ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 19 ปัสสาวะหกรดทั่วร่างกาย
ตอนที่ 19 ปัสสาวะหกรดทั่วร่างกาย
ตอนที่ 19 ปัสสาวะหกรดทั่วร่างกาย
อ่างสินสอดนี้มาเป็นคู่ ใบหนึ่งใช้ในห้องของเธอ และอีกใบวางไว้ในห้องตะวันออกที่ไม่ได้ใช้งานพร้อมกับกล่องสินสอดอื่น ๆ หลังจากที่กลับมาเกิดใหม่ เธอก็ไม่ได้นึกถึงมันเลย
สามีภรรยาคู่นี้นอนในห้องตะวันออกเมื่อคืน แล้วใช้อ่างสินสอดที่ยังไม่ได้ใช้งานของเธอเป็นโถปัสสาวะอีกด้วย
หากไม่ได้ตาบอด ย่อมบอกได้ทันทีว่ามันคืออ่างคู่สีแดงอันเป็นสินสอดทองหมั้น
ถึงจะเอาไปใช้ล้างหน้า แต่ก็ควรขอความยินยอมจากเธอก่อน แล้วนับประสาอะไรกับการปัสสาวะใส่
หัวใจหลินเซี่ยสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เธอรีบพุ่งตัวเข้าไปและยกขาเตะอ่างนั้น ส่งผลให้ปัสสาวะในอ่างหกเลอะทั่วตัวเสิ่นเสี่ยวเหมย
หิมะบางบนพื้นเต็มไปด้วยปัสสาวะ ย้อมพวกมันเป็นสีเหลืองดูน่ารังเกียจ
อ่างสินสอดสีแดงถูกเตะกลิ้งลงพื้นส่งเสียงดังไปทั่ว
เสิ่นเสี่ยวเหมยถูกเตะโดยไม่รู้ตัว กระทั่งปัสสาวะหกรดทั่วร่างกาย หล่อนก้าวถอยหลังด้วยความรู้สึกขยะแขยงและตะคอกใส่หลินเซี่ยอย่างดุเดือด “แกทำอะไร?”
สีหน้าหลินเซี่ยหมองคล้ำและคำรามใส่ “แกกำลังใช้อ่างล้างหน้าของฉัน”
ครั้งนี้เธอโกรธมาก
“มันก็แค่อ่างไม่ใช่หรือไง? คนบ้านนอกก็ยังเป็นคนบ้านนอกอยู่วันยังค่ำ ขี้เหนียวอยู่ได้ ฉันไม่ใช้อ่างโทรม ๆ แบบนี้กับหน้าตัวเองหรอกนะ”
เสิ่นเสี่ยวเหมยระเบิดอารมณ์ สะบัดปัสสาวะออกจากเสื้อสเวตเตอร์ด้วยความขยะแขยงจนอยากทุบตีใครสักคนเพื่อระบายความโกรธ
“หลินเซี่ย นังผู้หญิงโง่ วันนี้แหละฉันจะต้องฉีกแกเป็นชิ้น ๆ”
โดยไม่รอให้อีกฝ่ายวิ่งมาหา หลินเซี่ยหยิบอ่างบนพื้นและวางครอบหัวของหญิงสาวตรงหน้าทันที
ไม่ใช่ว่าหล่อนเพิ่งปัสสาวะในอ่างล้างหน้าของเธอก่อนหรือไง? งั้นก็รับปัสสาวะตัวเองไปซะ
“แกทำบ้าอะไร?”
