ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 204 เรื่องของพ่อตา
ตอนที่ 204 เรื่องของพ่อตา
ตอนที่ 204 เรื่องของพ่อตา
ทักษะในการเอาตัวรอดและความสามารถในการโต้ตอบของเฉินเจียเหอเรียกได้ว่าพัฒนาขึ้นแล้ว เขามองไปที่หลินเซี่ย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “ถ้าอย่างนั้น ผมจะใส่อยู่บ้านให้คุณเห็นคนเดียว”
หู่จือยังนั่งกินขนมอยู่ข้าง ๆ แต่การขยับเข้ามาใกล้ของเขาทำให้เธอหน้าแดงก่ำ เธอรีบถอยออกห่าง เว้นระยะห่างระหว่างเธอกับเขา
จากนั้นส่งสายตาเป็นเชิงเตือนว่าหู่จือยังอยู่
เฉินเจียเหอหัวเราะเบา ๆ ยืดตัวตรงแล้วพูดว่า
“เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยทำเสื้อตัวใหม่ของหู่จือต่อก็แล้วกัน วันนี้ไปนอนก่อนเถอะ”
หู่จือยัดช็อคโกแลตเข้าปากแล้วบ่นอย่างไม่พอใจ “พ่อ ขนาดพ่อยังได้ใส่เสื้อตัวใหม่ในวันนี้เลย แล้วทำไมผมถึงต้องรอจนกว่าจะวันพรุ่งนี้ด้วยล่ะ?”
“ดูเวลาสิว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว? แม่ของลูกทำงานหนักมาทั้งวัน ถ้าคืนนี้หล่อนนอนดึก เดี๋ยววันพรุ่งนี้ก็ลุกไม่ขึ้นหรอก”
หู่จือเป็นเด็กชายตัวน้อยที่รู้ความ เขาคิดว่าเมื่อเช้าหลังจากเขาตื่นนอน ก็เห็นว่าแม่อ้าปากหาวเหมือนคนนอนไม่พอ จึงจ้องมองไปที่พ่อของเขา
หู่จือเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเกรงใจขึ้นมากทันที “เข้าใจแล้ว แม่ฮะ พรุ่งนี้แม่ค่อยทำให้ผมก็ได้”
“จ้ะ วันพรุ่งนี้แม่จะจัดการให้นะ”
หลังจากที่หู่จือผล็อยหลับไปแล้ว เฉินเจียเหอก็ปิดประตูและกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง
ทันทีที่เข้ามาในห้อง เขาก็อดไม่ได้ที่จะคลอเคลียกับเธอ
หลังจากผ่านวันอันแสนวุ่นวาย ในที่สุดพวกเขาก็ได้มีค่ำคืนอันแสนสงบ ซึ่งเป็นโลกส่วนตัวของพวกเขาในฐานะคู่รักหนุ่มสาว หลินเซี่ยเองก็เพลิดเพลินกับช่วงเวลานี้เช่นเดียวกัน
เธอโอบแขนไว้รอบคอเขา ยืนเขย่งเท้า ก่อนจะฉวยจูบแก้มเขาข้างหนึ่ง
“ข้างนี้ด้วยสิ” เฉินเจียเหอหันหน้าไปทางซ้ายเพื่อรอรับการจูบ
หลินเซี่ยจูบแก้มเขาอีกครั้งอย่างให้ความร่วมมือ
เป็นเรื่องยากที่เฉินเจียเหอไม่ผลักเธอลงเตียงในคืนนี้
เขาเปลี่ยนมาใส่ชุดนอน จากนั้นก็เอนตัวลงนอนบนเตียงครึ่งหนึ่ง รอจนเธอขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกันแล้ว เขาถึงเริ่มคุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องธุระสำคัญ “เซี่ยเซี่ย เมื่อกี้นี้ผมเพิ่งคุยกับเซี่ยไห่ บังเอิญคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของเซี่ยหลานกับเสิ่นเถี่ยจวินขึ้นมา”
“เป็นยังไงบ้างคะ? ได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมบ้างไหม?” หลินเซี่ยเข้ามาซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วถามอย่างกระตือรือร้น
เฉินเจียเหอกอดเธอไว้แล้วพูดว่า “ได้ยินเซี่ยไห่เล่าให้ฟังว่าเซี่ยหลานเคยชอบพี่ใหญ่ของเขา สมัยที่พวกเขาทุกคนยังเป็นวัยรุ่น เซี่ยหลานเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่บูชาความรักมาก พอรู้ว่าพี่ใหญ่ของเซี่ยไห่เข้าร่วมกับกองทัพ หล่อนถึงกับยอมออกจากไห่เฉิงเพื่อตามเขาไปยังพื้นที่ห่างไกล น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ในตอนนั้นมีแค่หล่อนที่รู้สึกกับเขาเพียงฝ่ายเดียว พอเรียบเรียงจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมเดาว่าเนื่องจากเซี่ยหลานคลอดลูกสาวก่อนกำหนด เสิ่นเถี่ยจวินก็เลยคิดระแวงว่าเด็กทารกเกิดผิดเดือนไปจากที่ควรจะเป็น และพลอยสงสัยว่าเซี่ยหลานเคยลักลอบมีความสัมพันธ์กับเซี่ยไห่ ดังนั้น…”
