ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 214 พ่อแท้ ๆ ของฉันชื่ออะไร
ตอนที่ 214 พ่อแท้ ๆ ของฉันชื่ออะไร?
ตอนที่ 214 พ่อแท้ ๆ ของฉันชื่ออะไร?
หลินเซี่ยจับมือหล่อนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจ “แม่ ไม่ต้องกังวลนะคะ ค่อย ๆ เล่าช้า ๆ”
หลิวกุ้ยอิงยอมเล่าความจริงที่ไม่เป็นความลับอีกต่อไปด้วยความเจ็บปวดอย่างยากลำบาก “ตอนที่แม่แต่งงานกับหลินต้าฝู แม่มีลูกอยู่ในท้องแล้ว”
หลินเซี่ยมองไปที่หลิวกุ้ยอิง รอฟังคำพูดต่อไปของหล่อนอย่างเงียบ ๆ
“แม่เจอพ่อแท้ ๆ ของลูกตอนที่แม่ยังอยู่ในเทศมณฑลซีเหอ เขาเข้าร่วมกับกองกำลังเฉพาะกิจ จำได้ว่าในปีนั้นเมื่อเขามาถึงเทศมณฑลซีเหอของเราเป็นครั้งแรก เขาถูกหนามตำแยตำโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็มีอาการแพ้อย่างรุนแรง แล้วจับพลัดจับผลูมาเจอแม่เข้า ในฐานะคนท้องถิ่น แม่ไม่แปลกใจกับผักหญ้าอย่างตำแยเท่าไหร่ ก็เลยใช้วิธีล้างพิษแบบธรรมดาที่สุด แต่เขาคิดว่าแม่จะแกล้งเขาก็เลยผลักไหล่แม่จนล้ม แม่ก็เลยทะเลาะกับเขายกใหญ่ ถ้าไม่มีวันนั้น เราคงไม่รู้จักกัน”
เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ใบหน้าที่ชราไปตามวัยของหลิวกุ้ยอิงก็เจิดจ้าไปด้วยแสงอันอ่อนโยน
เธอพูดต่อ “ต่อมาเมื่อแม่ได้เข้าไปทำงานในกองทัพ เราก็ค่อย ๆ รู้จักคุ้นเคยกัน หลังรู้จักกันได้ไม่นานแม่ก็เริ่มหลงรักเขาอย่างลับ ๆ แต่เขามีท่าทางเย็นชามาก ไม่เคยพูดคุยกับผู้หญิงคนไหนเลย และในเวลานั้นแม่ก็ไม่เข้าใจในเรื่องทางโลก ประกอบกับเป็นคนซุกซนและกล้าหาญ แม่คิดว่าตัวเองเป็นคนริเริ่มความสัมพันธ์ครั้งนั้น น่าเสียดาย ไม่นานหลังจากที่เราเพิ่งยืนยันความสัมพันธ์กันได้ไม่นาน สงครามก็ปะทุขึ้น ในขณะที่เขาสมัครเป็นกองกำลังแนวหน้า
“คืนก่อนที่เขาจะจากไป แม่เอาเหล้าข้าวฟ่างที่หมักเองสองขวดไปให้เขา เรานั่งดื่มอยู่ริมป่า ดื่มไปคุยไป วันนั้นเขาคุยกับแม่เยอะมาก ทั้งบอกให้แม่รอเขา พอเขากลับมาเมื่อไหร่ เขาจะพาแม่ไปเจอแม่ของเขาทันที จากนั้นก็แต่งงานกัน พาแม่เข้าไปอยู่ในเมืองใหญ่ แม่จำคำพูดของเขาไม่ได้มากนัก จำได้แค่ว่าเมื่อเราสองคนอยู่ภายใต้ฤทธิ์เหล้า ในที่สุดก็พลั้งมีความสัมพันธ์เกินเลยกัน พอตื่นขึ้นเราต่างรู้สึกเสียใจมาก เขาสัญญาว่าจะรอดชีวิตกลับมาให้ได้เพื่อรับผิดชอบแม่ วันรุ่งขึ้น เขาก็จากไปพร้อมกับกองกำลังแนวหน้า”
เมื่อหลิวกุ้ยอิงพูดมาถึงตรงนี้ หล่อนก็ก้มหน้าลง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลินเซี่ยอีก
แม้ว่าตอนนั้นหล่อนจะยังเด็กมาก แต่ทุกวันนี้เมื่อนึกถึงก็ยังรู้สึกละอายใจไม่หาย เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ชายคนหนึ่งโดยที่ตนไม่มีทั้งชื่อหรือสถานะในชีวิตเขา
หล่อนกลัวว่าหลินเซี่ยจะดูถูกเหยียดหยาม และคิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่สำส่อนและไร้ยางอาย