เสิ่นเสี่ยวเหมยรีบคว้าอ่างบนหัวออกและโยนทิ้งอย่างแรง พลางตะโกนขอความช่วยเหลือจากเฉินเจียซิ่ง
หลินเซี่ยแข็งแกร่งพอ ๆ กับวัว และหล่อนไม่สามารถเอาชนะได้
แม่เฒ่าโจวเป็นคนแรกที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย นางวิ่งเหยาะ ๆ ออกมาจากตัวบ้าน
“เซี่ยเซี่ย เสี่ยวเหมย เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณยาย ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูจะจัดการเรื่องนี้เอง คุณยายเข้าบ้านเถอะ ข้างนอกมันหนาวเกินไป”
เฉินเจียซิ่งยังไม่ตื่นนอน แต่เมื่อได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทด้านนอก เขาก็รีบวิ่งออกไปด้วยชุดกางเกงลองจอห์น
เห็นอ่างสีแดงกลิ้งอยู่บนพื้น ขณะที่ทั่วทั้งตัวภรรยาเปียกโชกไปด้วยปัสสาวะ
เขาเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ดวงตาของเขาสั่นไหวด้วยความสำนึกผิด
เขามองไปที่เสิ่นเสี่ยวเหมยอย่างนึกตำหนิ
เขาบอกหล่อนแล้วว่าให้ไปเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะ แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยบอกว่าหล่อนกลัวความมืดและอากาศหนาวเย็น ไม่ต้องการออกไปข้างนอกตอนกลางคืน เขาเองก็ลืมเตรียมโถปัสสาวะเพราะไม่ได้กลับมาชนบทนาน
ในคืนนั้น หล่อนยืนกรานที่จะใช้อ่างสินสอดของคนอื่นเป็นโถปัสสาวะ
หลังเห็นอารมณ์อันฉุนเฉียวของหญิงสาว จึงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะยั่วยุได้ แต่น่าเสียดายที่เสิ่นเสี่ยวเหมยยังคงเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่า
ตอนนี้หล่อนกำลังหาเรื่องใส่ตัวเองจริง ๆ
แต่ด้วยสภาพยุ่งเหยิงและกลิ่นเหม็นหึ่งทั่วตัวภรรยา เฉินเจียซิ่งจึงต้องออกมาปกป้อง เขาเดินเข้าไปขวางด้านหน้าเสิ่นเสี่ยวเหมยและต่อว่าหลินเซี่ย
“หลินเซี่ย เธอทำแบบนี้ทำไม? หล่อนก็แค่ใช้อ่างของเธอไม่ใช่หรือไง? ทำไมถึงต้องโวยวายใหญ่โตตั้งแต่เช้าตรู่? เมื่อวานเธอตีเสี่ยวเหมยของฉัน เรายอมถอยไม่เอาความเพราะเห็นแก่พี่ใหญ่ แล้ววันนี้เธอต้องการอะไรอีก?”
หลินเซี่ยมองเขาและตอบกลับน้ำเสียงเย็นชา “ภรรยาของคุณตาบอด คุณเองก็ตาบอดไปด้วยหรือไง? นั่นคืออ่างสินสอดที่ยังไม่ได้ใช้ ฉันอาจยอมให้ได้ถ้านำไปใช้ล้างหน้าสระผม แต่นี่กลับใช้มันเป็นโถปัสสาวะ ป่วยจิตกันหรือไง?”
ก่อนหน้านี้เธอไม่แยแสต่อการปรากฏตัวของเฉินเจียซิ่งมากนัก แต่ตอนนี้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจเขาอย่างมาก
หลังแม่เฒ่าโจวรับฟังถ้อยคำอย่างชัดเจน นางก็มองไปที่อ่างบนพื้น ก่อนมองเฉินเจียซิ่งด้วยความผิดหวัง “เจียซิ่ง พวกเธอทำเกินไปแล้ว”
