ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 205 สลับตัวลูกสาว
ตอนที่ 205 สลับตัวลูกสาว
ตอนที่ 205 สลับตัวลูกสาว
เมื่อได้ยินเฉินเจียเหอพูดถึงพ่อของเธออย่างกะทันหัน หลินเซี่ยก็เงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ฉันรู้แค่ว่าเขาตายไปตั้งแต่สามปีที่แล้ว ทำไมจู่ ๆ ก็ถามถึงเขาขึ้นมาล่ะคะ?”
“ผมแค่อยากรู้เรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับพ่อตาเท่านั้นเอง”
“ได้ยินแม่เล่าว่าหลินต้าฝูพ่อของฉันเป็นพ่อที่ดีมาก ๆ คนหนึ่ง เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ยี่สิบปีก่อนเสิ่นอวี้อิ๋งคงตายไปนานแล้ว”
“ครอบครัวเดิมของแม่ยายมาจากเทศมณฑลซีเหอหรือเปล่า?” เฉินเจียเหอถามต่อไป
หลินเซี่ยพยักหน้า “ดูเหมือนท่านเคยเล่าครั้งหนึ่งว่ามาจากซีเหอนะคะ แต่ก็ได้ยินมาอีกว่าปัจจุบันไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวของท่านอีกเลยหลังออกมาแต่งงานในพื้นที่ห่างไกล”
“โอ้”
เฉินเจียเหอพยักหน้าพร้อมทำหน้าตาครุ่นคิด
หลินเซี่ยผู้ซึ่งสงสัยในประสบการณ์ชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว เริ่มรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างจากปฏิกิริยาของเฉินเจียเหอ
เฉินเจียเหอกอดเธอไว้อย่างเดียว ไม่ยอมพูดอะไรอีก
ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องก็เงียบลง คำพูดของเฉินเจียเหอเมื่อครู่นี้ก็ถูกเล่นซ้ำ และค่อย ๆ เรียงลำดับเหตุการณ์ภายในใจของหลินเซี่ย
เซี่ยหลานเคยชอบพี่ชายของเซี่ยไห่ หล่อนติดตามเขาไปยังพื้นที่ห่างไกลด้วยเหตุนี้…
แล้วเธอก็หน้าตาเหมือนพี่สาวของเซี่ยไห่…
ดังนั้น เสิ่นเถี่ยจวินจึงตัดสินใจสลับตัวลูกสาว!
ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเสิ่นเถี่ยจวินถึงมองตัวเองด้วยสายตาที่มืดมนอยู่เสมอ และทำไมผู้เฒ่าเสิ่นถึงได้มองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ตลอดเวลา
ตอนนี้ทุกอย่างสมเหตุสมผลแล้ว
แต่ว่า แล้วทำไมเธอถึงไปหน้าเหมือนพี่สาวของเซี่ยไห่ได้ล่ะ? แถมยังคล้ายกันมากอีกด้วย?
ความน่าจะเป็นที่คนแปลกหน้าสองคนซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดโดยสิ้นเชิงดันมีหน้าตาเหมือนกันเป็นเรื่องที่พบได้น้อยมาก
หลินเซี่ยคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง ทันใดนั้นก็มองไปที่เฉินเจียเหอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
เธอพยายามรักษาน้ำเสียงให้สงบและพูดกับเฉินเจียเหออย่างใจเย็นบราวนี่ออนไลน์
“พี่ใหญ่ของเซี่ยไห่ชื่ออะไรคะ? แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
เฉินเจียเหอตอบ “เขาชื่อเซี่ยเหลย ได้รับบาดเจ็บขณะเข้าร่วมสงครามเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ตอนนี้เขากำลังพักฟื้นร่างกายอยู่ในฮ่องกง”
“เคยเข้าร่วมสงครามด้วยเหรอ?” น้ำเสียงของหลินเซี่ยสั่นเครือ มองดูเขาด้วยความประหลาดใจก่อนจะถามว่า “งั้นก็หมายความว่าเขาเป็นวีรบุรุษน่ะสิ?”