นี่คือเหตุผลที่หล่อนเก็บความลับนี้ไว้มานานหลายปีแล้ว
“แม่ เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นคะ? พวกคุณไม่ได้ติดต่อกันเลยเหรอ?” หลินเซี่ยถาม
หลิวกุ้ยอิงส่ายหัวอย่างเคร่งขรึม “หลังจากที่เขาจากไป แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปส่งจดหมายถึงเขาที่ไหน และแม่เองก็ไม่เคยได้รับจดหมายจากเขาเลย แม่ไปที่กองทัพเพื่อสอบถามที่อยู่ แต่ถูกผู้บัญชาการดุกลับมา บอกว่าที่ตั้งค่ายทหารถือเป็นภารกิจลับทางราชการที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ตอนนั้นแม่กังวลมาก เฝ้าคิดถึงเขาทุกวัน”บราวนี่ออนไลน์
เมื่อหลิวกุ้ยอิงพูดแบบนั้นแล้ว หล่อนก็หยุดไปชั่วครู่ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วรวบรวมความกล้าที่จะพูดต่อ “พอเขาจากไปนานกว่าสองเดือน แม่ถึงรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายตัวเอง แม่รู้สึกคลื่นไส้อาเจียนบ่อยครั้ง และเซื่องซึมกว่าเดิม ตอนนั้นแม่ยังสาว แถมยังเป็นหญิงโสด แน่นอนว่าไม่เคยเข้าใจเรื่องพรรค์นั้นเลย
แต่นานวันเข้าเมื่อแม่ออกไปทำงานทุกวัน แม่เริ่มควบคุมอาการคลื่นไส้อาเจียนไม่ได้ บางคนเริ่มกระซิบกระซาบนินทาแม่ลับหลัง พี่สาวบางคนที่แม่รู้จักก็หยอกล้อเล่นว่าแม่ท้องหรือเปล่า แม่เลยรู้ว่าตัวเองไม่ปกติแล้ว
เวลาเดียวกัน มีข่าวร้ายถูกประกาศออกมาจากกรมทหาร นั่นก็คือนายทหารทุกคนที่สู้รบในสงครามกับกองกำลังแนวหน้าไม่รอดชีวิต สละชีวิตเพื่อชาติกันทั้งหมด”
หลินเซี่ยรู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่งขณะที่เธอฟังคำบอกเล่าของหลิวกุ้ยอิง ราวกับหล่อนกำลังฉีกบาดแผลของตัวเองอีกครั้ง
เธอเข้าใจถึงความสิ้นหวังของหลิวกุ้ยอิงในเวลานั้นได้
แม่ในตอนนั้นคือเด็กสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำกลับตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิด จากนั้นก็รู้ว่าพ่อของเด็กเสียชีวิตในสนามรบ เธอพอจะนึกภาพออกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องรู้สึกสับสน ทำอะไรไม่ถูก และเจ็บปวดมากแค่ไหน หลินเซี่ยจึงลุกจากเตียงแล้วไปกอดหล่อนไว้
ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความเห็นใจและเข้าใจ “แม่ ไม่เป็นไรนะ”
อ้อมกอดของลูกสาวทำให้หลิวกุ้ยอิงมีความกล้าที่จะเล่าเรื่องต่อไป
“พอตาและลุงของลูกรู้ว่าแม่ท้อง พวกเขาก็โกรธมากจนขังแม่ไว้แต่ในบ้าน แถมยังทุบตีแม่อย่างรุนแรง พวกเขาสั่งให้แม่กำจัดลูกในท้องทิ้งไปซะ แต่ตอนนั้นแม่ไม่กล้าทำจริง ๆ ไม่กล้าไปโรงพยาบาลในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาจึงบังคับให้แม่กระโดด วิ่ง ทำงานหนักที่บ้าน ใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำให้แม่แท้งให้ได้ บางทีอาจเป็นเพราะพระเจ้าให้มอบแสงสว่างให้แม่ท่ามกลางความมืดมิด ลูกเลยไม่เคยถึงคราวชะตาขาดสักครั้ง ไม่ว่าพวกเขาจะบีบบังคับและทารุณแม่หนักแค่ไหน ลูกก็ยังอยู่ในท้องของแม่อย่างปลอดภัย ทันใดนั้นแม่ถึงตระหนักว่าพระเจ้าต้องการจะรักษาชีวิตลูกไว้ อยากให้แม่คลอดเจ้าหญิงตัวน้อยให้ลืมตาดูโลกใบนี้
