ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 200 เสิ่นเถี่ยจวินมาหา
ตอนที่ 200 เสิ่นเถี่ยจวินมาหา
ตอนที่ 200 เสิ่นเถี่ยจวินมาหา
ผู้เฒ่าเซี่ยถามเสิ่นเถี่ยจวินอีกครั้ง “การเรียนของอวี้อิ๋งไปถึงไหนแล้ว?”
เมื่อพูดถึงลูกสาว ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินก็อึดอัดเหมือนคนจมน้ำ “หล่อนไปอยู่หอพักในโรงเรียน ไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วแล้วครับ”
ผู้เฒ่าเซี่ยได้ยินแบบนั้นก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง “ดีแล้ว ถือว่าเด็กคนนี้มีความทะเยอทะยาน”
อาจารย์จางได้ยินว่าพวกเขาใส่ใจกับลูกสาวที่เพิ่งกลับมาหลังพลัดพรากไปจากอกโดยที่ไม่ได้พูดถึงลูกชายซึ่งกำลังนอนป่วยเป็นเจ้าชายนิทราเลย สีหน้าของนางก็มืดมนลงเล็กน้อย
“พูดถึงเรื่องนี้ แม่มีอะไรจะบอกพวกเธออยู่พอดี ได้ยินมาว่าหมอเย่หงหรูเดินทางมาที่ไห่เฉิง ถ้าพอมีเวลาว่างก็ให้เขาลองรักษาอวี้หลงดู ในเมื่อการแพทย์แผนตะวันตกไม่มีความหวัง ถ้าอย่างนั้นก็ลองรักษาการแพทย์จีนดู ตอนนี้ลูกชายตัวเองยังนอนโคม่าบนเตียงผู้ป่วยแท้ ๆ จะเอาแต่โหมงานหนักกันไปถึงเมื่อไหร่? “
“แม่ แม่กำลังพูดถึงหมอเทวดาเย่คนนั้นใช่ไหมคะ?” เซี่ยหลานหันไปมองทันที ถามอย่างรีบเร่ง
เฉินเจียเหอก็เหลือบมองไปยังอาจารย์จางเช่นกัน
อาจารย์จางพยักหน้า “ใช่ เขานั่นแหละ”
“ถ้ามีโอกาสก็ลองไปเชิญหมอเย่ให้มารักษาอวี้หลงดู ฝีมือของเขานับว่ายอดเยี่ยมมาก”
เซี่ยหลานรีบถาม “แม่คะ ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกช่องทางการติดต่อกับหมอเทวดาคนนั้นให้หน่อยสิคะ ให้เขาช่วยมาตรวจดูอาการของอวี้หลง”
“ถ้าลูกยินดีจะยอมรับการรักษาแบบแพทย์แผนจีน แม่ก็จะลองติดต่อเขาให้ แต่จะต้องมีความไว้วางใจในศาสตร์แพทย์จีนอย่างเพียงพอ ไม่อย่างนั้นก็ถือว่าไม่ให้เกียรติผู้รักษา”
เฉินเจียเหอได้ยินว่าอาจารย์จางพูดถึงหมอแผนจีนที่ชื่อเย่หงหรู เขาก็ถามว่า “อาจารย์จางครับ คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้หมอเทวดาเย่คนนั้นอยู่ที่ไหน?”