เมื่อเฉินเจียเหอพูดมาถึงตรงนี้ หลินเซี่ยก็เข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงอะไร
“ดังนั้น เมื่อเขารู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกตัวเอง เขาก็เลยเลือกที่จะสลับลูกของเซี่ยหลานไปซะ?” ทันใดนั้นเธอก็ได้ข้อสรุป “ได้ยินคุณพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะได้รับการอธิบายแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฉันรู้สึกมาตลอดว่าทัศนคติของเสิ่นเถี่ยจวินที่มีต่อฉันมาตั้งแต่เด็กมันผิดแปลกไปจากที่ควรจะเป็น แต่เมื่อก่อนฉันไม่เข้าใจว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง ตอนนี้เข้าใจแล้ว เขารู้ว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของเขาตั้งแต่แรก เพราะเขาเป็นคนวางแผนทุกอย่าง”
“ไหนจะท่าทางที่ผู้เฒ่าเสิ่นมีต่อฉันอีก ก่อนหน้านี้ฉันสับสนมาตลอด ในฐานะปู่ ทำไมเขาถึงมองหน้าฉันด้วยความชิงชังรังเกียจขนาดนั้น ต้องเป็นเพราะเขารู้เรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังแน่”
เมื่อฟังคำพูดของเธอ ดวงตาของเฉินเจียเหอก็เต็มไปด้วยความสงสารเห็นใจ เขาไม่พูดอะไรเลย แค่กอดเธอไว้ให้แน่นขึ้นในอ้อมแขนของเขา
หลินเซี่ยขุ่นเคือง “ฉันไม่นึกเลยว่าเสิ่นเถี่ยจวินและผู้เฒ่าเสิ่นที่มองจากภายนอกแล้วเต็มไปด้วยความสง่างามน่าเชื่อถือจะเป็นคนที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายขนาดนี้ ข้อมูลทางการแพทย์พิสูจน์แล้วว่าเซี่ยหลานไม่เคยทรยศเขาเลย”
“ถ้าเซี่ยหลานรู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของเสิ่นเถี่ยจวิน หล่อนต้องฟ้องหย่ากับผู้ชายน่าขยะแขยงคนนั้นแน่”
ชาติที่แล้ว เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสามีภรรยามีบางอย่างที่ไม่ปกติ ดูเหมือนจะเหินห่างจากกันเล็กน้อย
ต่อมาเมื่อเสิ่นเถี่ยจวินกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เซี่ยหลานจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยืนหยัดเพื่อลูก ๆ ของตัวเอง
เฉินเจียเหอกลับคิดว่าการวิเคราะห์ของหลินเซี่ยถูกต้องเพียงครึ่งเดียว
บางทีเสิ่นเถี่ยจวินอาจเป็นคนสลับตัวเด็กเองก็จริง แต่จากภาวะอารมณ์ที่ซับซ้อนของเขาเมื่อเผชิญหน้ากับหลินเซี่ยเป็นเวลานานหลายปี อาจไม่ใช่เพียงเพราะเขารู้ว่าหลินเซี่ยไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง
สิ่งที่ทำให้เรื่องต่างยิ่งเลวร้ายลงไปอีกสำหรับเขา ก็คือเด็กที่เขาเป็นคนสลับกับมือตัวเอง ดันไปหน้าตาละม้ายคล้ายกับน้องสาวของศัตรูหัวใจอีกเมื่อเธอเริ่มเติบโตขึ้น
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาคับข้องใจมากที่สุด
เขายอมเสี่ยงเอาเด็กคนอื่นมาเลี้ยงแทนเสิ่นอวี้อิ๋งตัวจริง เพราะเขาสงสัยว่าเซี่ยหลานอาจตั้งท้องลูกกับเซี่ยเหลย แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังคงไม่สามารถหลีกหนีชะตากรรมแบบเดิมได้
ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา เสิ่นเถี่ยจวินสงสัยในการกระทำของตัวเองบ้างไหม? สงสัยบ้างหรือเปล่าว่าทำไมตัวเองสลับเด็กแล้วแต่ก็ยังหนีเงาผู้ชายคนนั้นไม่พ้น?
