ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 223 เจออิงจื่อแล้ว
ตอนที่ 223 เจออิงจื่อแล้ว
ตอนที่ 223 เจออิงจื่อแล้ว
คำถามที่เซี่ยไห่ฝากถามเป็นสิ่งที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้ ทำให้แม่ของเซี่ยไห่โต้ตอบด้วยความสับสน “เซี่ยไห่ ถามแบบนี้หมายความว่าไง? อย่าบอกนะว่าลูกเจอคนแล้ว?”
เซี่ยไห่ตอบว่า “พอได้เบาะแสแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นแกก็รีบไปหาคนที่ว่านี้เถอะ ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนในการตามหา แกก็ต้องพาหล่อนไปที่ไห่เฉิงให้ได้ แล้วแม่กับพี่สาวแกจะพาพี่ใหญ่ของแกไปที่ไห่เฉิงเอง ตอนนี้สิ่งเดียวที่เรามีเกี่ยวกับอดีตของเขาก็คือคนชื่ออิงจื่อ หวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะสามารถปลุกความทรงจำของพี่ใหญ่แกให้กลับมาได้”
“เข้าใจแล้ว”
เซี่ยไห่ถามด้วยความเป็นกังวล “แม่ แล้วช่วงนี้พี่ใหญ่เป็นยังไงบ้าง? ขาเขาเริ่มโอเคขึ้นไหม?”
แม่เซี่ยตอบว่า “ขาของเขาไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากเดินเหินไม่สะดวกแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เร็ว ๆ นี้เขาเพิ่งเรียนทำอาหาร บอกว่าอีกหน่อยอยากจะเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง สภาพจิตใจดีเลยล่ะ”
ตอนที่เซี่ยเหลยได้รับการช่วยเหลือจากสหายร่วมรบ เขากลับมาในสภาพหมดสติ มีอาการบาดเจ็บที่ขาและแขนหลายระดับ หลังจากพักฟื้นและรับการรักษาที่ฮ่องกงเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดเขาก็จดจำคนในครอบครัวได้อีกครั้ง แต่ยังสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป ขาซ้ายพิการถาวร โชคดีที่ยังสามารถดูแลตัวเองได้
การมีแม่และน้องสาวคอยดูแลอยู่เคียงข้าง ทำให้สภาพจิตใจของเขาค่อนข้างดี
คุณแม่เซี่ยถอนหายใจใส่เซี่ยไห่ผ่านทางโทรศัพท์
“บางครั้งแม่ยังแอบคิดเหมือนกันว่าเขาสูญเสียความทรงจำก็ไม่เป็นไร ขอแค่เขากลับมาจดจำคนในครอบครัวได้ก็พอแล้ว แต่พอแม่ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่ออิงจื่อในขณะหลับ หน้าตาและน้ำเสียงของเขาช่างอ่อนหวาน เห็นได้ชัดว่าคนที่ชื่ออิงจื่อมีความสำคัญสำหรับเขามาก หมอบอกว่ายิ่งเป็นความทรงจำที่ลืมไม่ลงก็ยิ่งลืมเลือนได้ง่ายเมื่อร่างกายถูกกระทบกระเทือนอย่างแสนสาหัส แม่คิดว่าเราควรช่วยเขาฟื้นความทรงจำนั้น เผื่อว่าชีวิตของเขาจะกลับมาสมบูรณ์”
“เสี่ยวไห่ ขอบคุณมากนะที่พยายามอย่างหนัก ถ้าเราเจอคนที่ชื่ออิงจื่อจริง ๆ และหล่อนสามารถรื้อฟื้นความทรงจำของพี่ใหญ่กลับมาได้ น้ำใจของลูกจะถือเป็นที่สุด”
เซี่ยไห่ตอบกลับ “แม่ สิ่งที่ผมทำจะเรียกว่าหนักได้ยังไง? แม่ยังอดทนดูแลพี่ใหญ่ของผมมานานกว่ายี่สิบปีได้เลย แถมไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยหรือหนักเลยสักครั้ง”
หลังจากที่เซี่ยไห่คุยโทรศัพท์กับแม่จบแล้ว จิตใจของเขาก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น ก่อนจะกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง
เซี่ยในชื่อหลินเซี่ยก็คือเซี่ยเดียวกับเซี่ยเหลยงั้นเหรอ?