อาจารย์จางพยักหน้า “รู้สิ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยส่งที่อยู่ของเขาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ? ครอบครัวผมกำลังตามข่าวคราวของเขาอยู่พอดีเลย อยากให้เขาช่วยรักษาอาการของน้องชายผม”
เฉินเจียเหอเอ่ยอย่างจริงใจ ที่จริงอาการป่วยลูกชายคนที่สามของตระกูลเฉิน ทั้งผู้เฒ่าเซี่ยและอาจารย์ต่างก็ได้ยินผ่านหูมาบ้าง “ได้ ไว้ฉันจะเขียนที่อยู่ทิ้งไว้ให้ แล้วเธอค่อยไปเยี่ยมเขาทีหลัง”
“เป็นพระคุณมากเลย ขอบคุณครับ”
เฉินเจียเหอไม่นึกเลยว่าการมาเยี่ยมเยียนบ้านตระกูลเซี่ยในวันนี้ จะทำให้เขาได้รับประโยชน์โดยไม่คาดคิด
หลังมื้ออาหารเย็น ทั้งสองก็ขอตัวลาจากตระกูลเซี่ย เซี่ยไห่ได้แต่ถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าฉันต้องเริ่มสืบความจริงจากสถานที่ที่พี่ใหญ่ไปอาศัยอยู่ในช่วงหกเดือนให้หลังแล้ว”
เฉินเจียเหอเสนอ “ถ้านายพอมีเวลา ฉันว่านายลองไปที่เขตเทศมณฑลซีเหอด้วยตัวเองดู ไปถึงสถานที่จริงแล้วค่อยตามรอยจากที่ที่พี่เซี่ยเคยอาศัยอยู่ในปีนั้น เผื่อจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง”
“ฉันต้องกลับไปรายงานสถานการณ์ให้แม่กับพี่สาวฉันฟังก่อน หลังจากนี้ค่อยวางแผนตามสืบ”บราวนี่ออนไลน์
เฉินเจียเหอมาเป็นเพื่อนเซี่ยไห่เพื่อสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับพี่ชาย ปรากฏว่าได้ข้อมูลของหมอแผนจีนเย่กลับไปบอกกล่าวกับครอบครัวโดยไม่คาดคิด
หลังจากเสิ่นเสี่ยวเหมยกลับมาที่บ้านหลังเลิกงาน หล่อนก็เอาแต่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
บรรยากาศภายในบ้านพลันอึมครึม
ตอนนี้ พอพวกเขาได้ยินว่าเฉินเจียเหอรู้ที่อยู่ปัจจุบันของหมอแผนจีนแซ่เย่คนนั้นแล้ว ผู้เฒ่าเฉินซึ่งเดิมทีโกรธมากก็โพล่งขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ดีๆๆ ฉันเข้าใจแล้ว ไว้ฉันจะบอกพ่อแม่ของเธอ แล้วจากนั้นพวกเราจะพาเจียวั่งไปที่นั่นเพื่อขอรับการรักษาจากเขา”
ไม่มีใครสนใจเสิ่นเสี่ยวเหมยอีกต่อไป
เฉินเจียซิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เอาล่ะ ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องชั้นบนกันเถอะ วันนี้หลินเซี่ยไม่น่ากลับมาที่บ้านแน่ คุณหมดโอกาสที่จะสำแดงฤทธิ์เดชต่อหน้าหล่อนแล้ว”
เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้ว่าตัวเองถูกเจียซิ่งเล็งเห็นเจตนาที่ไม่ดีของตัวเอง ทันใดนั้นก็โกรธขึ้นมา “เฉินเจียซิ่ง คุณหมายความว่าไง?”
“อย่าไปสนใจเลยน่า คุณบ่นอยากนอนพักไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ขึ้นไปพักบนห้องเถอะ”
เฉินเจียซิ่งเดินขึ้นไปข้างบนก่อน เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ร้องตะโกนลั่นให้เขากลับลงมาช่วยประคองตัวเอง
คุณย่าเฉินทนเห็นสภาพอีกฝ่ายไม่ไหว จึงพูดอย่างเสียไม่ได้ “เสี่ยวเหมย ก้อนเลือดในท้องยังไม่ทันจะเป็นตัวเลยด้วยซ้ำ ไว้ค่อยให้เจียซิ่งพาเธอไปโรงพยาบาลแล้วตรวจดูว่าอายุครรภ์กี่วันกันแน่ ฉันเห็นว่าช่วงนี้เธอไม่ค่อยมีความอยากอาหารสักเท่าไหร่เลย ถ้าอย่างนั้นให้หมอช่วยแนะนำแนวทางการบำรุงหน่อยก็ดี ไม่งั้นเธอไม่มีวันคุ้นชินกับอาหารที่บ้านเรากินง่าย ๆ แน่ ทุกคนจะพลอยไม่มีความสุขไปซะเปล่า”
“คุณย่า ช่วงนี้ฉันงานยุ่งมากจริง ๆ ค่ะ ไว้สัปดาห์หน้าค่อยไปตรวจแล้วกันนะคะ”