ดังนั้น แม่เลยตัดสินใจว่าจะหนี ตอนนั้นแม่คิดแค่ว่าต้องเก็บลูกไว้ให้ถึงที่สุด ในเมื่อเขาทิ้งหนึ่งชีวิตไว้ให้แม่ดูต่างหน้า แม่ก็จะเก็บลูกไว้แทนความทรงจำของเขา
แม่เตลิดหนีออกจากบ้านอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปไหน ครั้งหนึ่งเคยวิ่งเข้าไปบอกผู้บัญชาการกองทัพว่าแม่ท้องลูกของวีรบุรุษที่เพิ่งพลีชีพในสงคราม แต่ก็โดนไล่ตะเพิดออกมา กล่าวหาว่าแม่ใช้คนตายมาแอบอ้าง ทั้งยังต่อว่าแม่สารพัด
เมื่อตาและลุงของลูกได้ยินว่าแม่เข้าไปในค่ายทหาร พวกเขาก็ปฏิบัติต่อแม่เหมือนแม่เป็นคนบ้า ขังแม่ไว้ในสวนหลังบ้านอีกครั้ง
หลินต้าฝูมาที่บ้านเพื่อช่วยแม่ทันทีหลังจากที่เขารู้เรื่อง ตอนนั้นครอบครัวของแม่ทำกิจการค้าขายเหล้า เขาก็มักจะแวะมาที่ร้านเหล้าบ่อย ๆ แม่รู้จักเขามานานพอสมควร แค่ไม่เคยชอบพอกันเท่านั้น เขาบอกว่าตราบใดที่แม่ไม่รังเกียจที่เขาเป็นพ่อม่ายลูกติด เขาก็ยินดีที่จะแต่งงานกับแม่ และจะปฏิบัติต่อเราสองแม่ลูกเป็นอย่างดี
ตากับลุงของลูกกระตือรือร้นมากเมื่อได้ยินว่ามีคนพร้อมรับแม่ไปดูแลต่อ ดังนั้นพวกเขาจึงยกแม่ให้หลินต้าฝู บอกให้เขาพาแม่ออกจากเทศมณฑลซีเหอ และตัดความสัมพันธ์กับแม่ทันที
ต้าฝูเป็นคนซื่อสัตย์มาก และเป็นคนที่ควรค่าแก่ความไว้วางใจ หลังจากแม่ตามเขามาอยู่ที่เมืองจินซาน เขาก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้ และดูแลแม่อย่างดีมาโดยตลอด วันที่แม่คลอด เขามีงานต้องไปซ่อมเครื่องจักรที่โรงงานถลุงเหล็กในตัวอำเภอ ทำให้กลับมาหาแม่ไม่ทัน จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น”
หลิวกุ้ยอิงพูดแบบนี้แล้ว เธอก็จับมือหลินเซี่ยไว้ และอธิบายให้เธอฟังอีกครั้งด้วยอารมณ์เว้าวอน “เซี่ยเซี่ย เชื่อแม่เถอะ พวกเราไม่ได้วางแผนสลับตัวลูกกับเสิ่นอวี้อิ๋งในตอนนั้นจริง ๆ ตอนนั้นพ่อเขาไปทำงาน แม่ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลตามลำพัง แล้วพยาบาลก็อุ้มเด็กมาให้แม่ แม่ไม่มีเวลาหรือเรี่ยวแรงที่จะคิดวางแผนร่วมกับใคร”
“แม่ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันเชื่อแม่” หลินเซี่ยแทบรอฟังต่อไม่ไหว “หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ เล่าเรื่องเกี่ยวกับแม่และพ่อต่อดีกว่า”
“ตอนแรกเกิดเสิ่นอวี้อิ๋งตัวเล็กมาก พ่อรู้สึกผิดมาก คิดว่าเป็นเพราะในระหว่างท้องแม่ต้องติดตามเขาไปทุกที่ ทำให้ไม่สามารถสนองโภชนาการที่จำเป็นได้อย่างเพียงพอ ระหว่างแม่อยู่เดือน เขายอมเชือดแม่ไก่แก่มาต้มซุปเพื่อเป็นอาหารบำรุงให้แม่ จำได้ว่าย่าของลูกแผดเสียงดุด่าลั่นสวนตลอดทั้งคืน