งั้นก็มีเหตุผลแล้วว่าทำไมหลินเซี่ยถึงได้หน้าตาเหมือนเซี่ยอวี่พี่สาวของเขา
หลานสาวหน้าเหมือนอาหญิง!
เซี่ยไห่คิดมาถึงตรงนี้ ก็แทบจะกระโดดผึงขึ้นจากเตียงด้วยความตื่นเต้น
เขาวางแผนว่าจะเก็บกระเป๋าเป้สะพายหลังทันทีแล้วตรงกลับบ้าน
แต่แล้วคำพูดของเฉินเจียเหอก็ก้องสะท้อนอยู่ในใจของเขาอีกครั้ง
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ควรได้รับการตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
เขาต้องค้นหาความจริงของเรื่องนี้ให้เจอเสียก่อน
ถ้าแม่ของหลินเซี่ยที่ชื่อหลิวกุ้ยอิงเป็นคนเดียวกับคนที่เขากำลังตามหา ก็เท่ากับว่าเป็นโชคชะตาที่พวกเขาได้เจอกัน
ถึงอย่างไรพวกหล่อนก็อยู่ในไห่เฉิง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาออกตามหาเพิ่มอีก
เช้าวันรุ่งขึ้น เขาออกไปพร้อมกับกระเป๋าเป้อีกครั้ง ซื้อของฝากติดมือมามากมาย และมุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลหลิว
ตราบใดที่เขาสามารถสอบถามจากตระกูลหลิวจนรู้ว่าหลิวกุ้ยอิงแต่งงานและย้ายไปอยู่เทศมณฑลจินซานจริงไหม แล้วสามีของหล่อนชื่อหลินต้าฝูหรือเปล่า เท่านี้ทุกอย่างก็จะกระจ่างชัด
เมื่อเซี่ยไห่มาถึงประตูบ้านตระกูลหลิว หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าประตู ถือชามบะหมี่และคีบเส้นบะหมี่กิน
ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของหลิวจื่อเฉิง พี่ชายคนโตของหลิวกุ้ยอิง
เมื่อเห็นว่าหล่อนนั่งกินข้าวอยู่ที่นั่นคนเดียว สีหน้าของเซี่ยไห่ก็สดใสขึ้นเล็กน้อย
เมื่อวานนี้เขามาที่บ้านตระกูลหลิวครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าหลิวจื่อเฉิงมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเขาเท่าไหร่นัก เรียกได้ว่าไม่มีพื้นที่สำหรับเท้าความสนทนาเลย
แต่พี่สาวคนนี้ดูใจดีและสุภาพมากกว่าเขา
เพราะหล่อนอุตส่าห์ยกน้ำมาให้เขาดื่ม
เซี่ยไห่เดินเข้าไปหา พูดด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่สุภาพให้เกียรติว่า “สวัสดีครับพี่สาว เมื่อวานนี้ผมแวะมาที่นี่แล้วรอบหนึ่ง”
“คุณมาทำอะไรที่นี่อีกแล้วคะ?” ภรรยาของหลิวจื่อเฉิงเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยไห่พลางถาม
“ผมมาหาพี่ใหญ่หลิวครับ”
ภรรยาของหลิวจื่อเฉิงตอบ “สามีฉันไม่อยู่บ้าน เขาออกไปส่งเหล้าที่ร้านค้าในเมืองน่ะค่ะ”
“พี่ใหญ่หลิวไม่อยู่บ้านเหรอครับ”
ถ้าอย่างนั้นก็แจ่มเลย
เซี่ยไห่โค้งคัวลง มอบของมากมายที่เขาตั้งใจซื้อมาฝากพวกเขาให้กับภรรยาของหลิวจื่อเฉิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มต่อไปว่า
“พี่สาว ผมซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมาให้คุณด้วย คุณมีอายุแล้วแต่ยังสวยสมวัย ฉะนั้นควรดูแลตัวเองให้มากขึ้นอีกหน่อย ตอนนี้สภาพความเป็นอยู่ของคุณอยู่ในระดับที่ดีเลย อย่าสนใจแต่เรื่องอาหารการกินและเสื้อผ้าเท่านั้น ควรสนใจเรื่องความสวยความงามด้วย”
ใบหน้าภรรยาของหลิวจื่อเฉิงเต็มไปด้วยความระมัดระวัง “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่? ฉันไม่กล้ารับสิ่งของของคุณสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกนะ”