เมื่อเห็นเฉินเจียซิ่งไม่มีวี่แววว่าจะลงมาช่วยหล่อน เสิ่นเสี่ยวเหมยจึงจำใจเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนด้วยตัวเอง
“เจียเหอได้ที่อยู่ของหมอแผนจีนเย่มาแล้ว ทางที่ดีพวกเราควรไปเยี่ยมเขาในวันพรุ่งนี้เลย ต่อจากนี้เจียวั่งจะต้องทุ่มเทแรงกายใจทั้งหมดไปที่กระบวนการรักษา อย่าให้ใครทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่อภาวะอารมณ์ของเขาเด็ดขาด” ผู้เฒ่าเฉินหันไปสั่งเฉินเจิ้นเจียง “ให้เจียซิ่งพาภรรยาของเขาย้ายออกไปก่อนเถอะ”
เฉินเจียเหอคิดจะคุยกับหลินเซี่ยเกี่ยวกับทัศนคติที่ผิดปกติวิสัยของเสิ่นเถี่ยจวินหลังกลับมาถึงบ้าน แต่เมื่อเขาเดินเข้าบ้านมา ก็เห็นว่าทั้งหลินเซี่ยและหู่จือนอนหลับไปแล้ว
คนหนึ่งนอนหงาย อีกคนหนึ่งฟุบลงกับเตียง
หนังสือนิทานของหู่จือก็วางอยู่บนเตียงเหมือนกัน
เขาหยิบหนังสือนิทานออกไปวางอีกที่ ตั้งใจจะอุ้มหู่จือกลับไปนอนในห้องของตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอื้อมมือออกไป เด็กน้อยกลับพลิกตัวไปกอดหลินเซี่ย แถมยังกอดไว้แน่นด้วยสองแขนน้อย ๆ ที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก
เพราะกลัวว่าการเคลื่อนไหวของตัวเองอาจเป็นการปลุกทั้งคู่ เฉินเจียเหอจึงต้องยอมแพ้ ถอดเสื้อออกอย่างเงียบเชียบ แล้วปีนขึ้นไปนอนอยู่ตรงขอบเตียง
…
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อหลินเซี่ยไปที่ร้านตัดผมและเห็นชุนฟางยังไม่มา เธอจึงเปิดประตูร้านทันที ยังไม่ทันจะจัดการเตรียมเครื่องทำน้ำอุ่นก็มีคนเดินเข้ามาถึงหน้าประตู
“ขอโทษด้วยนะคะ พอดียังเตรียมน้ำอุ่นสำหรับสระผมไม่เสร็จ เกรงว่าคงไม่สะดวก…”
เมื่อเธอหันกลับมาก็เห็นชายวัยกลางคนที่หน้าตาคุ้นเคยแต่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบ กำลังเดินเข้ามาในร้าน
หลินเซี่ยทักทายเขาอย่างสุภาพ “ผู้อำนวยการเสิ่น?”
เสิ่นเถี่ยจวินได้ยินหลินเซี่ยเรียกตัวเองด้วยชื่อที่ห่างเหินแบบนั้น สีหน้าก็ปรากฏความไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะมองเธออย่างมีความหมาย “ไม่คิดจะเรียกฉันว่าพ่อแล้วหรือไง?”
“เชิญนั่งค่ะ” หลินเซี่ยได้ยินแล้วก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนคำเรียก รีบดึงเก้าอี้ออกมาตรงหน้าเขาอย่างมีมารยาท ก่อนจะไปรินน้ำหนึ่งแก้ว “ดื่มน้ำก่อนนะคะ”
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเสิ่นเถี่ยจวินค่อนข้างห่างเหินมาตั้งแต่สมัยเธอยังเด็ก ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องฝืนวางตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแต่อย่างใด
เสิ่นเถี่ยจวินขยับไปจับแก้วน้ำ มองดูรอบ ๆ ร้านตัดผม ถามว่า “กิจการเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็เรื่อย ๆ ค่ะ”
หลินเซี่ยยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เสิ่นเถี่ยจวินจึงส่งสัญญาณให้เธอ “นั่งลงสิ”
“โอ้” หลินเซี่ยดึงเก้าอี้อีกตัวเข้ามาก่อนจะนั่งลง
เสิ่นเถี่ยจวินพูดกลั้วหัวเราะ “เธอเปิดร้านตัดผมเป็นกิจจะลักษณะได้จริง ๆ ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลย”
น้ำเสียงของเสิ่นเถี่ยจวินแสดงอาการดูถูกอย่างรุนแรง
หลินเซี่ยรับฟังขณะมองรอยยิ้มเสแสร้งของเขา รู้สึกอึดอัดมาก
สำหรับพวกเขาแล้ว ทุกคนต่างก็มองเธอเป็นแค่คนโง่ไร้ทักษะ จะเอาปัญญาจากไหนมาคาดหวังว่าสักวันจะเปิดร้านเป็นของตัวเองได้กันล่ะ?