เฉินเจียซิ่งรู้ว่าตัวเองผิด เขาถูจมูกอย่างรู้สึกผิดและอธิบายว่า “คุณยาย เสี่ยวเหมยเติบโตมาในเมือง ทุกห้องในบ้านล้วนมีห้องน้ำส่วนตัว เมื่อคืนลมเหนือพัดแรงและหิมะตก อากาศหนาวเย็นเกินกว่าจะออกมาข้างนอก”
“ในเมื่อรับไม่ได้กับความยากลำบากที่นี่ พวกเธอก็ไม่ต้องกลับมา ไม่ว่ายังไงก็ไม่ควรใช้มันแบบนี้…”
แม่เฒ่าโจวมองหลินเซี่ยด้านข้างที่กำลังตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ
ขณะรู้สึกเห็นใจเธอ
นางจับมือหลินเซี่ยพลางปลอบโยน “เซี่ยเซี่ย ปล่อยวางเถอะลูก อย่าไปเถียงกับคนพรรค์นี้เลย อย่าปล่อยให้ความโกรธครอบงำเรา”
ในเวลานี้โจวลี่หรงเดินออกมา ใบหน้าของหล่อนบิดเบี้ยวดูน่าเกลียดไม่แพ้กัน
เมื่อเห็นเสิ่นเสี่ยวเหมยตัวเปียกโชกด้วยปัสสาวะ และยังคงพยายามเอาชนะหลินเซี่ยเหมือนไก่ชน หล่อนจึงพูดกับเฉินเจียซิ่งว่า “เจียซิ่ง ลูกพาเสี่ยวเหมยเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
จากนั้นหล่อนก็เดินไปด้านหน้าหลินเซี่ย
เวลานี้หลินเซี่ยอารมณ์ไม่ดีเป็นพิเศษ เมื่อเห็นโจวลี่หรงเดินเข้ามา เธอไม่ได้ขยับตัว เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมอง ขณะรอให้อีกฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหว
ขนาดหลังจากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่แม่สามีกลับยังคงปกป้องเสิ่นเสี่ยวเหมยอย่างไม่มีเงื่อนไข
“หลินเซี่ย เธอก็เห็นแล้วว่าตัวเธอและเสิ่นเสี่ยวเหมยเข้ากันไม่ได้เลย ครอบครัวตระกูลเฉินของเรารับไม่ได้กับอารมณ์ร้อนของเธอ ฉันหวังว่าเธอจะจากไปเองด้วยความสมัครใจ ฉันไม่รู้ว่าสินสอดเท่าไหร่ แต่ครอบครัวของเธอรับไปแล้ว เราจะไม่ขอเงินนั้นคืน เธอไปตามทางของเธอ ออกจากชีวิตเจียเหอ แล้วเธอจะพบคู่ครองที่เหมาะสมในอนาคต ยังไงพวกเธอก็ยังไม่ได้จดทะเบียนกัน มันคงไม่เป็นอุปสรรคต่อการพบชายอื่น”
วันนี้น้ำเสียงของโจวลี่หรงนุ่มนวลลงมาก หล่อนใช้วิธีโน้มน้าวใจด้วยเหตุผล แต่คำพูดยังคงเอาแต่ใจและหยิ่งผยอง
หู่จือยืนอยู่ด้านหลังหลินเซี่ย เมื่อโจวลี่หรงเดินเข้ามา เขาก็ต้องการซ่อนตัว แต่หลังจากได้ยินว่าหล่อนไล่หลินเซี่ยออกไปอีกครั้ง หู่จือจึงเกิดความวิตกกังวล เขาจึงลุกขึ้นยืนอย่างกล้าหาญและกล่าวด้วยเสียงสั่นเทา
“คุณย่า ถ้าคุณไล่หล่อนออกจากบ้านอีก พ่อกลับมาเขาต้องโกรธแน่”
เมื่อพ่อกลับมา เขาจะสามารถปกป้องแม่เลี้ยงใจร้ายได้
หลังจากที่โจวลี่หรงได้ยินคำพูดของหู่จือ หล่อนหันไปจ้องเขม็งใส่เขาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ
“ใครบอกให้เธอเข้ามาขัดจังหวะเวลาที่ผู้ใหญ่คุยกัน? ปกติพ่อเธอไม่ได้สั่งสอนหรือยังไง?”