“อย่างที่ผมบอกไปเมื่อวาน ผมเป็นน้องชายของเซี่ยเหลย พี่ใหญ่ของผมช่วยชีวิตคนมากมายและเสียสละอวัยวะจากสงครามในสนามรบ ตอนนี้สถานการณ์ของเขาไม่ค่อยสู้ดี ก็เลยอยากมาตามหาเพื่อนเก่า ๆ ที่เขาเคยรู้จักสมัยเป็นทหาร ผมไปหาพวกเขามาหลายคนแล้ว ได้ยินพวกเขาเล่าให้ฟังว่าสหายที่ชื่อหลิวกุ้ยอิงซึ่งเคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ดูสนิทสนมคุ้นเคยกับพี่ใหญ่ผมดี ผมเลยอยากมาหาหล่อน เพื่อดูว่าหล่อนเต็มใจที่จะกลับไปเจอพี่ใหญ่ผมไหม เผื่อพี่ใหญ่จะได้เจอเพื่อนเก่าสมปรารถนา จุดประสงค์มีแค่นี้เองครับ”
เซี่ยไห่มองหน้าหล่อน โน้มน้าวด้วยเหตุผลอันหนักแน่นด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “พี่สาว ผมมองแวบแรกก็รู้แล้วว่าคุณดูเป็นคนมีน้ำใจ คุณน่าจะเข้าใจหัวอกคนป่วยที่ต้องทนทุกข์ทรมานมาเกินครึ่งชีวิต พี่ใหญ่ของผมรอดตายและยังมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็มีชีวิตที่ยากลำบากมาก เขากลายเป็นคนพิการที่เหมือนตายจากไปแล้วครึ่งหนึ่ง ความปรารถนาเดียวของเขาในตอนนี้คือการพบเจอเพื่อนเก่า ในฐานะที่ผมเป็นน้องชาย ผมอยากช่วยให้เขาสมความปรารถนาสักครั้ง ดังนั้นพี่สาวช่วยกรุณาบอกผมหน่อยได้ไหมครับ ว่าตอนนั้นหลิวกุ้ยอิงแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่ไหน?”
“พี่สาว ผมไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง แล้วก็ไม่ใช่คนไม่ดีด้วย แค่อยากให้พี่ชายได้เจอเพื่อนเก่าเท่านั้นเอง แต่เราสัญญาว่าจะไม่รบกวนชีวิตปกติของสหายหลิวกุ้ยอิงเลย ตราบใดที่คุณยอมบอกว่าหล่อนแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่ไหน หลังจากนี้ผมจะไม่มารบกวนคุณอีก…”
หญิงกลางคนดูผ่อนคลายลงเล็กน้อยหลังจากฟังสิ่งที่เซี่ยไห่พูด
ใบหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและชั่งใจ
ดวงตาดอกท้อคู่งามของเซี่ยไห่เต็มไปด้วยคำอ้อนวอน เขามองตรงไปที่หล่อนอย่างไม่ละสายตา
หญิงคนนี้รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อถูกหนุ่มหล่อคนนี้จ้องมอง หล่อนลังเลอยู่นาน แต่ในที่สุดก็ยอมผ่อนปรน
“หล่อนแต่งงานกับคนที่มาจากเทศมณฑลจินซาน”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของเซี่ยไห่ก็สดใสขึ้นเล็กน้อย ถามต่อไปอีกขั้นว่า “แล้วผู้ชายที่หล่อนแต่งงานด้วยชื่ออะไรเหรอครับ?”
ผู้หญิงคนนั้นหยุดพูดอีกครั้ง
เซี่ยไห่ก้าวไปนั่งยอง ๆ ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น และขอร้องเธอด้วยน้ำเสียงจริงใจ “พี่สาว ช่วยบอกผมทีเถอะ ผมสัญญาว่าจะไม่บอกให้ใครรู้เด็ดขาดว่าคนที่ให้ข้อมูลเป็นคุณ แล้วผมก็จะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อสหายหลิวกุ้ยอิงด้วย คุณแค่บอกชื่อสามีเธอมาตามตรง แล้วผมจะไปจากที่นี่ทันที และจะไม่มารบกวนชีวิตของคุณอีก”
ผู้หญิงคนนั้นถือชามนิ่ง มองผู้ชายตรงหน้าที่ยังคงมองตัวเองด้วยสายตาวิงวอน ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหว ต้องตอบไปตามตรง “ดูเหมือนว่าเขาจะชื่อหลินต้าฝูมั้ง”
ดวงตาของเซี่ยไห่สั่นไหวอย่างรุนแรง ในขณะที่เขาขอคำยืนยันจากเธอ “แน่ใจเหรอครับ?”
