหยเก “เจ็บ”
“หรือผมจะทายาให้คุณดี?” เขาถามความคิดเห็นของเธอก่อน
หลินเซี่ยรู้สึกเจ็บปวดจนบรรยายไม่ถูก แต่เมื่อได้ยินว่าเขาต้องการจะทายาให้ เธอก็มองค้อนเขาทันที “พูดอะไรของคุณน่ะ? คุณออกไปก่อนเถอะ ฉันลุกเองได้”
ทันทีที่เธอลุกขึ้นนั่ง เฉินเจียเหอก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับตลับขี้ผึ้ง และเริ่มบิดฝาเกลียวออก “ลองทาขี้ผึ้งนี้สักหน่อยอาจจะดีขึ้น”
“ไม่เป็นไรค่ะ” หลินเซี่ยหวาดระแวงมาก จนเผลอเอาผ้าห่มคลุมตัวเองอีกครั้ง “ออกไปเร็วเข้า ความเจ็บของฉันไม่จำเป็นต้องทายาหรอก”
เฉินเจียเหอยื้อผ้าห่มให้เปิดออกอย่างแรง จากนั้นก็ทายาไปที่รอยแดงบนหน้าอกของเธอ
หลินเซี่ย “???”
หญิงสาวเพิ่งตระหนักว่าตัวเองคิดลึกเกินไป จำต้องหันหน้าหนี ปล่อยให้สามีจัดการอย่างที่เขาต้องการ
เขาใช้ปลายนิ้วนวดวนเป็นวงกลมเบา ๆ “เอาล่ะ ปล่อยให้ตัวยาซึมสักพักก่อน แล้วค่อยสวมเสื้อผ้า”
หลินเซี่ยอยากบอกเขาเหลือเกินว่าเธอไม่ได้เจ็บรอยแดงจ้ำบนหน้าอกตัวเอง
แต่จะให้พูดออกไปตรง ๆ ก็ยากเหมือนกัน
เธอทำได้เพียงนอนเหยียดตัวตรงอยู่บนเตียงเท่านั้น
ให้ตายเถอะ ตาลุงอายุสามสิบคนนี้พละกำลังล้นเหลือจนแทบทำเธอตายอยู่แล้ว
เขาเอาแต่พร่ำบอกว่าจะอ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไป
แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือเขาไม่ต่างอะไรจากสัตว์ป่า เกือบจะบดขยี้เธอจนแหลกเหลว
แล้วตอนนี้เขาก็กลับไปทำตัวไร้เดียงสาเหมือนเด็กหนุ่มอ่อนต่อโลกอีกแล้ว กำลังทายาไปตามรอยจ้ำแดงที่เรียกว่า ‘รอยดูด’
ถ้าเธออยู่ในอาคารพักอาศัยของโรงงาน วันนี้เธอคงนอนอยู่บนเตียงไปจนตะวันโด่ง แต่ตอนนี้เธออยู่ในชุมชนบ้านพักทหาร จึงได้ยินเสียงนกหวีดแว่วมาแต่เช้าตรู่
ทุกคนในบ้านตระกูลเฉินต่างตื่นนอนและมารวมตัวกันที่ห้องรับประทานอาหารเพื่อกินข้าวมื้อเช้า
หลินเซี่ยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสที่ช่วงล่าง จากนั้นก็สวมเสื้อผ้า
เฉินเจียเหอเห็นสองขาที่สั่นเทาของเธอ จึงเดินไปช่วยประคองด้วยความรู้สึกผิด
เธอผลักเขาออกพลางปฏิเสธ “ฉันไม่เป็นไร”
พูดจบก็วิ่งเข้าห้องน้ำแล้วแช่อ่างอาบน้ำอุ่น ในที่สุดความเจ็บปวดในร่างกายก็บรรเทาลง วันนี้เธอเลือกสวมเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีแดงตัวบาง
เมื่อเขาเก็บข้าวของและลงไปชั้นล่าง เห็นว่าผู้เฒ่าเฉินกำลังจะออกไปส่งหู่จือที่โรงเรียน
เมื่อคืนนี้เฉินเจิ้นเจียงไปอยู่กับเฉินเจียวั่ง ส่วนโจวลี่หรงก็ออกไปทำงานแต่เช้า ตอนนี้ที่บ้านจึงเหลือแต่สามีภรรยาสูงอายุ
“คุณปู่ วันนี้ไม่ต้องออกไปหรอกค่ะ พวกเราจะพาหู่จือไปส่งที่โรงเรียนเอง”
หลินเซี่ยรีบเดินตามเฉินเจียเหอ โดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ชายชราเห็นท่าเดินประหลาด ๆ ของตัวเอง
แม้ว่าเธอจะพยายามทำตัวเป็นปกติแค่ไหน ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าท่าเดินของตัวเองในวันนี้แปลกไปอย่างเห็นได้ชัด
“คุณปู่ อยู่เป็นเพื่อนคุณย่าที่บ้านเถอะค่ะ พวกเรากำลังจะออกไปทำงานพอดี ไม่ต้องไปส่งก็ได้”
คุณย่าเฉินสังเกตว่าหญิงสาวขี้อายเป็นพิเศษ ทั้งยังเอาแต่ยืนอยู่ข้างหลังเฉินเจียเหอ ใบหน้าเล็ก ๆ ที่สวยน่ารักของเธอยังเผยร่องรอยความเขินอาย ก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทันที รีบดึงผู้เฒ่าเฉินกลับเข้าไปในบ้าน
“ได้ หลังเลิกงานแล้วพวกเธอรีบกลับมาเร็วหน่อยก็แล้วกัน มากินข้าวที่บ้านเรา”
…
หลินเซี่ยลงจากรถโดยสารที่หน้าประตูร้านตัดผม จากนั้นเฉินเจียเหอแยกตัวไปส่งหู่จือที่โรงเรียนอนุบาล วันนี้อากาศมืดครึ้มราวกับว่าฝนจะตก หลินเซี่ยมองดูท้องฟ้าแล้วก็อธิษฐานขอให้ฝนเทกระหน่ำลงมา เพื่อที่เธอจะได้พักผ่อนสักวันหนึ่ง
ชุนฟางมาทำงานก่อนแล้ว แต่เวลานี้ยังไม่มีลูกค้า หล่อนกำลังปัดกวาดเช็ดถูร้านอยู่
“เซี่ยเซี่ย มาแล้วเหรอ?”