หลินเซี่ยตกใจเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าคนที่เสิ่นอวี้อิ๋งเคยบันทึกไว้ในไดอารี่ก็เป็นวีรบุรุษที่เสียสละเพื่อชาติเช่นกัน…
เป็นไปได้ไหมว่า พ่อที่แท้จริงของเธอจะเป็นพี่ชายของเซี่ยไห่…
เขายังไม่ตาย แต่แค่สูญเสียความทรงจำหรอกเหรอ?
มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย?
หลินเซี่ยแสดงปฏิกิริยาชัดเจนเกินไป จนเฉินเจียเหอสังเกตเห็นผ่านใบหน้าละเอียดอ่อนของเธอ
แต่เขาเลือกที่จะตอบคำถามของเธอก่อน “ใช่ พี่ใหญ่ของเซี่ยไห่เป็นวีรบุรุษที่น่านับถือมาก เขาช่วยชีวิตคนไว้ครึ่งหนึ่งในสนามรบ ต่อมาเซี่ยอวี่พี่สาวของเซี่ยไห่ ก็มารับตัวเขาไปดูแลในระหว่างพักฟื้นที่ฮ่องกง”
เฉินเจียเหอพูดต่อไป “เขาสูญเสียความทรงจำบางส่วน ร่างกายก็ไม่สมบูรณ์อีกต่อไป ถึงอย่างนั้นเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าเขาจะมีสัญญาณของการฟื้นตัว ได้ยินว่าเขาเริ่มละเมอเรียกชื่ออิงจื่อ แต่หลังจากสอบถามไปทั่วแล้วกลับไม่มีใครรู้จักคนที่ว่านี้เลย แม้แต่บรรดาเพื่อน ๆ ก็ไม่รู้จักใครที่ชื่ออิงจื่อ เซี่ยไห่เลยจะเดินทางไปที่มณฑลซีเหอวันพรุ่งนี้ เพื่อค้นหาเบาะแสจากสถานที่ที่พี่ชายของเขาเคยอยู่”
“อิงจื่อ?” หลินเซี่ยต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อนี้
ชื่อนั้นมีตัวอักษรอิง เหมือนกับชื่อแม่ของเธอเลย!
หนำซ้ำแม่ของเธอก็มาจากเทศมณฑลซีเหอเหมือนกัน
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหลินเซี่ยดูว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เฉินเจียเหอก็ถามเบา ๆ “เซี่ยเซี่ย คิดอะไรอยู่?”
เมื่อได้ยินเสียงของเฉินเจียเหอ หลินเซี่ยก็ดึงตัวเองกลับมาจากความคิด ส่งยิ้มแล้วพูดกับเฉินเจียเหอว่า “ในเมื่อแม่ฉันมาจากเทศมณฑลซีเหอ ถ้าอย่างนั้นก็ให้เซี่ยไห่ลองมาคุยกับแม่ฉันเกี่ยวกับภูมิประเทศและเส้นทางของที่นั่นดูก่อนจะออกเดินทางเถอะค่ะ เขาเดินทางตัวคนเดียว ต่อให้หว่านหาเบาะแสไปเรื่อย ๆ ก็เกรงว่าจะไม่พบ”
เธอลองถามคำถามทางอ้อมกับหลิวกุ้ยอิงหลายประการเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตในอดีตของเธอ แต่หลิวกุ้ยอิงไม่เคยตอบคำถาม และพยายามจะหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่าหล่อนไม่อยากให้ใครรู้
เบาะแสเดียวของเธอในตอนนี้ คือประโยคน่าขบคิดไม่กี่ประโยคในไดอารี่ของเสิ่นอวี้อิ๋ง
พรุ่งนี้เธอจะลองพาเซี่ยไห่ไปหาหลิวกุ้ยอิง เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของหลิวกุ้ยอิงอีกแรง
บางทีเซี่ยไห่อาจเจอคนที่เขากำลังตามหาโดยไม่ต้องเดินทางไปยังเทศมณฑลซีเหอก็ได้