หญิงสาวพยักหน้า “แน่ใจสิ”
“ขอบคุณครับพี่สาว ขอบคุณมาก”
เซี่ยไห่วางผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและกล่องของขวัญจำนวนมากไว้ในอ้อมแขนของผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะโค้งคำนับหล่อนด้วยอาการตื่นเต้นอย่างสุดประมาณ แล้วหันหลังกลับและจากไป “พี่สาว ผมลาก่อนนะครับ”
หลังเซี่ยไห่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องตรงกับเบาะแสที่ได้มา เขาก็รีบกลับมาที่โรงแรมอย่างตื่นเต้น
พอถึงโรงแรมก็ชาร์จมือถือ แล้วต่อสายตรงโทรไปเมืองฮ่องกงโดยไม่รอช้า
คราวนี้เขาโทรไปหาเซี่ยอวี่พี่สาวของเขา
“พี่สาว พี่กับแม่รีบจัดการพาพี่ใหญ่กลับไปที่ไห่เฉิงโดยเร็วที่สุด ผมเจออิงจื่อแล้ว”
“เสี่ยวไห่ นายไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม? เมื่อวานนี้นายยังบอกว่าหาใครไม่เจออยู่เลย ผ่านไปไม่นานนายเจอคนเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ?” เซี่ยอวี่ถามด้วยความไม่เชื่อ
เซี่ยไห่พูดด้วยเสียงหนักแน่น “ผมเจอแล้วจริง ๆ เจอทุกคนที่เกี่ยวข้องแล้ว”
“เซี่ยไห่ คำพูดนายไว้ใจได้ไหมเนี่ย? ถ้าในที่สุดพวกเรากลับไปที่ไห่เฉิงแล้วผลสรุปออกมาว่าไม่ได้อะไรเลย ฉันจะหักขาของนายทิ้งซะ” เซี่ยอวี่ขู่อย่างดุเดือด
เซี่ยไห่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “พี่สาว ผมพูดจริง ๆ นะ ชื่อเต็มของอิงจื่อคนนี้คือหลิวกุ้ยอิง เจ้าตัวเป็นคนยอมรับว่าเมื่อก่อนหล่อนรักอยู่กับคนชื่อเซี่ยเหลยจริง แล้ว…”
เซี่ยอวี่ถามเร่งเร้า “แล้วอะไรอีก?”
“พี่สาว ครั้งล่าสุดผมเล่าให้แม่ฟังว่าตอนกลับมาที่ไห่เฉิงแรก ๆ ผมเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาเหมือนพี่ตอนยังวัยรุ่นไม่มีผิดเพี้ยน ผมเลยแอบถามแม่ว่าก่อนหน้านี้พี่เคยแต่งงานแล้วแอบคลอดลูกอย่างลับ ๆ มาก่อนหรือเปล่า…”
เซี่ยไห่ชอบเท้าความชวนให้เข้าใจผิด ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสียงคำรามก็ดังมาจากโทรศัพท์ “เซี่ยไห่ นายพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? ฉันยังไม่มีแฟนด้วยซ้ำ แล้วจะแอบไปแต่งงานมีลูกได้ยังไง? ต่อให้ฉันทำอะไรแบบนั้นจริง ๆ แล้วปิดข่าวไว้จากสื่อและสาธารณชน แต่ฉันจะซ่อนความจริงจากนายได้แค่ไหนเชียว?”
“พี่สาว อย่าเพิ่งดุผมสิ ประเด็นหลักที่ผมจะพูดก็คือผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเหมือนพี่มาก ๆ”
เซี่ยไห่รีบอธิบายต่อ “เอาล่ะ กลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ลูกสาวของพี่ แล้วหล่อนก็ไม่ใช่ลูกสาวของผมด้วย แต่หน้าตาหล่อนดันไปคล้ายกับพี่มาก พี่คงเข้าใจใช่ไหมว่าฉันกำลังหมายถึงอะไร?”
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความจริงกระจ่างแล้ว จะพาพี่ใหญ่ไปเจอหน้าลูกเลยไหมนะ
ไหหม่า(海馬)