สำหรับผู้เฒ่าเสิ่น บางทีเขาอาจไม่รู้ว่าเสิ่นเถี่ยจวินทำอะไรลงไป เขารู้แค่ว่าหลินเซี่ยหน้าเหมือนเซี่ยอวี่ จึงพาลสงสัยว่าเซี่ยหลานคบชู้และสวมเขาให้ลูกชายตัวเอง ดังนั้นเขาจึงเกลียดหลินเซี่ยมาโดยตลอด และเห็นได้ชัดว่าเซี่ยหลานไม่ค่อยสนิทสนมใกล้ชิดกับตระกูลเสิ่นสักเท่าใด
“เซี่ยเซี่ย เซี่ยไห่เคยบอกคุณหรือเปล่าว่าคุณหน้าเหมือนพี่สาวของเขา?” เฉินเจียเหอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็เจาะลึกหัวข้อนี้เพื่อหยั่งเชิงดู
หลินเซี่ยได้ยินแบบนั้นก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “ดูเหมือนเขาเคยพูดถึงเรื่องนี้แล้วนะ แต่ตอนนั้นฉันคิดว่านั่นเป็นแค่วลีที่เขาหยิบยกขึ้นมาอ้างมั่ว ๆ ผู้ชายคนนั้นเวลาคุยกับคนอื่นก็ชอบพูดจาไปเรื่อยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เฉินเจียเหอหัวเราะเบา ๆ “เปล่าหรอก จากที่เซี่ยไห่บอก คุณหน้าตาคล้ายคลึงกับพี่สาวของเขามากจริง ๆ”
“เอ่อ… ที่จริง ตอนที่เขาเจอหน้าฉันครั้งแรก เขาก็ทำตัวแปลก ๆ และมักจะมาติดพันฉัน นั่นก็เพราะฉันหน้าเหมือนพี่สาวเขาหรอกเหรอ? ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเล่าให้คุณฟังด้วยซ้ำว่าตอนที่เขาเจอฉันครั้งแรก เขาทำตัวเจ้าชู้และไม่น่าไว้ใจมาก เขาเอาแต่มองฉัน แต่หลังจากเราติดต่อกันบ่อยขึ้น ฉันถึงรู้ว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ที่แท้สิ่งที่เขาพูดก็เป็นเรื่องจริงนี่เอง”
“พี่สาวของเขาอยู่ที่ไหนคะ? คุณเคยเห็นหล่อนหรือเปล่า?” หลินเซี่ยถามเฉินเจียเหออย่างสงสัย
เฉินเจียเหอส่ายหน้า “ผมไม่มีโอกาสได้เจอหล่อน แต่ได้ยินมาว่าเซี่ยหลานกับหล่อนเคยคบหากันเป็นพี่สาวน้องสาว ไม่นานหล่อนก็ย้ายไปอยู่ฮ่องกงเพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพ และเข้าสู่วงการบันเทิง”
เมื่อได้ยินเฉินเจียเหอบอกว่าหล่อนเข้าสู่วงการบันเทิง บางอย่างพลันผุดขึ้นในใจหลินเซี่ย เธอรีบโพล่งออกมาทันทีว่า “หล่อนชื่อเซี่ยอวี่หรือเปล่า?”
ชาติที่แล้ว เธอทำงานเป็นสไตลิสต์ เคยร่วมงานกับทีมงานมากหน้าหลายตา เธอจำได้ราง ๆ ว่าหนึ่งในนักแสดงที่เธอเคยทำงานด้วยบังเอิญมาจากฮ่องกง และจำผิดนึกว่าเธอเป็นนักแสดงมากประสบการณ์คนนั้น ตอนที่เธอแต่งหน้าให้อีกฝ่าย นักแสดงคนนั้นพูดแกมหยอกว่าเธอหน้าเหมือนราชินีเซี่ยอวี่อิ่ง
แต่ในเวลานั้นดูเหมือนว่าเซี่ยอวี่จะออกจากวงการไปแล้ว ไม่ได้ออกงานสังคมอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงไม่เคยได้รับเกียรติเจออีกฝ่ายด้วยตนเอง
ตอนนั้นเธอยังคิดอยู่เลยว่าเป็นแค่เรื่องน่าขันของรุ่นพี่เท่านั้น
เฉินเจียเหอเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “คุณเคยได้ยินเรื่องของหล่อนด้วยเหรอ?”
ดวงตาของหลินเซี่ยกะพริบปริบ ก่อนจะตอบว่า “ค่ะ เหมือนฉันจะได้ยินมาจากเซี่ยหลานอีกที”
ตอนนี้หัวข้อสนทนาเลยเถิดมาถึงจุดนี้แล้ว เพื่อยืนยันการคาดเดาภายในใจ เฉินเจียเหอจึงถามหลินเซี่ยอย่างลังเลว่า “เซี่ยเซี่ย ผมไม่เคยถามเรื่องนี้เลย แม่ยายเคยเล่าเรื่องพ่อตาผู้ล่วงลับให้คุณฟังบ้างไหม?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ต้นเหตุความวุ่นวายมาจากตระกูลเสิ่นอีกแล้ว คนตระกูลนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย
ไหหม่า(海馬)