“ทำไมเธอมาไวจังเลยล่ะ?”
ชุนฟางตอบกลับ “ไม่ไวมาก ฉันออกจากบ้านมาทำงานเวลานี้ตลอด”
หลินเซี่ยเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วอ้าปากหาววอด
“เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนเหรอ?” ชุนฟางถามด้วยความเป็นห่วง
“ใช่ นอนดึกน่ะ”
“หรือเมื่อคืนเธอดูทีวี? ได้ยินแม่เล่าให้ฟังว่าตอนสี่ทุ่มมักจะมีละครดี ๆ ฉายตอนดึก แต่กลัวตื่นนอนไปทำงานตอนเช้าสาย ก็เลยไม่กล้าดู”
ในฐานะเด็กสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน ชุนฟางอาจไม่คิดว่าคู่รักที่เพิ่งแต่งงานใหม่อาจมีสิ่งสำคัญอย่างอื่นที่ต้องทำในยามค่ำคืนนอกเหนือจากการดูทีวี
“ฉันไม่ได้ดูเหมือนกัน” หลินเซี่ยอ้าปากหาวอีกครั้ง
เฉินเจียเหอเดินถืออาหารเช้าเข้ามา
ชุนฟางเห็นร่างสูงของเขาจึงกล่าวทักทาย ก่อนจะออกไปนอกร้านเพื่อตากผ้าเช็ดผมให้แห้ง
“เป็นยังไงบ้าง? อยากกลับบ้านไปนอนพักผ่อนสักหน่อยไหม?” เขามองเธอแล้วถามเบา ๆ
“เพิ่งเปิดร้านได้ไม่นานเอง จะให้กลับบ้านแล้วเหรอ?”
หลินเซี่ยมักจะกลายเป็นคนไม่รักดีเสมอ เมื่อเธอเห็นรูปร่างกำยำอันทรงพลังและสมบูรณ์แบบของเขา
ตอนนี้ดวงตาของเธอตกลงไปอยู่ที่เอวสอบของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็จ้องหน้าเขาอย่างขุ่นเคือง
ไม่น่าเชื่อว่าตรงนั้นจะเป็นอาวุธสังหารได้
เธอยังไม่อยากเจอหน้าเขา “คุณกลับไปก่อนเถอะ”
“คุณไม่เป็นไรแน่นะ?” เฉินเจียเหอถามอย่างกังวล
เธอโบกมือเบา ๆ “ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะแวะไปที่โรงงานหน่อย วันนี้มีประชุม ไว้จะออกมาส่งอาหารให้คุณตอนเที่ยงนะ”
ทันทีที่เฉินเจียเหอจากไป หลินเซี่ยก็ทรุดตัวเอนลงบนเก้าอี้ต่อ
ตลอดช่วงเช้าไม่มีลูกค้าเข้าร้านตัดผมเลย ชุนฟางมองที่ประตูอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อใดก็ตามที่เห็นคนเดินผ่านมา หล่อนจะมองดูเขาอย่างกระตือรือร้น เพื่อดูว่าเขามุ่งมาที่ร้านตัดผมหรือเปล่า
“ทำไมวันนี้ยังไม่มีลูกค้าสักคนเลยล่ะ?”
“จะรีบร้อนไปทำไมกัน? ธุรกิจเรายังต้องเปิดทำการไปอีกนาน ถ้าไม่มีลูกค้าจริง ๆ อย่างน้อยเราก็จะมีเวลาพัก”
หลินเซี่ยดูสงบ แต่ชุนฟางกลับวิตกกังวล
หล่อนเสี่ยงยอมถูกครอบครัวทุบตีและด่าทอ แอบลาออกจากร้านตัดผมของรัฐเงียบ ๆ และมาทำงานที่ร้านของ หลินเซี่ย ปรากฏว่าวันที่สองหลังเปิดทำการธุรกิจกลับร้างมาก จนหล่อนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองคิดถูก!