หลินเซี่ยแนะนำมาอย่างนี้ เฉินเจียเหอจึงมั่นใจมากขึ้นว่าตัวหลินเซี่ยเองก็อาจจะรู้อะไรบางอย่างเช่นกัน
เธอเป็นคนฉลาดมาก ถ้าหลิวกุ้ยอิงมีความลับซ่อนเร้นไว้จริง ๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนมันไว้จากเธอ
สาเหตุที่เธอไม่ยอมบอกข้อสันนิษฐานโดยตรง อาจเป็นเพราะเธอแค่คาดเดาเหมือนกันกับเขาและไม่มีหลักฐานแน่ชัด ดังนั้นจึงไม่กล้าสงสัยผู้ใหญ่ของตัวเองอย่างหุนหันพลันแล่น
เขายิ้มและพูดว่า “เป็นความคิดที่ดีเลย แม่ยายผมมาจากเมืองซีเหอ ดังนั้นท่านน่าจะช่วยอะไรเซี่ยไห่ได้บ้าง”
“นอนกันเถอะ พรุ่งนี้ผมจะไปหาเซี่ยไห่”
“ราตรีสวัสดิ์”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเจียเหอตื่นแต่เช้าเพื่อไปหาเซี่ยไห่ ตั้งใจจะไปบอกเขาว่าอย่าเพิ่งซื้อตั๋ว ต้องลองไปคุยกับแม่ยายให้รู้เรื่องก่อน จากนั้นค่อยเตรียมตัววางแผนออกเดินทาง
ใครจะคิดว่าหลินจินซานบอกเขาว่าเซี่ยไห่ออกไปที่สถานีรถไฟตั้งแต่ก่อนรุ่งสางแล้ว
เฉินเจียเหอรีบวิ่งตามไปที่สถานีรถไฟอีกครั้งเพื่อตามหาเขา
ถังจวิ้นเฟิงบอกว่าเซี่ยไห่ติดต่อเขามาเมื่อคืน ขอให้เขาช่วยซื้อตั๋วรอบเร็วที่สุด บังเอิญมีรถไฟขบวนหนึ่งวิ่งผ่านเทศมณฑลซีเหอตอนตีห้าพอดี เซี่ยไห่จึงซื้อตั๋วรอบนั้น และเขาก็เป็นคนมาส่งอีกฝ่ายด้วยตัวเอง
เฉินเจียเหอทำท่าหงุดหงิดทันที “เหล่าเซี่ยนั่นจะรีบร้อนอะไรนักหนา?”
ถังจวิ้นเฟิงมองหน้าเฉินเจียเหอที่มีใบหน้ามืดมน ถามด้วยความสับสนว่า “ทำไม เหล่าเซี่ยบอกว่าเขาจะไปที่เทศมณฑลซีเหอเพื่อตามหาใครสักคน แต่เขาไม่ได้บอกฉันนะว่าเขากำลังตามหาใคร ฉันก็เอาแต่ยุ่งอยู่กับการดูแลผู้โดยสารจำนวนมาก หลายวันแล้วที่ไม่ได้แวะไปหา พวกนายสองคนมีอะไรกัน เดี๋ยวนี้หัดรวมหัวกันเก็บความลับจากฉันแล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก” เฉินเจียเหอล้มเหลวในการสกัดกั้นเซี่ยไห่ จึงจำใจกลับบ้านมือเปล่า “ฉันขอตัวก่อน”
ถังจวิ้นเฟิงเกิดความอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยม แต่เฉินเจียเหอเพิกเฉยต่อเขา จึงได้แต่ติดตามเขาไปอย่างไม่ลดละเพื่อถามไถ่
“พี่เฉิน เหล่าเซี่ยคิดจะพาพี่ใหญ่ของเขามาดูแลที่นี่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขายังถ่อสังขารไปที่ซีเหออีกล่ะ? เขาบอกไหมว่าเมื่อไหร่จะพาพี่ชายมาที่ไห่เฉิง? ฉันชักอยากเจอวีรบุรุษนักรบของเราจะแย่แล้ว”
เฉินเจียเหอเดินไปข้างหน้าพลางตอบกลับ “อีกไม่นานหรอก”
“อีกไม่นานที่ว่าน่ะคือเมื่อไหร่? ถ้าเหล่าเซี่ยพาเขากลับมาจริง ๆ แล้วจะให้เขาพักอาศัยอยู่ที่ไหน?”