หลินเซี่ยยังคงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ฉันเคยถูกคุณกับหมอเซี่ยเลี้ยงดูประคบประหงมเหมือนเป็นเจ้าหญิง ชีวิตไม่เคยต้องกังวลอะไร ไม่รู้ความยากลำบากของการใช้ชีวิต แต่ตอนนี้ฉันต้องปรับตัวเพื่อที่จะดูแลตัวเองค่ะ”
คำพูดของหลินเซี่ยทำให้เสิ่นเถี่ยจวินรู้สึกหน้าม้านและเก้อกระดาก
หรืออาจมองว่าคำพูดของเธอเป็นไปในเชิงแดกกันก็ได้
เขามองหน้าเธอ แล้วอธิบายอย่างจริงใจ “เซี่ยเซี่ย เมื่อก่อนฉันอาจจะทำหน้าที่พ่อในบางแง่มุมได้ไม่ดีเท่าที่ควรก็จริง แต่นั่นเป็นเพราะฉันเอาแต่ยุ่งอยู่กับงานในโรงงาน ทำให้ฉันไม่มีเวลาให้เธอกับน้องชายอย่างเพียงพอ ถึงตอนนี้แล้วฉันได้แต่หวังว่าเธอจะเข้าใจ”
หลินเซี่ยยิ้มพลางส่ายหัว “อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ คุณทำหน้าที่พ่อได้ดีแล้ว ฉันโชคดีที่ครั้งหนึ่งเคยมีพ่อแบบคุณ”
สีหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเหมือนพ่อที่เต็มไปด้วยความเมตตาปรานี “อวี้อิ๋งเคยพูดถึงเธอมากกว่าหนึ่งครั้ง ทำให้พวกเราอดคาดหวังไม่ได้ว่าเธอจะยอมกลับบ้าน เรายังยินดีต้อนรับเธอเสมอ แม่ก็ยินดีต้อนรับเธอกลับไปเป็นลูกสาวของครอบครัวเราอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่อยากกลับไป?”
“คุณอย่าคิดมากเกินไปเลยค่ะ ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับการเลี้ยงดูจากพวกคุณในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาเสมอ แต่ในเมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งตัวจริงกลับบ้านแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องแย่งตำแหน่งลูกสาวกับหล่อนอีก สิ่งที่ฉันเป็นอยู่ในตอนนี้ก็มีความสุขดีแล้ว”
“ไม่แปลกหรอกที่เธอจะมีความสุข ฉันกำชับกับเฉินเจียเหอหลายครั้งเมื่อเจอกันว่าให้เขาปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี แล้วเขาก็เชื่อฟังฉัน”
หลินเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
เสิ่นเถี่ยจวินพูดต่อ “แม่สามีของเธอก็อีกคน มีครั้งหนึ่งที่แม่พูดกับเธออย่างจริงจังว่าให้ครอบครัวของพวกเขาทำดีต่อเธอให้มาก ๆ ไม่อย่างนั้นจะถือเป็นการไม่ให้เกียรติพวกเราเช่นเดียวกัน”
หลินเซี่ย “!!!”
………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
งงกับลุงจังค่ะ อยู่ๆ ก็มาพูดดีด้วย มีจุดประสงค์อะไรกันแน่คะ ไม่อยากให้ความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดเซี่ยเซี่ยมากระทบตระกูลเสิ่นก็เลยมาดักคอไว้ก่อนงี้เหรอ
ไหหม่า(海馬)