หู่จือถอยกลับด้วยความหวาดกลัว
เมื่อเผชิญกับข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลของโจวลี่หรง หลินเซี่ยเพียงยิ้มเยาะ เธอไม่ถอยกลับ แล้วยังเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย “ฉันแต่งงานกับเจียเหอแล้ว ไม่ว่าการแต่งงานของเราจะนับหรือไม่ก็ตาม เราทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจในเรื่องนี้ คุณไม่สามารถเข้ามาตัดสินใจแทนเราได้”
สิ้นเสียงหลินเซี่ย เธอก็เตะอ่างออกไปให้พ้นทาง ก่อนดึงหู่จือกลับเข้าไปในตัวบ้าน
โจวลี่หรงมองหลินเซี่ยที่เดินจากไปด้วยความเคืองขุ่น
ผู้เฒ่าโจวได้รับชมการทะเลาะวิวาทในลานบ้านผ่านทางหน้าต่าง
เขาพูดกับโจวลี่หรงด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรว่า “ลี่หรง ถ้ายังสร้างปัญหาอยู่แบบนี้ แกก็กลับไปในเมืองเสียเถอะ แกไม่กลับมาหลายปีแล้ว พอกลับมาถึงบ้านก็มาเอะอะโวยวายทันที ตอนแรกกังวลว่าลูกชายไม่ยอมแต่งงาน พอตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว แกยังมายุ่งวุ่นวายทุกเรื่องอีกทำไม?”
ผู้เฒ่าโจวตะโกนบอกเฉินเจียซิ่งในห้องตะวันออกอีกครั้ง “เจียซิ่ง ไปหาอ่างใหม่มาชดเชยให้พี่สะใภ้ของหลานด้วย ทำเกินเลยจนไม่รู้ขอบเขตกันเลยจริง ๆ”
…
เสิ่นเสี่ยวเหมยกลับเข้ามาในบ้านพร้อมน้ำตาไหลอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และโยนเสื้อสเวตเตอร์ที่เปื้อนปัสสาวะลงพื้น ก่อนเก็บข้าวของของตนเองออกไป
หลินเซี่ยหยิ่งยโสเกินไป จนหล่อนเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้เลย
ในอดีตหลินเซี่ยไม่เป็นแบบนี้ แม้หล่อนจะไม่ได้ติดต่อกับหลินเซี่ยเป็นการส่วนตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อใดก็ตามที่หล่อนไปเยี่ยมบ้านลูกพี่ลูกน้อง เด็กสารเลวคนนั้นจะเรียกหล่อนว่าอาหญิงด้วยความเคารพ ทั้งยังมีท่าทางเชื่อฟังอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้เกรงกลัวลูกพี่ลูกน้องของหล่อน
หล่อนไม่เคยเห็นเด็กสาวระเบิดอารมณ์รุนแรงขนาดนี้มาก่อน
หรือว่าเด็กนั่นจะหยุดเสแสร้งทันทีหลังจากกลับมาชนบท?
เสิ่นเสี่ยวเหมยโกรธมากที่หลินเซี่ยเตะอ่างปัสสาวะรดตัวหล่อน แต่กลับเอาคืนอีกฝ่ายไม่ได้ หล่อนจึงระบายความโกรธลงที่เฉินเจียซิ่งแทน “เฉินเจียซิ่ง คุณมันไร้ประโยชน์ ภรรยาของคุณถูกกลั่นแกล้ง แต่สิ่งที่คุณทำกลับมีแค่พยายามทำให้สถานการณ์สงบลง”
เฉินเจียซิ่งไม่ชอบกลิ่นปัสสาวะบนร่างกายของเสิ่นเสี่ยวเหมย เขาจึงยืนห่างหล่อน “แล้วคุณอยากให้ผมทำอะไร? คุณก็รู้ใช่ไหมว่าผมทุบตีหล่อนไม่ได้?”
“ทำไมจะตีมันไม่ได้? คุณดูสภาพของฉันสิว่าย่ำแย่ขนาดไหน ต่อให้ตีมันสักครั้งสองครั้งก็ยังไม่สาสมเลยด้วยซ้ำ”
หล่อนอยากจะลงมือทุบตีด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นได้เลย
เฉินเจียซิ่งกล่าว “ไม่ว่าหล่อนจะเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นผู้หญิง แล้วจะให้ผมไปทุบตีผู้หญิงได้ยังไง? เรื่องราวมันจะกลายเป็นใหญ่โตน่ะสิ”
อีกอย่างมันเป็นพวกเขาเองที่ทำผิดในเรื่องนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากสมน้ำหน้าค่ะ ว้ายๆๆ อย่าคิดว่าเขาจะเป็นเหยื่อของตัวเองตลอดไปสิ
ไหหม่า(海馬)