ระหว่างที่แม่อยู่เดือน เสิ่นอวี้อิ๋งป่วยหนักแทบไม่รอด พ่อไปสอบถามทุกคนถึงที่อยู่ของหมอเทวดาเย่ ตอนนั้นตรงกับช่วงฤดูหนาวพอดี ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมอุ้มเด็กเดินฝ่าภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะเพื่อตามหาหมอเย่จนเจอ จากนั้นก็พาหล่อนไปรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อ เสิ่นอวี้อิ๋งคงตายไปนานแล้ว
พ่อมีความเชื่อมั่นเพียงอย่างเดียวในเวลานั้น คือพ่อแท้ ๆ ของลูกได้เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องครอบครัวและประเทศชาติ ดังนั้นเขาจะต้องรักษาและเลี้ยงดูทายาทที่เขาทิ้งไว้เป็นอย่างดี”
หลังจากได้ยินเรื่องราวในอดีตของหลิวกุ้ยอิง หลินเซี่ยก็รู้สึกเคารพอย่างลึกซึ้งต่อชายผู้ซื่อสัตย์ที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อนคนนั้น
หลิวกุ้ยอิงโชคดีที่ได้เจอกับผู้ชายดี ๆ อย่างหลินต้าฝู
เสิ่นอวี้อิ๋งก็โชคดีมากเช่นกัน
“แม่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่ดีกับพี่ชายมาก เพราะพ่อดีกับเสิ่นอวี้อิ๋งมากขนาดนี้เอง พวกคุณคือคู่สามีภรรยาที่จริงใจอย่างแท้จริง”
หลิวกุ้ยอิงถอนหายใจและพยักหน้า “ใช่ เขาปฏิบัติต่อเสิ่นอวี้อิ๋งเหมือนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขาเอง แม่ก็ปฏิบัติต่อจินซานอย่างจริงใจ แม้ว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของแม่จะยากลำบากมาก แต่เมื่ออยู่กับเขา แม่กลับเต็มไปด้วยความสบายใจ ชีวิตคู่ของเราก็มีความสุขมากเหมือนกัน “
“รู้ไหมว่าทำไมชื่อของลูกถึงมีคำว่าเซี่ย?” หลิวกุ้ยอิงมองหลินเซี่ยด้วยสายตาอันนุ่มนวลพร้อมถาม
ดวงตาของหลินเซี่ยขยับเล็กน้อย ถามอย่างลังเล “เพราะพ่อฉันมีคำว่าเซี่ยอยู่ในชื่อใช่ไหมคะ?”
หลิวกุ้ยอิงพยักหน้า “ใช่ แซ่ของเขาคือเซี่ย พ่อก็เลยตั้งชื่อนี้ให้ลูก เขาเป็นคนต้นคิดให้ใช้หนึ่งคำจากชื่อของพ่อแท้ ๆ มาตั้งชื่อลูกสาวของเขา”
“แล้วชื่อเต็มของเขาคืออะไรคะ?”
หลังจากที่หลินเซี่ยถามคำถามนี้ เธอก็กลั้นลมหายใจ มองหลิวกุ้ยอิงอย่างตั้งตาคอย รอให้หล่อนบอกชื่อพ่อผู้ให้กำเนิด
เขาจะใช่คนที่อยู่ในความคิดของเธอหรือเปล่านะ?
หลิวกุ้ยอิงมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่าเป็นเวลานาน แล้วพูดว่า “เขาชื่อเซี่ยเหลย”
แม้ว่าเธอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว แต่หลินเซี่ยก็ยังคงตกใจมากเมื่อได้ยินชื่อดังกล่าวซึ่งถูกพูดจากปากของหลิวกุ้ยอิงเอง
ใช่เซี่ยเหลยจริง ๆ ด้วย!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เห็นใจคุณแม่นะ ตอนนั้นยังเด็กไม่รู้เรื่องราวอะไรแล้วมาเจอเหตุการณ์แบบนั้นมันก็ต้องไปต่อไม่ถูกเป็นธรรมดา แต่ก็ยังพยายามเลี้ยงลูกจนรอดได้
รู้ว่าพ่อจริงๆ ชื่ออะไรแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่ไปตามหาพ่อแล้วล่ะ
ไหหม่า(海馬)