พวกเขาทั้งสองเดินไปจนถึงหน้าประตูร้านของหลินเซี่ย ถังหลิงก็เดินออกมาจากห้องเต้นรำของเซี่ยไห่พอดี
“พี่สาว” ถังจวิ้นเฟิงทักทายหล่อน
“เจียเหอ จวิ้นเฟิง พวกเธออยู่ที่นี่เองเหรอ” ถังหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อวานนี้ฉันเพิ่งไปคุยกับเถ้าแก่เซี่ยมา”
“เถ้าแก่เซี่ยสัญญากับฉันว่าเขาจะจัดการช่วยตกแต่งโคมไฟที่ร้านให้ฉัน แต่เหมือนเขารีบร้อนออกไปทำธุระอะไรบางอย่าง พวกเธอมาก็ดีแล้ว ช่วยมาให้คำแนะนำเรื่องโคมไฟที่ฉันซื้อมาหน่อยได้ไหม? ถ้าพวกมันดูไม่ดีก็ไม่เป็นไร ไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนพวกมันยกชุด”
ถังหลิงแต่งตัวอย่างประณีตและมีเสน่ห์ มองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มอันแสนหวานบนใบหน้า
ถังจวิ้นเฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของหล่อน
ลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้ไปรู้จักมักจี่กับเซี่ยไห่ตั้งแต่เมื่อไหร่?
หรือว่าหล่อนกับเซี่ยไห่กำลังแอบปิ๊งกันอยู่?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็เยี่ยมไปเลย
คราวนี้ก็จะกำจัดคู่แข่งที่พร้อมทำลายชีวิตแต่งงานของพี่เฉินไปอีกหนึ่ง อีกทั้งเหล่าเซี่ยก็โสดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทั้งสองฝ่ายเป็นทั้งญาติและเพื่อนของเขา เป็นธรรมดาที่เขาจะดีใจมากเมื่อคิดได้อย่างนั้น
ถังหลิงขอให้พวกเขาช่วยไปติชมโคมไฟอันใหม่ แต่เฉินเจียเหอปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเหมือนครั้งที่แล้ว
เขาหันไปพูดกับถังจวิ้นเฟิงว่า
“นายไปก็แล้วกัน ฉันยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ”
หลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในร้านตัดผม
เฉินเจียเหอแทบไม่มองหน้าหล่อนเลยด้วยซ้ำ ทั้งยังแสดงท่าทีไม่สนใจหล่อนมาสองครั้งแล้ว การแสดงออกของถังหลิงพลันแข็งทื่อ มองตามแผ่นหลังของเขาด้วยดวงตาคมเข้ม
ถังจวิ้นเฟิงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทำให้ต้องเดินตามหล่อนไปที่ร้านอย่างเสียไม่ได้
การช่วยถังหลิงวิจารณ์โคมไฟสำหรับแต่งร้านไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะในหัวเขายังเอาแต่คิดวนเวียนกับสิ่งที่เฉินเจอเหอพูดเมื่อกี้ อยากรู้จริง ๆ ว่าไอดอลผู้ยิ่งใหญ่ของเขาจะมาเมื่อใด
เมื่อเฉินเจียเหอมาถึงร้าน หลินเซี่ยก็กำลังเตรียมเปิดร้านร่วมกับชุนฟาง เมื่อเธอเห็นเฉินเจียเหอเข้ามา ก็เหลือบมองผ่านไปข้างหลังเขาด้วยสีหน้าผิดหวัง “เถ้าแก่เซี่ยไปแล้วเหรอคะ?”
“อืม เขาขึ้นรถไฟไปตั้งแต่ตีห้า”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทำท่าจะรู้ความจริงแต่ก็คลาดกันอีกแล้ว เฮ้อ พี่เหอกับเซี่ยเซี่ยต้องลงมือเองแล้วล่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)
—————————————–