“ฉันจะออกไปส่งเพจหน่อย กลับมาแล้วจะสอนเธอตัดผม”
หลังจากหลินเซี่ยพูดอย่างนั้น เธอก็เดินออกจากประตูไป
ก่อนอื่น เธอส่งเพจเจอร์ไปหาเจียงอวี่เฟย บอกให้หล่อนออกมาเจอกันในตอนบ่าย
จากนั้นก็ส่งเพจเจอร์ที่มีเนื้อหาเดียวกันไปให้โจวอี้
ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่มา เธอจึงส่งข้อความยาวเหยียด บอกว่าเธอต้องการฉลองเปิดกิจการใหม่ และฉลองจดทะเบียนสมรส
จึงอยากเชิญเขาและเจียงอวี่เฟยไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านซื่อจี้เซียง ขอให้เขามาตรงเวลาตอนห้าโมงเย็น
วันนี้เธอต้องเลี้ยงอาหารน้องชายสามีให้ได้
หลินเซี่ยออกมาจากตู้โทรศัพท์ เดินไปข้างหน้าโดยก้มหน้ามองพื้นฟุตบาทแคบ ๆ จนบังเอิญชนเข้ากับเสิ่นเสี่ยวเหมย
“นี่ ฉันได้ยินมาว่าคนไร้ทักษะอย่างเธอเปิดร้านตัดผมงั้นเหรอ?” เสิ่นเสี่ยวเหมยพูดยั่วยุ แต่กลับก้าวถอยหลังออกไปอย่างหวาดระแวง เพื่อป้องกันไม่ให้หลินเซี่ยเป็นบ้าและพุ่งเข้ามาจิกผมตัวเองอีก
เมื่อหลินเซี่ยเห็นผู้หญิงตรงหน้า ก็เหลือบมองไปที่ร้านเสริมสวยฝั่งตรงข้าม ถึงรู้ว่าฝนตกขี้หมูไหลมารวมกันนี่เอง
“ใช่ เมื่อวานนี้สามีเธอยังมาใช้บริการตัดผมที่ร้านของฉันอยู่เลย”
เสิ่นเสี่ยวเหมยสาปแช่งด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “แกมันหน้าไม่อาย”
“ทำไม? เธอมาที่นี่เพื่อตามหาฉันหรือไง? หรืออยากให้ฉันช่วยตัดผมให้?” หลินเซี่ยกอดอก ปรายตามองเส้นผมของอีกฝ่าย “แต่ต้องขอโทษด้วยแล้วกัน เพราะฉันไม่รู้วิธีโกนขนหมู”
พูดจบเธอก็ไม่สนใจอีกฝ่าย เดินตรงกลับไปที่ร้าน
ตอนนี้เสิ่นเสี่ยวเหมยอยู่ตัวคนเดียว และรู้ว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะหลินเซี่ยได้เลย จึงทำได้เพียงมองย้อนกลับไปอย่างหยิ่งผยอง พูดจาข่มขู่กับธาตุอากาศอย่างบ้าคลั่ง “นังโง่ดักดานเอ๊ย ฝากไว้ก่อนเถอะ”
เมื่อถังหลิงได้ยินเสียงตวาดแหลมของเสิ่นเสี่ยวเหมย หล่อนก็รีบออกมาและดึงอีกฝ่ายเข้าไปในร้าน
ร้านของถังหลิงอยู่ในระหว่างปรับปรุงใหม่ คนงานกำลังทาสีผนัง ทันทีที่เสิ่นเสี่ยวเหมยเข้ามา หล่อนก็รู้สึกวิงเวียนกับกลิ่นฉุนของสีที่ปะทะหน้า เมื่อเร็ว ๆ นี้หล่อนมีอาการแปลก ๆ เกี่ยวกับความอยากอาหาร ยิ่งเมื่อสูดกลิ่นนี้เข้าไป ก็อยากโก่งคออาเจียนอย่างอดไม่ได้
ถังหลิงรีบดึงหล่อนเข้าไปที่ห้องด้านหลัง
“เธอไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย?”
เสิ่นเสี่ยวเหมยปิดปากและจมูกตัวเอง จากนั้นก็ส่ายหน้า “เปล่า ฉันแค่ไม่ชินกับกลิ่นฉุนสี”
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเราออกไปข้างนอกแล้วหาที่นั่งดี ๆ นั่งคุยกันสักพักเถอะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โอ๊ย พี่เหอรุนแรงกับเซี่ยเซี่ยจังเลยอะ ไหนบอกว่าจะอ่อนโยนไง
แรงมากเซี่ยเซี่ย หาว่าผมของยัยเสี่ยวเหมยเหมือนขนหมู สภาพผมต้องเลวร้ายขนาดไหนเนี่ย
ไหหม่า(海馬)